กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 16 [END]

5 posters

Go down

Who’s the KING? } 16 [END] Empty Who’s the KING? } 16 [END]

ตั้งหัวข้อ by คราม Tue Jul 15, 2014 4:19 pm

Who’s The KING?
16


 
          “เฮ้อ”


                “เป็นไร กูเห็นมึงถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ” ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ นั่งห่อของขวัญเตรียมให้น้องตัวเองเย็นนี้ ห่อผิดห่อถูก ห่อทุเรศเสียกระดาษห่อของขวัญดีๆ ไปหายแผ่นจนไอ้บุ๊คมาแย่งไปห่อให้ ผมล้มตัวลงนอนกับพื้อนเหวี่ยงขาตัวเองขึ้นไปบนโซฟา


                “มีเรื่องอะไรอยากระบายก็พูดมา เห็นแล้วหงุดหงิด” ผมส่ายหัวให้มันอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี


                “ประมุขเหรอหรือนรินทร์”


                “อะไร”


                “เรื่องที่มึงกำลังคิดอยู่ในตอนนี้ไง”


                “ทั้งสอง” ผมตอบแล้วก็เลื่อนลอยอยู่ในความคิดของตัวเองอีกครั้ง หลังจากแข่งจบนี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว นรินทร์เริ่มเก็บตัวซ้อมเวลาที่เจอกันเลยน้อยลง เรื่องระหว่างเราก็ไม่ได้คืบหน้าไปจากเดิมเท่าไร แต่มันก็รู้สึกพิเศษกว่าที่เคยเป็นมา ส่วนประมุขผมไม่ได้เจอมันเลย คณะเราก็อยู่ใกล้กันแท้ๆ อีกอย่างผมไม่ควรคิดถึงมันเลยแต่ทุกๆ การกระทำก็มักจะคิดถึงมันเสมอกับนรินทร์เองก็ไม่ต่างกัน




 
                ตอนเย็นที่ลานกว้างของคณะมีคนของเอกผมนั่งอยู่เต็มไปหมด ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ รับไหว้รุ่นน้องจนสมองมึนๆ เผลอไปไหว้น้องซะอย่างนั้น แล้วกิจกรรมเปิดสายก็เริ่มขึ้น พอน้องรู้ว่าพี่ตัวเองเป็นใครก็พากันมานั่งจับกลุ่มคุย โชคดีที่น้องผมเป็นผู้ชายคุยเก่งหน้าตาก็หล่อจนสาวๆ กรี๊ดกร๊าด ผมให้ของขวัญน้องมันทำหน้าเซ้งใส่เมื่อรู้ว่าเป็นไร ผมโดนพี่โตตบหลังปุๆ ปีนี้พี่แกก็คงคอนเซ็ปต์เดิมคือหนังสือเรียนของปีสองยกชุด ถ้าปีน้องเกิดเปลี่ยนหนังสือขึ้นมาคงซวย


                สายของผมไม่ได้พากันไปเลี้ยงต่อเหมือนสายคนอื่นๆ เพราะพี่ใหญ่ไม่มีเงิน พวกผมก็ไม่ขัดข้องยังพอมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนานเพราะอย่างนั้นเลยพากันแยกย้ายกลับ ผมกลับคนเดียวเพราะสายไอ้บุ๊คพาไปเลี้ยง ผมเดินออกมาขึ้นวินที่หลังคณะแล้วก็ได้เจอกับคนที่วนเวียนอยู่ในความคิดของผมอยู่ตลอดเวลา


                ประมุขยืนคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนของมัน ในนั้นผมรู้จักแค่มิงค์คนเดียว พี่วินเรียกถามว่าผมจะอารถไหมแต่ผมก็ไม่ได้ตอบได้แต่ยืนมองมันอยู่อย่างนั้น จนเพื่อนมันสะกิดให้หันมาทางผม เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะทักทายยังไงดี มันยึกๆ ยือ เหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเดินเข้ามาหาผมดีไหม แต่สุดท้ายมันก็มา ยิ่งมันเดินเข้ามาใกล้ผมก็ยิ่งก้าวถอยหลัง ตลกสิ้นดี อยากเจอเขาจะตายแต่พอเจอจริงๆ กับถอยหนีซะอย่างนั้น


                “ทำไมยังไม่กลับอีก”


                “มีงานเปิดเทค มึงละ”


                “เพิ่งเรียนเสร็จ” อ๋อ.. อืม ผมตอบรับเบาๆ แล้วระหว่างเราก็เงียบไป ในเวลานี้ผมควรพูดอะไรออกไปดีนะ ขณะที่กำลังคิดเสียงประมุขตะโกนบอกเพื่อนให้กลับก่อนก็ดังเข้ามาในหัว ผมหันไปมองคนตรงหน้า มันหันมายิ้มให้แล้วพากันออกเดิน พอได้เดินไปด้วยกันก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามันแบกถุงฟันดาบมาด้วย


                “จะไปชมรมเหรอ”


                “อืม ไปเป็นคู่ซ้อมให้ไอ้ริน ไปไหม”


                “ไม่ไปหรอก” ปกติถ้ามันเจอผมมันต้องตะโกนทักเสียงดังเข้ามารัดคอผมลากผมไปนู่นไปนู่นเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้แววตาของดูเหงาๆ หงอยๆ ท่าทางการเดินก็ดูเหนื่อยแสนเหนื่อยไม่ค่อยร่าเริงอย่างที่เคย หรือในเวลานี้ผมไม่ควรจะมาเจอมัน


                “งั้นกลับก่อนนะ” ตั้งใจจะถอยหลังเดินกลับไปหาพี่วิน แต่ก็ถูกมันรั้งแขนเอาไว้


                “เดี๋ยวไปส่ง”


                แค่ประโยคสั้นๆ ผมก็ยอมเดินตามมันไปอีกครั้ง วันนี้มันเอาฟีโน่คันเดิมที่ครั้งหนึ่งผมเคยซ้อนท้ายมาใช้  ผมกล้าๆ กลัวๆ ที่จะจับเสื้อมันไว้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็เกิดกลัวขึ้นมา กลัวว่าตัวเองจะเผลอเข้ากอดแผ่นหลังเหงาๆ ของมัน ไม่ดีเลย ผมไม่อยากทำเหมือนกำลังให้ความหวังมัน


รถมอเตอร์ไซค์แล่นไปตามทางเดิมที่คุ้นๆ ผ่านสวนสาธารณะที่มัยเคยพาผมซื้อข้าวเซเว่นไปนั่งกิน แล้วเราก็ทะเลาะกันอีก แต่มันก็ยังไปส่งผมอยู่แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ทางผ่านให้มันไปหาแฟนตัวเองก็ตาม จะว่าไปมันบอกว่าเลิกกับแฟนไปแล้วนี่นา ที่เลิกก็เพราะผมอย่างนั้นเหรอ อดคิดไม่ได้ว่าทำไมต้องทำอะไรแบบนั้น เลิกกับแฟนที่คบกันมาก่อนเพราะคนที่มาหลังอย่างผมนี่มันไม่ใช่เรื่องเลยจริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกันแต่ผมก็รู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาหน่อยๆ


“จะแวะซื้ออะไรก่อนไหม”


ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะค่อยโน้มหัวตัวเองลงไปวางบนแผ่นหลังของมันพร้อมกับมือที่กำเสื้อของมันแน่นขึ้น สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับความต้องการของตัวเอง ผมละทิ้งความรู้สึกผิด ความรู้กลัวเมื่อครู่นี้ไปจนหมดแล้วเลือกทำตามที่ใจต้องการแทน


แผ่นหลังของประมุขเกร็งขึ้นจนผมรู้สึกได้ มันเองก็คงตกใจ ผมได้แต่บอกมันอยู่ในใจว่าขอเวลาแค่ครู่เดียว ครู่เดียวเท่านั้น ผมกำลังสับสนหาทางอกไม่เจอ มือหนาของมันเลื่อนมากุมมือของผมไว้ข้างหนึ่ง ความอบอุ่นที่ก่อขึ้นทำเอาผมอมยิ้ม แล้วก็ค่อยๆ จางลงไปเมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าตัวเองชอบนรินทร์อย่างจริงใจ แต่ทำไมพอประมุขกำลังจะไกลออกไปผมกลับทนให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ ผมกำลังเห็นแก่ตัวสินะ


ไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร






 
ผมกำลังจะไปเที่ยวกับนรินทร์ เขามีวันว่างก่อนไปแข่งเลยชวนผมไปเที่ยวทะเลที่ระยอง ผมรู้สึกดีใจนะ ตอนนี้ก็ยังใจเต้นรุมๆ อยู่ที่จะได้มีโอกาสไปเที่ยวไกลๆ กับนรินทร์สองคน ไอ้บุ๊คยืนกอดอกพิงประตูมองผมนั่งเก็บของยัดใส่เป้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันเป็นเชิงถามว่ามีอะไร มันส่ายหัวให้ ผมก็มองอีกมันก็เอาแต่ส่ายหัวเหมือนเดิมจนผมเก็บของเสร็จก็ตั้งใจว่าจะนอนเล่นระหว่างรอนรินทร์มารับ ไอ้บุ๊คก็เดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับผม


“ขอพูดอะไรนิดนึง”


“ว่า”


“มึงดูหงอยๆ เหงาๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมเงียบไป รู้แหละว่ามันเป็นห่วงแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เพื่อนต้องคิดมากไปด้วย


“กูว่ากูคงเดาไม่ผิดเรื่องไอ้ประมุขกับนรินทร์ใช่ไหม ไอ้ประมุขชอบมึงส่วนมึงชอบนรินทร์อย่างนั้นใช่ไหม” ผมเงียบอีกครั้งและนั่นคือคำตอบ บุ๊คพรูลมหายใจออกมา


“ขอพูดนิดเดียวนะ ในสายตากูตอนมึงอยู่กับสองคนนั้นจะต่างกัน ก็ไม่ใช่ว่ามึงปั้นหน้าใส่หรือทำตัวหรอกนะ เพียงแต่ตอนอยู่กับประมุขมึงเป็นแลนด์ที่มาจากตัวตนจริงๆ ไม่ต้องทำอะไรก็เป็นมึง แต่เวลาอยู่กับนรินทร์กูงงๆ ว่ามึงทำไมต้องพยายามขนาดนั้นบอกเฉยๆ”


“อือ กูก็เคยคิด.. แต่จู่ๆ กูก็คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไง”


“ลองคิดดูดีๆ มันไม่ยากหรอก ถามใจตัวเองแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะครั้งเดียวคำตอบก็ออกแล้ว”


มันตบไหล่ให้กำลังใจก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง คิดวนไปวนมาอยู่กับคำพูดของเพื่อนตัวเองก่อนที่เสียงมือถือจะดังขึ้นแล้วดับไปนั่นเป็นสัญญาณว่านรินทร์มารอผมที่ข้างล่างคอนโดแล้ว ผมสลัดความคิดอื่นๆ ทิ้งไปชั่วครู่แล้ววิ่งออกไปหาความสุขทั้งที่ใจยังวูบโหวงอยู่




 
เราขับรถมาถึงระยองกันตอนบ่ายแก่ๆ จองโรงแรมไว้หนึ่งห้องเพราะจะค้างหนึ่งคืน พอเก็บของเสร็จก็พากันไปเดินเล่นที่ชายหาดก่อนที่เสียงจากท้องจะร้องออกมาอย่างน่าอายเราเลยพากันไปนั่งกินอาหารทะเล ทะเลที่ระยองสวยไม่ต่างจากพัทยาเท่าไร พูดถึงพัทยารอบที่แล้วประมุขมันไม่ได้พาผมไปทะเลนี่หว่า


“แกะได้ไหมปูนะ”


“หะ.. อ๋อ ได้ๆ” ผมหัวเราะนั่งงัดปูแล้วโยนความคิดที่มีประมุขอยู่ด้วยเมื่อครู่ทิ้งไปในอากาศ เรากินกันจนอิ่มท้องแล้วก็พากันกลับไปเดินอีกทีก่อนที่หนังตาจะเริ่มหย่อนผมเลยชวนนรินทร์กลับห้องไปพักก่อนแล้วดึกๆ ค่อยออกไปเดินตลาดกัน


โรงแรมที่เราเลือกพักเป็นโรงแรมเล็กๆ ริมชายหาด แต่ราคาโคตรแพง ดีที่เลือกห้องสองเตียงแล้วหารกันจ่าย ไม่อย่างนั้นผมอ้วกออกมาเป็นค่าห้องแน่ นรินทร์เข้าไปอาบน้ำส่วนผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกะว่าจะเข้าไปอาบต่อแต่ความง่วงกลับทำให้ผมหลับไปยาวๆ ตื่นมาอีกทีก็หกโมงกว่าแล้ว มองไปรอบๆ ห้องก็เห็นนรินทร์ยืนดูวิวอยู่ที่ระเบียงผมเลยไปอาบน้ำจัดการตัวเองก่อนจะออกไปยืนข้างๆ กัน


“หิวหรือยัง”


“หิวแล้ว มากด้วย” นรินทร์หันมายิ้มให้ ลูบหัวผมเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆ เราพากันออกไปหาของกินข้างนอก ไม่ได้นั่งร้านแต่เดินไปกินไปแทน อิ่มได้ที่เหมือนกัน ผมได้ของฝากมาเต็มไว้เต็มมือแต่เขาก็เอาไปถือจนหมด เราเดินกันมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดทางตลาดตรงนั้นมีเวทีสำหรับวงคนตรีเราเลยพากันไปยืนดู แล้วผมก็คิดถึงวันที่ได้เจอประมุขที่ลานดนตรีอีกจนได้ ผมสะบัดหัวใจความที่มีไอ้ประมุขออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลิกเข้ามาอยู่ในหัวกูสักที โว้ย!


“แลนด์โอเคนะ นี่เมาหมึกย่างหรือเปล่าเนี่ย”


“ไม่ใช่นะ แค่ตามันเฟื่องๆ สงสัยจะเจอควันเยอะไปหน่อย”


“แสบตาหรือเปล่า” นรินทร์ว่าพร้อมกับเอามาเกลี่ยๆ ที่ตาของผม ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ๆ ผมส่ายหน้าบอกไม่เป็นอะไร  ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่เขาตามใจผมทุกอย่างอยากทำ อยากกิน อยากเดินไปไหนก็พาไปไม่บ่นสักคำทั้งวันมีแต่รอยยิ้มในขณะที่ผมเอาแต่คิดถึงไอ้ประมุข


คนที่แย่ที่สุดก็คือตัวผมเองนี่แหละ


เรากลับมาห้องกันตอนห้าทุ่ม เพลินกับการดูวงดนตรีไปหน่อยเลยต่างคนต่างพากันเข้านอนด้วยความเหนื่อย ผมข่มตาอยู่นานกว่าจะรู้สึกเคลิ้มๆ เพราะนอนแปลกที่ พอกำลังจะเคลิ้มเต็มที่เสียงสั่นจากมือถือก็ทำเอาผมตื่นเต็มตาอีกครั้ง ผมหันไปมองนรินทร์เห็นเขาหลับอยู่ก็เลยรีบเอามือถือมากดรับเพราะกลัวว่าอีกคนจะตื่นเพราะเสียงสั่น


(แลนด์...)) เสียงที่ดังมาตามสายทำให้ผมหยุดชะงักไป


((กูไม่มีโอกาสแล้วจริงเหรอ..)) เสียงยานคางเหมือนคนไม่มีสติ


((กูชอบมึงจริงๆ นะ ไม่สิ รัก กูรักมึง)) เสียงของมันเริ่มสะอื้นออกมานิดๆ หัวใจผมแหว่งอย่างไร้ที่อยู่ น้ำตาเริ่มปริ่มอยู่ที่ขอบตา


((ตลกดียิ่งรู้ว่าไม่มีโอกาสความรู้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม่งโคตรบ้า)) เสียงหัวเราะเย้ยยันดังออกมาพร้อมๆ กับน้ำตาของผมที่ไหลอาบแก้ม


((เป็นกูไม่ได้จริงเหรอ.. ติ๊ด ติ๊ด))


เสียงของมันขาดหายไปเหลือเพียงแค่เสียงสัญญาณจบการสนทนาเท่านั้น ประมุขปกติมาตลอด แม้ว่าจะดูเนือยๆ ก็ตาม ผมไม่ทันคิดว่าภายใต้ใบหน้าแบบนั้นจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ผมฟุบหน้าลงกับหมอนกักกั้นเสียงสิ้นของตัวเองไว้เพราะกลัวคนร่วมห้องจะได้ยินมัน






 
เที่ยงกว่าแล้วแต่ผมก็ยังไม่ยอมลุกออกจากที่นอน ผมแกล้งหลับว่ายังหลับอยู่ ไม่อยากลุกตื่นขึ้นมาให้อีกคนเห็นดวงตาที่บวมเบ่งของตัวเอง แอบมองนรินทร์ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เขาคงรอให้ผมตื่นเพื่อที่เราจะได้ออกไปกินข้าวพร้อมกัน แต่ผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี


“ถ้าตื่นแล้วก็ลุกเถอะ ไปกินข้าวกันนะแล้วเดี๋ยวจะไปส่ง” ผมลุกจากที่นอนทันที เสียงของนรินทร์นิ่งเงียบจนน่าใจหาย “ไม่ได้อยากแอบฟังหรอก แต่ห้องมันเงียบเลยได้ยิน”


“หมายความว่าไง”


“เมื่อวานแลนด์เอาแต่เหม่อ ดูไม่สนุก คิดอยู่ว่าอาจจะเหนื่อยแต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเพราะอะไร แลนด์ก็น่าจะรู้ตัวเองได้แล้วนะ” นรินทร์ว่าเก็บหนังสือลง ผมส่ายหน้าปฏิเสธทุกสิ่งอย่างในตอนนี้


“ถึงผมจะชอบแลนด์แต่มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะใจจริงแลนด์ไม่ได้ชอบผมอย่างที่คิดหรอก ความชอบที่แลนด์มีให้ผมมันก็แค่ความชื่นชอบเท่านั้นเอง” เขาเดินไปหยิบของใส่เป้ ทั้งของผมและของตัวเอง ยิ่งได้ฟังเสียงของนรินทร์บวกกับเสียงในความคิดของตัวเองที่ย้ำไปย้ำมา เสียงบุ๊คที่พูดกับผมเมื่อวานก็ยิ่งตอกย้ำ ผมเดินอย่างเลื่อนลอยเข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลากับตัวเองอยู่นาน




อยู่กับนรินทร์มึงดูพยายามแต่กับประมุขมึงดูเป็นแลนด์จริงๆ


ลองคิดดูดีๆ มันไม่ยากหรอก ถามใจตัวเองแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะครั้งเดียวคำตอบก็ออกแล้ว




ผมทำตามที่เพื่อนบอกปล่อยตัวเองไปกับกระแสน้ำที่ไหลลงมา ปล่อยวางทุกอย่างลงไป หลับตาลงช้าๆ แล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือรอยยิ้มที่สดใสของใครคนหนึ่งที่ผมเพิ่งมาคิดอยากอยู่มองมันไปนานๆ...


ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้ว






 
นรินทร์พาผมกลับ บนรถเงียบสนิทมีเพียงเสียงเพลงจากรถเท่านั้นที่กลมให้เราสองคนจมไปกับความคิดของตัวเอง แต่นั่นไม่ใช่กับผม ผมไม่ได้คิดอะไรอีกแล้วเรื่องหัวใจผมได้คำตอบเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือ.. นรินทร์จะยังเป็นเพื่อนกับผมต่อไปไหม


 “อยากให้ไปส่งที่ไหน” รถแล่นจนเข้าเขตมหาลัยแล้วเขาก็จอดรถไว้ที่ใต้ร่มไม้ต้นหนึ่งผมหันไปมองงงๆ คิดว่าเขาน่าจะไปส่งคอนโดแน่ๆ ไม่นึกว่าจะมาจอดกลางทางแล้วถามแบบนี้


“ที่คอนโดไง”


“แน่ใจเหรอ ไม่ได้อยากไปปรับความเข้าใจกับประมุขเหรอ” ผมเงียบ แม้จะได้คำตอบแต่ประมุขยังไม่รู้ ถ้าไม่บอกมันก็จะเข้าใจผิดไปอย่างนั้น ใจจริงก็คิดอยู่ว่าจะไปแต่นี่มันก็ออกจะกะทันหันไปสักหน่อย ผมเงียบไปนานจนนรินทร์ออกรถแล้วเราก็มาถึงคอนโดแห่งหนึ่งที่ไม่ใช่ทั้งของผมและของนรินทร์ ถ้าอย่างนั้น.. ของประมุขสินะ


“ไปบอกเถอะเดี๋ยวหมอนั่นจะเข้าใจผิดแล้วมันจะไปกันใหญ่” ผมปลดเข็มขัดออกไป ที่เท้าหนักอึ้งในหัวเริ่มเรียบเรียงว่าจะไปพูดอะไรกับประมุขดี แต่ก่อนอื่น


“ริน.. เราจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม” โคตรเห็นแก่ตัวเลยผม ไปชอบเขาก่อนพอเขาชอบกลับก็ดันไปเลือกใครอีกคนแล้วยังจะขอความเป็นเพื่อนอีก


“แน่นอนอยู่แล้ว”


“ขอโทษนะ”


“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไปปรับความเข้าใจกับประมุขเถอะ” นรินทร์ยีหัวผมเล่นอีกครั้ง ก่อนจะมองผมอยู่อย่างนั้นแล้วยิ้มให้ ต่างคนต่างยิ้มให้กัน รอยยิ้มของนรินทร์ก็สดใสเหมือนกันเพียงมันไม่ใช่รอยยิ้มของผมเท่านั้นเอง สักวันคงมีคนที่เหมาะกับรอยยิ้มนี้มากกว่าผม






 
แม้ว่าจะมาถึงคอนโดแล้วแต่ผมก็ไม่ได้รู้ห้องเลยต้องโทรไปหาไอ้บุ๊คให้มันโทรหาไอ้มิงค์อีกทีจนได้เบอร์ห้องมา ยามเกือบไม่ให้เข้าเพราะหน้าแปลกดีที่ถือสายไอ้มิงค์อยู่เลยให้มันคุยกับยามให้


ทำไมทุกย่างก้าวมันถึงได้หนักอึ้งขนาดนี้นะ ผมหยุดยืนอยู่ที่ห้องของมัน กำลังจะเคาะเรียกมันก็เปิดประตูออกมาซะก่อน มันชะงักไปเมื่อเห็นผมก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วปิดประตูลง อ้าว... ผมเคาะเรียกมันก็ไม่ยอมเปิด เคาะแรงขึ้นเรื่อยๆ มันก็ไม่ยอมเปิดจนผมเริ่มกลัวว่าห้องข้างจะออกมาด่า กำลังจะเคาะอีกทีมันก็เปิดประตูออกมาอย่างแรงจนเกือบจะกระแทกหน้ากัน


มันยืนจังก้าอยู่หน้าประตู ใบหน้ามันยังแดงๆ กลิ่นเหล้าก็หึ่ง แต่มันก็ยังดูมีสติอยู่บ้าง ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปมันก็ยื่นบางสิ่งมาตรงหน้าผม นั่นมัน.. สร้อยข้อมือที่ผมทำหายไปนี่


“มันหลุดติดมือมาตอนกูดึงมึงไว้ ขอโทษที่ไม่ได้คืน ไม่อยากเห็นมันอยู่กับมึง”


ผมแอบยิ้มในใจ ตอนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับสร้อยข้อมือแล้วสิ่งที่อยู่ในกระเป๋ากับคนตรงหน้าต่างหากที่สำคัญกว่า


“กูอยากพูดอะไรสักหน่อย มึงจะช่วยฟังหน่อยได้ไหม”


“ถ้าจะมาบอกว่าคบกับไอ้รินแล้วกูไม่ขอฟัง” ผมส่ายหัวยิ้มๆ


“เปล่า ไม่ได้คบ เป็นแค่เพื่อน...” มันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ มองซ้ายมองขวาอีกครั้งแล้วพาผมเข้าห้อง ไม่มีกระป๋องเบียร์วางเกลื่อนอย่างที่คิดสงสัยเมื่อคืนมันไปดื่มข้างนอกแล้วกลับมาเพ้อโทรหาผม “อยากฟังต่อไหม” พอมันพยักหน้าผมก็เริ่มพูดต่อ


“กูเพิ่งรู้.. ไม่ดิ อาจจะรู้มานานแล้วแต่ความรู้สึกที่มีให้คนอื่นมันเด่นกว่าก็เลยมองข้ามมันไป แต่.. ตอนนี้กูรู้แล้ว มันเด่นชัดมากว่ากูชอบมึง... ถ้ากูขอโอกาสบ้างมึงจะให้กูไหม”


“สัด มึงล้อกูเล่นอยู่หรือเปล่า หรือกำลังเล่นตลกอยู่”  


“ไม่ใช่นะเว้ย!กูพูดจริง” ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าการที่เรามองความรู้สึกของคนอื่นเป็นเรื่องตลกมันทำให้อีกคนเจ็บปวดแค่ไหน โดนครั้งเดียวยังแปลบแล้วผมทำร้ายมันไปกี่ครั้งแล้วละ


“พูดจริงเหรอ ไม่ใช่ว่ามาเพราะกูโทรไปทำตัวน่าสงสารเมื่อคืนหรอกเหรอ”


“ไม่ใช่.. ไม่ใช่จริงๆ ตั้งแต่ที่มึงบอกชอบกูมึงก็อยู่ในทุกๆ ความคิดของกู”


“แล้วไอ้รินละ”


“เพื่อนไง เพื่อนที่กูชื่นชอบและชื่นชม ตอนนี้กูรู้ตัวแล้ว อย่าทำเหมือนจะไม่ยอมรับความรู้สึกกูแบบนี้นะ”


ผมเริ่มสะอื้นแล้วน้ำตาก็ไหล ได้แต่มองมันที่ยืนนิ่งผ่านม่านน้ำตาก่อนที่มันจะจะยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้แล้วใบหน้าที่แดงเพราะฤทธิ์เหล้าอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่แล้วมันก็ตรงเข้ามากอดผมไว้แน่น ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มยิ้มแม้น้ำตาจะยังไหลอยู่ก็ตาม


“กูรักมึงนะ รักจริงๆ ขอบคุณที่กลับมาให้โอกาสกู”


“กูมาขอโอกาสจากมึงต่างหาก” มันดันผมออกยืนหน้าเข้ามาใกล้จมูกของเราชนกันก่อนที่มันยิ้มออกมา


“เออ กูให้ ให้ทั้งชีวิตเลย”


นี่ไงรอยยิ้มที่ผมอยากจะอยู่ดูไปนานๆ และเจ้าของรอยยิ้มนั้นก็คือ.. ประมุข










 

HAPPY ENDING
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 16 [END] Empty Re: Who’s the KING? } 16 [END]

ตั้งหัวข้อ by Sier Wed Jul 16, 2014 3:11 pm

อ๊ายยยย หวานซึ้งมดขึ้น>_<~
ยินดีด้วยนะคะที่แต่งจบ

สำนวนดีขึ้นตามจำนวนตอนที่แต่ง
คำผิดยังมีประปราย revised ก่อนส่งพิมพ์นะคะ ^^

ขอถามนิดนะคะ "งานเปิดเทค" คืออะไรหรอคะ? นึกภาพตามไม่ออกอะคะ


Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 16 [END] Empty Re: Who’s the KING? } 16 [END]

ตั้งหัวข้อ by seaslugblue13 Fri Jul 18, 2014 9:24 pm

Sier พิมพ์ว่า:อ๊ายยยย หวานซึ้งมดขึ้น>_<~
ยินดีด้วยนะคะที่แต่งจบ

สำนวนดีขึ้นตามจำนวนตอนที่แต่ง
คำผิดยังมีประปราย revised ก่อนส่งพิมพ์นะคะ ^^

ขอถามนิดนะคะ "งานเปิดเทค" คืออะไรหรอคะ? นึกภาพตามไม่ออกอะคะ


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ 
ไม่รู้ว่าจะได้เข้ามาอ่านไหม แต่เราก็จะตอบนะคะ ฮ่าๆ 
งานเปิดเทคถ้าอ้างอิงจากม.เราก็คือการเปิดเผยว่าใครคือพี่ในสาย ในสายเรามีใครบ้างแบบนี้ค่ะ

seaslugblue13
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 8
Join date : 28/03/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 16 [END] Empty Re: Who’s the KING? } 16 [END]

ตั้งหัวข้อ by Sier Mon Jul 28, 2014 11:57 am

อ้อออ เข้าใจแล้วคะ ^^

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 16 [END] Empty Re: Who’s the KING? } 16 [END]

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 4:11 pm

โอยยยยยยยย จิร้องไห้ ;;v;;
แอบสงสารรินนนนน แงงงงงงงงง #ปาดน้ำตา
อา รักกันไปนานๆ นะ~!!
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 16 [END] Empty Re: Who’s the KING? } 16 [END]

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

TOT ฮือออ แล้วก็จริงๆ ด้วยอ่า นรินทร์ขามาซบอกเลื่อมมาค่ะ
โป้งคุณครามเบาๆ แง 
แล้วก็ยังไงก็ตามยินดีด้วยน๊าทั้งคู่ที่รู้ใจตัวเอง กลับไปเช็ดน้ำตาให้นรินทร์ก่อนค่ะ

ขอบคุณนะคะคุณครามสำหรับเรื่องดีๆ ที่แต่งมาให้อ่านกัน

ป.ล. คุณครามเป็นเด็กม.บูรพาหรือเปล่าคะเนี่ย อิอิ
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ