กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 12

4 posters

Go down

Who’s the KING? } 12 Empty Who’s the KING? } 12

ตั้งหัวข้อ by คราม Tue Jul 15, 2014 3:53 pm

Who’s The KING?
12
 
       ว่ากันว่าความรู้สึกดีๆ มักจะเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วก็มักจะถูกมองเห็นโดยคนที่เราไม่อยากให้เขารู้ ทั้งๆ ที่ทำตัวปกติแล้วทำไมถึงยังดูออก มีอะไรล้นออกมาจากตัวคนที่กำลังมีความรักกันแน่นะ?


 
                ผมใช้เวลาครึ่งวันหมดไปกับการล้างห้องน้ำพร้อมทำความสะอาดและเก็บบ้านให้เรียบร้อย แล้วมาจัดเตรียมอาหารสำหรับสามคนเสร็จแล้วก็รอเวลาจนพ่อกับแม่กลับมาจากเหนือ ผมวิ่งเข้าหาทันด้วยความคิดถึง... ของฝาก พอพ่อรู้จัดประสงค์ก็ประเคนมะเหงกให้หนึ่งทีเน้นๆ ที่หัว


                “ก็นึกว่าคิดถึง”


                “ล้อเล่นป่ะพ่อ แค่ล้อเล่นเอง”


                “พอๆ พ่อลูกคู่นี้ ไหนทำอะไรไว้ให้มาดูสิ”  แม่ว่าแล้วเดินนำเข้าไปข้างใน พ่อเดินตามส่วนผมก็เดินตามไปอีกทีพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ แล้วมื้ออาหารเล็กๆ ของเราสามคนพ่อแม่ลูกก็เริ่มต้นขึ้น ผมกินข้าวไปเสียงไลน์ก็ดังไป จนพ่อด่าเข้าให้เลยรีบยัด รีบช่วยแม่เก็บโต๊ะขึ้นมาบนห้องเปิดอ่านไลน์ที่ไอ้ประมุขส่งมาซึ่งมันมีแต่สติกเกอร์..


                -ไอ้เวร เล่นไร ห๊ะ มึงว่างเหรอ-


                -เออ กูว่าง-


                ตอบแค่นั้นแล้วมันก็รัวสติกเกอร์มาจนเครื่องผมเกือบค้างผมเลยกดบล็อกมันไปเลย


                ((มึงบล็อกกูเหรอ ใจร้ายมาก!))


          ((แล้วมึงเล่นอะไร ห๊ะ เครื่องกูจะค้างอยู่แล้ว))


                ((มึงปลดบล็อกไม่กูโทรทั้งคืนแน่ ติ๊ด))


อะ... ไอ้นี่ พูดเสร็จก็วาง ไม่บอกไม่กล่าวสักคำ ผมวางมือถือไว้บนโต๊ะ ไม่ได้ปลดบล็อกตามที่มันขู่ แล้วก็ปิดเสียงด้วยเพราะมันโทรมาไม่หยุด ส่วนตัวเองก็มานอนอ่านหนังสือเล่นอยู่บนเตียง สักประมาณห้าทุ่มผมก็ไปหยิบมือถือมาเพราะจะตั้งนาฬิกาปลุกก่อนนอน พอได้เห็นหน้าจอก็ต้องตกใจ สายเข้าเป็นร้อย ไอ้ประมุขนี่มันไอ้ประมุขจริงๆ ไม่รู้จะสรรหาคำจำกัดความแบบไหนมาให้มันดี


-มึงนอนได้ละ- ผมทักไลน์ไปหามันทันทีที่ปลดบล็อก มันเองก็ตอบมาทันทีเหมือนเฝ้าหน้าจออยู่ตลอด


-ใจร้ายนะมึงอ่ะ-


-มึงทำตัวเองไหม-


-เหอะ กูนอนละ- มันว่ามาแค่นั้นแล้วเงียบไป ผมเลยจัดการแก้แค้นนิดๆ หน่อยๆ ด้วยการรัวสติกเกอร์ทั้งหมดที่มีไปให้มัน เครื่องค้างแน่มึง




 
วันรุ่งขึ้นผมไม่ได้เข้าไปที่ชมรมเพราะต้องอยู่ช่วยแม่เฝ้าร้าน นั่งจิ้มมือถืออยู่ดีๆ ไอ้บุ๊คก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าบ้าน ตกใจแทบช็อคไอ้นี่บ้านอยู่นนทบุรี อีกตั้งอาทิตย์กว่าเปิดเทอมแล้วไหงมันมาอยู่ตรงนี้ได้ละเนี่ย


“มาไงมึง”


“กูเบื่ออ่ะ นี่หนีพ่อมานะ แม่สวัสดีครับ”


มันบ่นกับผมก่อนจะไหว้ไปทางแม่ที่เดินเอาขนมออกมาให้ผมกิน พอเห็นว่าไอ้บุ๊คมาแม่ก็รีบกลับเข้าไปในครัว ขนของกินออกมาต้นรับเพียบ ไอ้บุ๊คนี่ลูกรักเขาเลยล่ะ มาบ่อยจนแทบจะเป็นลูกอีกคน ช่วงสุดสัปดาห์มันไม่ค่อยกลับบ้านตัวเอง แต่มาค้างบ้านผมแทน


“ตกใจ มึงน่าจะโทรบอกกันหน่อย เกิดพวกกูไปเที่ยวยกบ้านทำไง”


“นั่งรอหน้าบ้าน ฮ่าๆ” ผมโยนเม็ดถั่วให้มันก่อนจะไล่ให้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บแล้วมานั่งเฝ้าร้านด้วยกัน ในหัวก็เริ่มวางแผนแล้วว่าเย็นนี้จะลากกันไปไหนดี ช่วงนี้ตามห้างมีงานอะไรบ้างหว่า




 
สุดท้ายเราก็มาจบที่ห้างใหญ่เกือบใกล้บ้าน พอดีกับที่นี่กำลังจัดงานน้องหมาน่ารักแถมมีดารามาอีก แม้ว่าผมกับไอ้บุ๊คจะได้ไม่ติ่งแตกอะไรสักเท่าไร หมาก็ไม่ได้เลี้ยง อาศัยกลับไปเล่นของญาติๆ เอา ดารงดาราก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษก็เลยจบด้วยการเดินดูงานไปเล่นๆ แวะไปเบียดกับบรรดาแฟนคลับดาราชื่อดัง ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลให้เพื่อนอิจฉาเล่น แล้วก็เฟดตัวเองมานั่งกินเบอร์เกอร์ที่แมคแทน


“กูก็นึกว่ามึงจะพาไปที่ที่ดีกว่านี้”


“ไปไหนล่ะ หาดบางแสนไหมมึง”


“จะพาไปแดกเหล้าหรา”


“นอนบ้านนะ เดี๋ยวพ่อด่าเอา”


แย่เลย ถ้ากินเหล้าแล้วกลับบ้านนี่มีหวังโดนฝ่ามือเพ่งกะบาล ผมนั่งกินไปเรื่อยๆ จนหมด แล้วก็เตรียมจะออกจากร้านกัน พอออกมาจากร้านสายตาผมก็ดันเหลือบไปเห็นคนที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายวัน


นรินทร์!


พอดีกับที่เราสบตากัน ต่างคนต่างยิ้มให้กันแล้วก็ควรจะเดินผ่านกันไปเลย แต่เขากลับเดินเข้ามาใกล้แล้วท่อนแขนของผมกลับถูกนรินทร์รั้งไว้


“เห..”


“เฮ้ย ใครวะ อะ... คนที่ชื่อนรินทร์ป่ะวะ” ไอ้บุ๊คกระซิบถามผมเสียงผม ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงักตอบแล้วหันไปคุยกับนรินทร์


“มาเที่ยวกับเพื่อนเหรอ”


“อือ แล้วนะ..”


“ริน! รอนานไหม อ่าวคนนี้...” มาอีก! คนที่วิ่งเข้ามาก็คือคาเรนคนที่ผมเคยคิดว่าเขาเป็นแฟนของนรินทร์นั่นเอง คาเรนวิ่งหน้าสวยผมสะบัดเข้ามาใกล้ มองหน้าผมนิ่งก่อนจะยิ้มกว้างๆ ให้ เหมือนว่าเธอจะจำผมได้นะ


“ไม่ได้เจอกันนานเลย”


“อ่า ครับ” ผมตอบรับค่อยๆ แกะมือนรินทร์ที่ยังจับที่ข้อศอกผมไว้อยู่ออกช้าๆ รู้สึกเหงื่อตกหน่อยๆ ไม่รู้ทำไม เหมือนถูกจับได้ว่าทำอะไรผิดสักอย่างทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรเลย


“ริน แม็คมารอที่ร้านแล้วนะ”


“ครับๆ แปปนะ” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ข้างหูผม ก่อนจะกระซิบเสียงเบา


“คาเรนมีเดตแรกก็เลยต้องมาเป็นเพื่อน อย่าเข้าใจผิดอีกล่ะ หึ” ลมหายใจอุ่นๆ รินรดต้นคอทำเอาผมฟังเขาพูดแทบไม่รู้เรื่อง แต่ว่า... ห๊ะ เดตแรก!? สาวสวยอย่างคาเรนน่ะนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยให้ตายเถอะ


“ไปก่อนนะ”


“บ๊ายบาย” กว่าที่ผมจะระลึกถึงสิ่งที่นรินทร์บอกได้ คนตัวสูงก็เดินลากคาเรนที่หันมาโบกไม้โบกมือล่ำลาผมไปไกลเสียแล้ว


“กระซิบไรกันอ่ะ”


“กูเคยเข้าใจว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกัน”


“แล้ว?”


“ไม่ใช่ไง”


“โล่งละสิ” ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองควับ มันทำสีหน้าเหมือนรู้ทุกอย่างที่ผมกำลังคิดอยู่ ซึ่งก็จริง ตั้งแต่ที่รู้ว่าสองคนนั้นไม่ใช่แฟนกันผมก็รู้สึกโล่งอย่างประหลาด ส่วนหนึ่งก็คงเพราะตัวเองเริ่มระเคะระคายในความรู้สึกของตัวเองแล้วด้วย ผมคงจะรู้สึกหนักในใจเมื่อรู้ว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆ ให้กับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผมไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกโล่งใจแบบสุดๆ




 
ผมเข้าชมรมเพราะไอ้นายส่งไลน์มาบอกว่าวันนี้มีแข่งรอบที่สุด ถ้ารอบนี้ประมุขชนะมันก็จะได้เป็นตัวแทนไปแข่ง แต่ถ้ารินชนะก็จะมีอากาศแก้มืออีกครั้งตอนเปิดเทอม เมื่อผมมาถึงการแข่งก็เริ่มไปแล้วผมพาตัวเองไปนั่งข้างไอ้นายเงียบๆ เพราะไม่อยากรบกวนการแข่งขัน กีฬาฟันดาบต้องใช้สมาธิพอสมควร ทั้งการจับจ้องศัตรูควบคู่ไปกับการหาช่องทางทำคะแนน


                เมื่อสัญญาณสิ้นสุดการแข่งขันดังขึ้น พวกคนในชมรมก็เริ่มจับเข่าคุยกัน เพราะว่าไม่มีการโชว์คะแนน ทำให้ไม่รู้ผลแพ้ชนะที่แท้จริงในแต่ละรอบ ทุกคนเลยทำได้แค่เดาจากรูปการกันไป ผมฟังคนในชมรมคุยกันก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง หวังว่าในรอบนี้ใครสักคนในสองคนนั้นจะมาบอกผมนะว่าตัวเองชนะหรือแพ้


                ผมหันไปสบสายตากับนรินทร์ที่ยืนเช็ดเหงื่ออยู่ ทันทีที่นรินทร์อมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเรียกผมเข้าไปหาผมก็ลุกเดินออกไปทันที ผมยิ้มแป้นวิ่งเข้าหานรินทร์ ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าผมดูมีความสุข 


                “เป็นไงบ้าง ทำได้ดีใช่ไหม”


                “อืม แน่นอน รอบนี้ก็ชนะนะ”


                “เฮ้ย จริงดิ งี้ก็มีแข่งอีกรอบน่ะสิ” ดูเหมือนว่าเสียงของผมมันจะเสียงดังเกินไปจนนรินทร์ต้องเข้ามาปิดปากผมไว้ ทำให้ท่าทางของเราดูเหมือนกำลังกอดกันอยู่อย่างไงอย่างนั้น


                “ชู่ เบาๆ โค้ชไม่อยากให้คนอื่นรู้น่ะ”


                “ขอโทษ มันเผลอนี่นา”


          “ถ้าคนอื่นรู้ผมโดนว่าแน่ๆ”


                “ไม่มีใครได้ยินหรอกน่า นี่นรินทร์ปล่อยเลย ชุดตัวเองมีแต่เหงื่อ” ผมว่าเสียงอ่อย พยายามจะแงะมือนรินทร์ที่ปิดปากผมอยู่ออก รู้สึกว่าอ้อมกอดของเขาดูจะแน่นขึ้นกว่าเดิมหน่อยๆ นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของเห่อร้อนขึ้นจนกลัวว่านรินทร์จะสังเกตเห็นได้


                “อะไรรังเกียจเหรอ”


                “ไม่ใช่ เหงื่ออ่ะเหงื่อ” ผมเริ่มลากเสียงยาว ดูเหมือนว่ายิ่งผมอยากให้เขาปล่อยมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อแกล้งผม แล้วผลเป็นไงล่ะหน้าแดงจนจะระเบิดอยู่แล้ว


                “หึหึ ปล่อยแล้วๆ”


                นรินทร์ปล่อยตัวเองจากผม ใบหน้าใสนั่นยังคงรอยยิ้มกวนๆ ที่ดูก็รู้เลยว่าเมื่อกี้จงในแกล้งกอดกันชัดๆ ผมจับๆ เสื้อตัวเองดูก็พบว่ามันมีความชื้นจากเหงื่อของคนตงหน้าติดมาจริงๆ ผมมุ่ยหน้าใส่


                “เดี๋ยวก็แห้ง วันนี้อยากไปกินข้าวด้วยแฮะแต่คาเรนมีเดทต้องไปเป็นเพื่อนอีก”


                “ทำไมต้องไปเป็นเพื่อนด้วยล่ะ” ผมถามอย่างสงสัยเริ่มก้าวเท้าตามนรินทร์ไปที่ห้องชมรม


“เห็นแบบนั้นแต่คาเรนขี้กลัวนะ กลัวโดนหลอกไปทำไม่ดีบ้างละ กลัวโดนแต๊ะอั๋งบ้างละ ผมเลยต้องไปเป็นเพื่อนอยู่บ่อยๆ”


“อย่างนี้คนที่มาด้วยก็เกร็งแย่สิ”


“ไม่หรอก ไปร้านเดียวกันแต่คนละโต๊ะน่ะ คอยดูอยู่ห่างๆ อย่างกับพวกโรคจิต”


นรินทร์ว่าแล้วก็หัวเราะออกมาแล้ว ผมที่นึกภาพตามไปด้วยยังต้องแอบขำ นึกตลกไปถึงคาเรนไม่นึกว่าผู้หญิงสวยเปรี้ยวขนาดนั้นจะขี้กลัวจนต้องให้เพื่อนตัวเองรับบทเป็นคนโรคจิตแบบนี้




 
พอเรามาถึงห้องชมรมผมก็เดินเข้าไปจัดเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ นอกจากจะจัดเอกสารแล้วยังต้องจัดห้องให้เรียบร้อยอีก ให้ตาย ผมไม่ได้มาแค่ไม่กี่วันห้องรกได้ขนาดนี้เลยเหรอ


“จะกลับเลยเหรอ” นรินทร์ถามขึ้นในขณะที่กำลังหยิบอุปกรณ์อาบน้ำจากล็อคเกอร์


“อื้ม พอดีนัดเพื่อนไว้”


“ครับ ถ้าอย่างนั้นแล้วเจอกันนะ” ผมโบกมือบ๊ายบายให้นรินทร์ แกล้งร่ำลาจริงจังปานว่าจะจากกันไปคนละซีกโลก ทั้งที่จริงเขาก็แค่ไปอาบน้ำส่วนผมก็แค่กลับบ้าน แต่กว่านรินทร์จะกลับมาผมก็คงจะกลับออกไปก่อนแล้ว นรินทร์ส่ายหัวให้กับความติ๊งต๊องของผมก่อนจะเดินเข้ามาบีบจมูกหนึ่งทีแรงๆ แล้วเดินออกจากห้องไป


 
ผมตรวจดูความเรียบร้อยของห้องอีกครั้ง ก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพานเดินตรงไปที่ประตู แต่ตอนที่กำลังจะเปิดประตูห้องก็ถูกใครอีกคนเปิดขึ้นมาเสียก่อน ตอนแรกก็นึกว่าเป็นนรินทร์แต่ไม่ใช่ นายประมุขต่างหาก ผมชะงักไปนิดหน่อย จะว่าไปวันนี้ผมไม่ได้เข้าไปหามันเลยนี่นา เราสองคนสบตากันก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายยิ้มแล้วทักทายกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดเล็กๆ ในใของตัวเอง


“โย่ว ไม่ได้เจอกันนาน” เหอะ ควรทักแบบนี้เปล่าหว่า


“สบายดีนะ?” ผมถามต่อเมื่อเห็นว่ามันไม่ตอบอะไรกลับมา เอาแต่มองหน้าผมอย่างเดียว สายตานิ่งๆ ของมันทำเอาผมคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อดี


“สบายดีแหละเนอะ ฮ่าๆ เออนี่ กูกลับก่อนนะ แล้วเจอกัน” ผมเบี่ยงตัวเองเพื่อจะออกไปที่ประตูแต่ประมุขกลับเอาตัวเองไปปิดช่องทางออกไว้ พร้อมกับดันประตูปิดเสียงดัง


“เฮ้ย จะมาขวางทางทำไมกูจะกลับแล้ว”


“มีเรื่องจะคุยด้วย”


“มีอะไรก็พูดมาเลย กูรีบนะ นัดเพื่อนไว้เนี่ย”


 ผมเริ่มขึ้นเสียงแต่มันก็ยังคงนิ่งทำเอาผมอยากจะหยิบไม้กวาดข้างห้องมาฟาดหัวมันจริงๆ ป่วยหรือไงวะ ทำไมสภาพง่อยอย่างนี้!?


“มึงชอบนรินทร์เหรอ” มันพูดพร้อมกับจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม เสียงนาฬิกาดังก้องแข่งกับเสียงใจเต้นรัวของตัวเอง

ว่ากันว่าความรู้สึกดีๆ มักจะเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วก็มักจะถูกมองเห็นโดยคนที่เราไม่อยากให้เขารู้


หนึ่งในบทความที่ผมอ่านเจอในทวิตเตอร์ผุดขึ้นมาในหัว ใครคนที่ว่าทำไมต้องเป็นประมุขด้วย


“มะ...”


“กูดูออก หลายครั้งแล้วที่เห็นพวกมึงสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วมึงเวลาอยู่กับนรินทร์ท่าทางก็จะแตกต่างจากตอนที่อยู่กับคนอื่น”


 “ละ.. แล้วไงล่ะ ก็แค่การปฏิบัติ มันอาจจะไม่ได้หมายความว่าชอบสักหน่อย”


“คิดดีๆ ก่อนตอบ มึงอาจจะไม่รู้ตัวเอง แต่มึงทำแบบนั้นมานานแล้ว”


ผมเงียบ ย้อนมองเวลาที่ตัวเองอยู่กับนรินทร์และกับคนอื่นๆ ผมว่าผมปกติทุกอย่าง ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แต่เมื่อได้รู้ว่าตัวเองเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับนรินทร์ตอนนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่าเขาพิเศษ และผมก็ปฏิบัติกับเขาพิเศษกว่าคนอื่นๆ ทั้งที่คิดว่ามันเพิ่งจะมาแตกต่างได้ไม่นาน ไม่น่าจะมีคนสังเกตเห็นได้แต่ก็ประมุขกลับ...


“แล้วมึงมีปัญหาอะไร! ถ้ากูชอบแล้วจะทำไม!?”


“ชอบจริงๆ สินะ”


“เออ!!” ผมบอกออกไปเสียงดัง ยังไงก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมานั่งปิดบังความรู้สึกของตัวเอง อะไรที่ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่อะไรที่ใช่ก็ต้องบอกว่าใช่ แม้ว่าคนที่มารับรู้ตอนี้จะไม่ใช่เจ้าตัวก็เถอะ คิดเสียว่าได้ปลดปล่อยและยอมรับความรู้สึกตัวเองก็พอได้อยู่นะ


“แล้วมึงมีปัญหาอะไร จู่ๆ ก็มาถาม” เราสองคนจ้องตากันพักใหญ่ ก่อนที่ใบหน้านิ่งๆ ของมันจะเปลี่ยนเป็นใบหน้ากวนๆ ที่ผมเห็นบ่อยๆ มันยกยิ้มอย่างคนที่เหนือกว่า ตอนนั้นผมไม่รู้สึกอะไรนอกจากเสียวสันหลังวาบๆ มันคงไม่คิดเล่นอะไรแผลงๆ หรอกนะ


“เปล๊า อยากรู้อยากเห็นก็เลยถาม แหม ไม่คิดว่าจะตอบตรงๆ เท่านี้กูก็กุมความลับของมึงอยู่สินะ”


“อะไรของมึง ห๊ะ”


“หึหึ” ไอ้นี่นี่นิสัยเสียจริงๆ ผมเตะเข้าไปที่หน้าแข้งแล้วผลักมันออกจากประตู


“อยากทำอะไรก็ทำไปเลย!”


“แล้วกูจะทำอะไรได้ล่ะ”


ผมปิดประตูเสียงดัง ไม่ได้สนใจเสียงของมันที่ตอบกลับมา ไม่ได้มองแม้แต่ใบหน้าตอนที่มันกำลังพูด ในหัวมีแต่ความกังวล ในใจก็แอบคิดว่ามันคงไม่ทำแต่อะไรก็ไม่แน่นอน คนอย่างไอ้ประมุขเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างกับผีเข้า โอ้ย! จะทำไงดีวะเนี่ย!?


TBC







 
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 12 Empty Re: Who’s the KING? } 12

ตั้งหัวข้อ by Sier Wed Jul 16, 2014 2:27 pm

แอบสงสารประมุขเล็กๆ
คาเรนคาเรกเตอร์ผิดคาดเลยคะ~

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 12 Empty Re: Who’s the KING? } 12

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 3:14 pm

อา.. ไม่รู้จะพิมพ์อะไร
ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นนะ.......
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 12 Empty Re: Who’s the KING? } 12

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

รู้สึกถึงบทพระรองได้จากตัวนรินทร์ตะหงิดๆ จะเป็นจริงไหมน๊อ T^T
อ่านตอนนี้จบคิดถึงบางแสนมากเลยค่ะ โอ้ว คิดถึงสดใส คิดถึงลูกระนาด
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ