กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 14

4 posters

Go down

Who’s the KING? } 14 Empty Who’s the KING? } 14

ตั้งหัวข้อ by คราม Tue Jul 15, 2014 4:07 pm

Who’s The KING?
14
 
       ผมนอนมองสร้อยข้อมือที่ได้มาจากนรินทร์ในวันนั้นที่เขาจูบผมแม้ว่าจะผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วความรู้สึกหวิวๆ ที่ริมฝีปากก็ยังคงอยู่ คิดถึงทีไรใจก็เต้นแรงทุกที พอผมบอกว่าจะรอเขาก็ให้สร้อยข้อมือเส้นเล็กๆ สีเงินนี่มา มันเป็นสร้อยที่นรินทร์ใส่อยู่บ่อยๆ แต่ผมไม่เคยสังเกตเห็นเอง ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ผมไม่เคยใส่มันเลยได้แต่นอนมองมันอ้อร้อกับเสียงไฟในห้องจนเกิดประกายวิบวับ ทำให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่า มีสิ่งหนึ่งที่เล่นกับแสงไฟเหมือนกันอยู่แต่ก็นึกไม่ออกดีนัก สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยมันผ่านเลยไปและเอาแต่สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน


                ตอนนี้ผมมาอยู่ที่คอนโดกับไอ้บุ๊คเรียบร้อยแล้วเพราะว่าอีกแค่วันเดียวก็จะเปิดเทอมแล้ว ในมหาลัยเองก็เริ่มครึกครื้นเพราะน้องๆ เฟรชชี่ที่มาอยู่หอตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ทั้งเอกนัด คณะนัด วันเฟิร์ทเดทต่างๆ ผมเองก็แวะเวียนเข้าไปพอให้น้องๆ ได้เห็นหน้าค่าตากันบ้าง เดี๋ยวก็ใกล้เทศกาลเทคน้องแล้วสินะ


ผมวางสร้อยข้อลงบนโต๊ะแล้วยืนจ้องมัน สักพักก็หยิบขึ้นมาใส่ที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็เอาออกทำอย่างนั้นอยู่นานจนนาฬิกาที่ผมตั้งเวลาที่พี่วินจะเข้ามารับดังขึ้น สุดท้ายผมก็วิ่งออกจากห้องทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เอาสร้อยเส้นนั้นออกจากข้อมือตัวเอง


 ผมพาตัวเองไปที่ห้องชมรม ให้ตาย นี่ทิ้งไปแค่อาทิตย์เดียวเองทำไมฝุ่นถึงได้เยอะขนาดนี้ก็ไม่รู้ ผมจัดการเก็บกวาดเช็ดถูจนห้อที่เคยรกๆ กลับมาสะอาดอีกครั้งก่อนจะนั่งพักพร้อมกับนึกว่ามีอะไรที่ต้องทำอีกไหม สักพักเสียงพูดคุยของคนสามสี่คนก็ดังเข้ามาก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออกโดยพวกไอ้นายกับคนอื่นๆ รวมถึงประมุข


“อ่าว พี่แลนด์มาเก็บห้องเหรอ”


“เออดิ โคตรสกปรกเลย”


“ขยันจัง”


“นึกว่าไม่มีคนอยู่เหอะ ถึงได้มาทำ แล้วนี่มาทำอะไรกัน” ผมถามเมื่อเห็นว่าทุกคนมีถุงฟันดาบแบกอยู่บนบ่ากันครบทุกคน อดสงสัยไม่ได้ ก็ในเมื่อโค้ชให้หยุดพักก่อนปิดเทอมนี่นา


“มันจะมีวันโชว์กิจกรรมของชมรมต้อนรับน้องๆ เฟรชชี่นี่ พวกผมเลยต้องมาซ้อมเตรียมการแสดงดีๆ สักหน่อย”


ผมพยักหน้าหงึกหงักจะว่าไปกิจกรรมนี้มันก็มีมาทุกปีนี่นะ ผมเองที่ลืมไป แต่ไอ้การแสดงดีๆ ที่ว่าผมคิดว่าคงไม่พ้นการโชว์เล่นแบบธรรมดาเหมือนปีก่อนๆ หรอก กีฬาฟันดาบจะทำอะไรได้มากมายนอกจากหันหน้าฟันดาบใส่กัน ต่อให้ใช้ท่าทางหรือเทคนิคชั้นดีแค่ไหนคนที่ดูไม่เป็นก็คงไม่รู้สึกอะไรมากนอกจากความเท่ของชุดและดาบก็ผมเคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อนนี่นะ


“ส่วนพี่ปอนดจะมาซ้อม จริงๆ ก็เพิ่งเห็นมาวันนี้อ่ะนะ”


“กูเพิ่งกลับมาจากบ้านเถอะ” ประมุขว่าพร้อมกับมะเงกใส่ไอ้นายไปหนึ่งที ก่อนจะหันมาทางผมแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปที่ล็อคเกอร์ของตัวเอง


“จะกลับยัง”


“ก็ว่าจะกลับแล้ว มึงอ่ะ ไม่ซ้อมเหรอ”


“ไม่ซ้อมแล้วไปกันเหอะ พวกกูไปก่อนนะ”


“ไม่ซ้อมแล้วเรอะ”


“เออ”

“คร้าบๆ โชคดีพี่”


มันไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก ฉุดมือผมออกจากห้องทันที ดีที่ว่าแต่ละคนกำลังสนใจแต่เอาของเก็บในล็อคเกอร์ของตัวเองเลยไม่ต้องมาเห็นที่มันจับมือผมแบบนี้




 
“ตั้งใจจะมาซ้อมแล้วทำไมไม่ซ้อม แล้วนี่จะพาไปไหน จะทำอะไร ตอบหน่อยสิโว้ย” มันพาผมเดินลิ่วๆ มาที่รถก่อนจะยัดผมเข้าไปแล้วกระชากรถออกทันที แม้ว่าผมจะโวยวายมันก็ไม่ได้สนใจจะฟังเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถไป


“ไปคอนโดมึงไง”


“ไปทำไม! อ๋อ จะไปหาแฟนมึงละสิ” ผมพูดอย่างรู้ทัน ยังจำได้ดีเมื่อตอนที่มันบอกจะมาส่งแต่ที่จริงผมก็แค่ทางผ่านมาหาแฟนมันเท่านั้น  โว๊ะ แล้วทำไมต้องนึกถึงแถมยังรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้ด้วยละเนี่ย


“เปล่า ไม่ได้ไปหาฝ้ายจะไปห้องมึง”


“ไปทำไม!”


“กูอยากไป จบยัง ไม่ต้องห้ามด้วย กูอยากไปแค่นั้นแหละ” อะ.. ไอ้นี่อะไรของมัน ทำไมถึงได้เอาแต่ใจได้ขนาดนี้ ผมนั่งเงียบตามที่มันว่า ไม่หือไม่อือจนเรามาถึงคอนโด แล้วขึ้นลิฟต์กันผมจำไม่ได้หรอกว่าห้องแฟนมันอยู่ชั้นไหน แต่แอบกดชั้นก่อนที่จะถึงชั้นห้องของผมไว้กะว่าจะพุ่งออกจากลิฟต์แล้ววิ่งขึ้นไปแทน ส่วนไอ้ประมุขก็ทิ้งมันไว้ในลิฟต์นั่นแหละ ต่อให้มันตามมาก็คงไม่ทันเพราะผมแอบกดอีกอันที่เลยชั้นของผมขึ้นไปอีก ถึงทันมันก็ไม่รู้อยู่ดีว่าห้องผมห้องไหน


ติ๊ง!


พรึบ!


เฮ้ย!!! มันล็อคคอผมไว้ด้วยแขนโตๆ ของมันจนผมไม่สามารถที่จะพาตัวเองออกจากลิฟต์ได้ มันไหวตัวทันได้ไงวะ!


“คิดว่ากูไม่มีตาหรือไง กดไปสามชั้นขนาดนั้นไม่รู้ว่ามึงคิดจะทำอะไรก็บ้าแล้ว”


“แล้วมึงจะไปห้องกูทำไมเล่า เพื่อนกูอยู่นะ”


“เพื่อนนี่คนที่ชื่อบุ๊คใช่ไหม ไม่เป็นไรกูซี้”


“ซี้ได้ไง ไปซื้กันตอนไหน” ผมถามพลางพากันเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่หมาย สุดท้ายก็สลัดมันไม่ออกต้องยอมให้มันมาด้วยจนได้ เอาเถอะ เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าเรื่องที่มันไปซี้กับไอ้บุ๊คอีกแล้ว


“เพื่อนกูซี้”


“ใคร ห๊ะ มึงบอกมาเลย อ่าว..”


ต่างคนต่างก็ต้องส่งเสียงเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปเจอกับเพื่อนที่ว่าของมัน ไอ้คนที่ชื่อมิงค์นี่หว่ามันมาไงละนี่ ผมมองมันมองคนสลับไปมาอย่างต้องการคำตอบ หน้าไอ้บุ๊คออกแนวซีดๆ ปนหัวเสียนิดหน่อย ส่วนไอ้มิงค์ก็ยิ้มแป้นแล้นมาให้อย่างที่เคยทำ ในเมื่อไม่ได้คำตอบจากไอ้สองคนข้างหน้าผมก็หันไปคว้าคอคนข้างๆ แทน


“อะไรวะ ก็อย่างที่เห็นไง”


“ยังไงเล่า พวกมึงไปสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่ตอนไหน”


“ไม่ได้สนิท/ตอนเมา” ประโยคแรกเป็นของเพื่อนผม ส่วนประโยคหลังเป็นของไอ้มิงค์ อะไรวะนั่น ตอนเมา ไม่ได้สนิท แล้วสรุปคำตอบไหนเป็นคำตอบที่ใช่ละเนี่ย


“ไม่มีอะไรน่า ก็เพื่อนของเพื่อนมาเป็นเพื่อนกัน มึงจะสงสัยทำไมเยอะแยะ”


“ก็กูอยากรู้นี่”


“เออ อย่างที่เพื่อนมึงว่าสงสัยทำไม ปะไปกันเถอะ”


“ไปไหนอีก”


“ห้องมึง”


“เฮ้ย” ผมร้องเสียงหลงเมื่อโดนฉุดข้อมือไปอีกครั้ง หันไปมองทางสองคนนั้นพวกมันก็ไม่ได้มีที่ท่าว่าจะสนใจกันเลยสักนิดกลับพากันเดินออกไปนอกห้องแทน กลับมามึงเจอกูเค้นคอแน่ไอ้บุ๊ค!


 
“เอ้า เข้ามาแล้วจบ ออกได้” ผมหันไปบอกไอ้ตัวดีแล้วพยายามจะดันมันออกจากห้อง แต่มันกลับหมุนตัวกลับไปที่เตียงของผมแล้วทิ้งตัวลงนอน ไอ้เวรเอ้ย


“ทำอะไรของมึงเนี่ย”


“แค่อยากนอนสูดกลิ่นมึง”


“ห๊ะ อะไรพูดดีๆ เอาหัวออกจากหมอนก่อนแล้วค่อยพูดเด้”


มันส่ายหัวไปมากับหมอนของผมแล้วก็เงียบไป ผมรู้สึกป่วยการจะห้ามจะด่าก็เลยปล่อยให้มันนอนไปซะ ส่วนตัวเองก็หยิบเอาหมอนใบที่ว่างอยู่มานอนเล่นมือถือที่พื้นด้านล่างแทน


ผมนอนคุยกับนรินทร์ไลน์กับนริทร์ในมือถือจนเหลือบไปเห็นสายตาของคนที่นอนอยู่บนเตียงมองลงมา ผมเก็บมือถือลง หวังว่ามันคงจะไม่เห็นว่าผมคุยกับนรินทร์หรอกนะ


“ตื่นแล้วก็ลุกดิ”


“ชอบไอ้นรินทร์จริงๆ เหรอ” แทนที่จะทำตามที่ผมบอกมันกลับส่งคำถามมาให้ผมแทน ผมเงียบไปสักพัก ถ้าถามว่าชอบจริงไหมก็ต้องชอบจริงๆ อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะมีความสุขได้แบบนี้เหรอ ผมพยักหน้าตอบกลับไป


“เหรอ อืม หึหึ สู้ๆ แล้วกัน”


“แน่นอน ว่าแต่มึงจะลุกได้ยัง”


“ไม่ลุกๆ ขอนอนต่อ หกโมงเย็นปลุกด้วย เดี๋ยวพาไปกินข้าว” มันว่าแล้วฟุบหน้าลงไปกับหมอนอีกทีผมเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปอีกรอบก่อนจะตั้งนาฬิกาหกโมงเย็นปลุกตัวเองเพื่อมาปลุกมัน  ว่ามันเอาแต่ใจผมเองก็ตามใจมันไม่น้อยเหมือนกันแฮะ




 
วันนี้เป็นวันเสาร์แต่ก็มีกิจกรรมรับน้องของคณะ เสียงกลองดังไปทั่วทุกลานกว้าง เพราะการรับน้องทำให้ที่ม. ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย แต่พอหลังจากกิจกรรมรับน้องเสร็จเมื่อไรม. ก็จะกลับมาเงียบเหงาเหมือนเดิม พี่ๆ ปีสามอย่างผมก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ลงไปดูรุ่นน้องปีหนึ่ง ปีสองบ้างนิดหน่อย ลงบ้างพอให้กลัวกัน แล้วก็ถูกพี่ปีสี่ลงอีกทีให้พอระลึกได้ว่าตัวเองไม่ใช่พี่โตสุดของเอกนะ สนุกดีครับ ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ ผู้เล็กก็ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของผู้น้อย


หลังจากดูน้องเสร็จผมกับไอ้บุ๊คแวะซื้อข้าวที่ร้านข้าวขาประจำเพื่อซื้อข้าวกลับไปกินที่ห้อง เอ่ยแซวเล่นๆ เพราะไม่ได้กินมาหลายเดือน ป้าแกก็เพิ่งจะมาจากบ้านนอกเมื่อวานนี้เอง เสียงไอคอกแค่กดังอยู่ข้างหูผมหันไปมองที่ไอ้บุ๊คอย่างกังวล มันดูเหนื่อยๆ เอื่อยๆ มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ซึ่งท่าทางแบบนั้นมักจะตามมาด้วยการที่มันต้องนอนซมอยู่ห้องไปสองวันเต็ม แถมไอออกมาแบบนี้ผมมั่นใจเลยว่ามันต้องเป็นไข้แล้วแล้วแน่ๆ ผมเลยอาสาอยู่รอข้าวแทนแล้วให้มันกลับห้องไปก่อนเพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อน พอมาถึงห้องเสียงมือถือก็ดังขึ้นผมกดรับโดยที่ไม่ได้ดูว่าใครโทรเข้ามา


((ผมเองนะ))


“นรินทร์!? นรินทร์เหรอ สบายดีหรือเปล่า” ช่างเป็นคำถามที่... อย่างกับไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแน่ะ แต่มันก็นานจริงๆ นะ ตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม จนนี่เปิดเทอมไปแล้วเกือบอาทิตย์ผมก็ยังไม่ได้เจอนรินทร์เลย


((หึหึ สบายดี โทษที ไม่ได้ไปหาเลย))


“อื้อๆ ไม่เป็นแล้วตอนนี้...”


((อยากเจอจัง))


“แฮะๆ ขอโทษนะ พอดีว่าบุ๊คไม่สบาย เราไม่อยากทิ้งบุ๊คไว้คนเดียว”


((เหรอ ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันนะ)) ผมตอบรับเพียงสั้นๆ แล้วนรินทร์ก็กดวางสายไป ผมมองดูหน้าจออีกที่เสียงเตือนไลนก็ดังขึ้นพอกดเข้าไปดูก็เป็นไอ้ประมุข แล้วมาพร้อมใจกันทักอะไรวันนี้ละเนี่ย มันส่งมาถามว่าผมอยู่ไหน ให้ออกไปกินข้าวเป็นเพื่อนมันหน่อย ผมขี้เกียจพิมพ์เลยกดอัดเสียงส่งไปให้มันแทน


“กูไม่ไป เพื่อนกูป่วยจะอยู่เฝ้า จบนะ โอเค”  พอส่งไปก็รอดูอีกสักหน่อย มันส่งอีโมบาวน์หง่อยๆ มาให้ ผมปิดหน้าจอมือถือลแล้วเดินเข้าครัวไปจัดอาหารกลางวันใส่จานชาม ผมแอบเปลี่ยนเมนูให้บุ๊คเป็นข้าวต้มแทนก่อนจะยกเข้าไปให้มันในห้อง นอนซมอย่างที่คิด ผมจัดการป้อนอาหารให้มันจนเกือบหมดชามก่อนจะตามด้วยยาแก้ไข้ที่แวะซื้อมาเมื่อครู่


“นอนไปเลยนะ เย็นๆ มีอะไรก็เรียกดังๆ เดี๋ยวเย็นๆ กูมาปลุกอีกที”


ผมว่าจัดการห่มผ้าห่มให้มันจนถึงคอแล้วรีแอร์ลงอีกหน่อยก่อนจะเดินออกจากห้องเข้าครัวไปจัดการอาหารของตัวเองบ้าง พอล้างจานเก็บครัวเรียบร้อยแล้วผมก็ตั้งใจว่าจะมานอนเล่นบนโซฟาเพราะเผื่อเวลาที่ไอ้บุ๊คเรียกก็จะได้ยินชัดๆ แต่พอมองซ้ายมองขวาแล้วห้องมันรกแปลกๆ ผมเลยจัดการทำความสะอาดพื้นที่ตรงส่วนหน้าทีวีไปอีก จะใช้เครื่องดูดฝุ่นก็เกรงว่าไอ้บุ๊คจะตื่นเลยต้องใช้ไม้กวาดแทน ปวดหลังโคตร กว่าจะตักเศษขยะเข้าที่โกยได้นี่ก้มแล้วก้มอีก ผมเก็บห้องจนลืมเวลา เหม่อมองนาฬิกาอีกทีก็บ่ายสามแล้วเลยรีบไปอาบน้ำชำระคาบไคลจากการทำงานแล้วออกมานอนเล่นที่โซฟาอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกจนเผลอหลับไป


ติ๊ด ติ๊ด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นผมงัวเงียอยู่นานกว่าจะเอื้อมมือไปกดปิดเสียงเตือนนั่นได้ พอจะลุกขึ้นไปที่ห้องไอ้บุ๊ต เจ้าตัวก็ออกมายืนหน้ามึนอยู่ห้องเสียแล้ว


“ตื่นได้ไงอ่ะ”


“เสียงนาฬิกามึงดังขนาดนั้น ไม่ตื่นก็บ้าแล้ว”


“เหอะๆ ก็ดีๆ จะไปกินข้าวเลยหรือไปอาบน้ำก่อน”


ผมถามพร้อมกับเดินไปวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของมัน ไอร้อนลดลงไปเยอะ ถ้าได้กินข้าวพักผ่อนอีกคืนพรุ่งนี้คงหายสนิท


“อาบน้ำก่อนแล้วกัน มึนชิบหาย”


ผมพยักหน้าตอบรับแล้วไล่มันให้ไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็มานั่งจุ้มปุกอยู่ที่เดิม ก่อนที่เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องจะดังขึ้น


“คร้าบๆ มาแล้วๆ”


พอเปิดประตูออกไปก็ต้องเจอกับใบหน้าของคนที่เพิ่งส่งไลน์มาหาผมเมื่อตอนเที่ยง ประมุขมาพร้อมกับสองถุงใหญ่ในมือ มันชูขึ้นยักคิ้วให้ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินผ่านผมเข้าไปในห้องโดยปราศจากคำเชิญของผม


พอผมกำลังจะปิดห้องเสียงวิ่งหนักๆ ที่ระเบียงทางเดินก็ดังขึ้นจนผมโผล่หน้าออกไปดู.. นรินทร์! เขาวิ่งมาพร้อมกับผมเผ้าที่ยุ่งเยิงในมือมีถุงใหญ่ติดมาด้วยเหมือนประมุขไม่มีผิด ผมเริ่มรู้สึกเสี่ยวสันหลังวาบๆ ในห้องก็ไอ้ประมุขแล้วคนมาให้ก็เป็นนรินทร์อีกนี่มันวันอะไรกันแน่วะเนี่ย!?





 


TBC
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 14 Empty Re: Who’s the KING? } 14

ตั้งหัวข้อ by Sier Wed Jul 16, 2014 2:45 pm

รถไฟชนกัน!!!

จบได้ค้างคามากคะ (ดีที่อัพรวด ไม่งั้นมีลงแดง>-<~)

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 14 Empty Re: Who’s the KING? } 14

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 3:36 pm

รู้สึกเหมือนเห็นซัมติงมาจากมิ้งค์กับบุ๊ค........
อุ่ยยยยยย บ๊ะแหล่วๆ
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 14 Empty Re: Who’s the KING? } 14

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

ขอบอกว่าฟินและจิ้นมิงค์กับบุ๊คไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เฮือก
ตอนนี้มาป๊ะกันแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปคะเนี่ย 

อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนเลย แต่รู้สึกเหมือนนรินทร์จะมีอะไรแหม่งๆ หรือจะคิดไปเองนะ
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ