กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 8

+2
TwInZZZ
คราม
6 posters

Go down

Who’s the KING? } 8 Empty Who’s the KING? } 8

ตั้งหัวข้อ by คราม Sun Jun 22, 2014 9:16 pm

Who’s The KING?
8




 
หลังจากสอบเสร็จผมก็เก็บของบางส่วนแล้วแยกย้ายกับไอ้บุ๊คกลับบ้านใครบ้านมัน เราปิดเทอมกันสองเดือนกว่าๆ ก่อนที่จะขึ้นปีสาม ผมอาจจะยุ่งกว่าคนอื่นๆ เขาหน่อยเพราะตัวเองได้หยุดจริงๆ จังๆ แค่สองอาทิตย์ที่เหลือต้องแวะเวียนเข้าไปที่มหาลัยเพื่อดูความเรียบร้อยของการคัดเลือกระหว่างประมุขกับนรินทร์นั่นแหละ

ผมเลือกที่จะเข้าไปวันเว้นวันให้พอรู้ว่าผมไม่ได้หายจ๋อมไปไหน แล้วเอาเวลาที่เหลือมาช่วยพ่อกับแม่เฝ้าร้าน บ้านของผมเป็นอาคารพาณิชย์ ซื้อไว้ตั้งแต่รุ่นปู่ทวด ตั้งแต่แถวนี้ยังไม่เจริญ เปิดเป็นร้านทองด้านชั้นล่าง มีห้องครัวด้านหลังสุด ชั้นสองสามขึ้นไปก็เป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องพระห้องหนังสือ มีห้องว่างๆ ที่ไม่ได้ใช้อีกสองห้อง

ความจริงจากบ้านไปมอมันก็ไม่ได้ไกลแต่เพราะตัวผมเองที่ไม่อยากเดินทางบ่อยแล้วไอ้บุ๊คเองก็อยากมีเมทด้วยเราถึงได้เช่าคอนโดกัน คอนโดนั่นก็ของญาติมันอีกทีค่าเช่าเลยไม่แพงนัก แล้วมันก็สะดวกกับการไปเรียนและทำกิจกรรมมากกว่าด้วย

ตอนเช้าๆ แถวบ้านผมค่อนข้างวุ่นวาย ไม่สิ ต้องบอกว่าทั้งวัน ผมตื่นแต่เช้าเพราะเสียงรถยนต์และคนขายของหน้าบ้าน เพราะว่าบ้านผมมันติดถนนพอดีเสียงเลยจอแจทั้งวัน จะเงียบๆ หน่อยก็ตอนเที่ยงคืนถึงตีห้านอกจากเวลานั้นก็ทนกันไป แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ที่สำคัญนี่มันย่านที่คนพลุกพล่านกิจการเลยเป็นไปอย่างดี

ข้างล่างมีพ่อนั่งเฝ้าร้านอยู่คนเดียว ส่วนแม่อยู่ที่ครัวกำลังเตรียมข้าวเช้าให้พ่อลูกอยู่ พ่อผมนั่งกระดิกเท้าอ่านหนังสือมีเสียงทีวีของข่าวเช้าประจำวันดังคลอไปด้วย ร้านเรามกรงกั้นระหว่างคนซื้อกับตู้ทองเพราะอย่างนั้นเลยไม่ค่อยกังวลว่าจะมีใครมาปล้นกระชากไป ผมเดินไปเปลี่ยนช่องเป็นช่องเก้าการ์ตูนยังไม่ทันจะหย่อนตูดนั่งก็โดนพ่อถีบเข้าให้กลางหลัง


“อะไรอ่า เจ็บนะเนี่ย”


“เอ๊งเปลี่ยนช่องทีวีพ่อทำไม”


“พ่อดูเหรอ พ่อดูอยู่เหรอก็เห็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่”


“หูฟังตาอ่าน เปลี่ยน” ผมยู่ปากแล้วเปลี่ยนกลับไปที่ช่องเดิม ตั้งใจจะลุกไปช่วยแม่แต่ก็ขี้เกียจเดี๋ยวโดนแม่ไล่อีก แม่ผมไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งตอนแกกำลังทำอาหารเพราะอย่างนั้นครัวเลยเป็นพื้นที่ส่วนตัวของแม่คนเดียว


ผมนั่งจ๋องอยู่หน้าทีวีฟังเสียงผู้ประกาศข่าวไปเรื่อยๆ จนแม่เรียกเข้าไปกินข้าวเช้า พ่อเองก็ตามไปด้วย เรานั่งกินข้าวพลางพูดคุยกันเหมือนทุกวันผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับบ้านเพราะได้กินแต่ของที่ชอบ อยากกินก็ลงมากินไม่ต้องออกไปไหนมีจัดหาไว้ให้ สบายที่สุด


“ปิดเทอมแลนด์จะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”


“ไม่อ่ะแม่ ชมรมที่ม.มีงานแลนด์ต้องเข้าม.บ่อยเลย ยาวไปจนเปิดเทอมนู่น” ผมตอบแม่พลางตักเอาไข่ตุ๋นที่ขอให้แม่ทำให้ตั้งแต่เมื่อคืนเข้าปากคำโต


“ดีเลย แม่กับพ่อว่าจะไปเหนือสักหน่อย”


“ห๊า ไปด้วยดิไปด้วยยยย”


โป๊ก!


“โอ้ย พ่อเจ็บ”


“ไหนเอ็งบอกไม่ว่าง อยู่บ้านนี่แหละ พ่อกับแม่ขึ้นไปเยี่ยมไอ้ตาลเฉยๆ มันท่าไม่ค่อยดีละ” ไอ้ตาลที่ว่าคือเพื่อนของพ่อผมเอง สนิทที่สุด ถึงจะอยู่ไกลกันแต่ก็ติดต่อกันตลอด ลุงตาลขึ้นไปอยู่เหนือตั้งแต่เรียนจบ แล้วช่วงนี้ก็ดูเหมือนว่าจะป่วยหนักพ่อเองก็หาโอกาสไปเยี่ยมมานานแล้วเหมือนกัน


“ให้แลนด์อยู่คนเดียวเนี่ยนะ กลัวอ่ะ ไม่เปิดร้านได้ไหม”


“ตามใจ แต่ถ้าเปิดก็ได้เงินนะ” ผมส่ายหน้ารัว เปิดได้เงินแต่ไม่เปิดจะดีกว่า ไม่อยากเสี่ยงถึงจะมีกรงกั้นแต่อยู่คนเดียวกับการดูแลร้านทองมันก็ไม่ใช่อะไรที่อยากจะลองทำเลยสักนิด เสียไปคงไม่คุ้มกันเท่าไร




 
หลังจากที่กลิ่งๆ นอนๆ อยู่บ้านไปสองอาทิตย์เต็มวันนี้ก็ได้ฤกษ์มาที่มหาลัยตามนัดเสียที เท่าที่ผมรู้มาระหว่างที่ผมหยุดประมุขกับนรินทร์และคนอื่นๆ ก็มาซ้อมกันทุกวัน มีพวกเด็กๆ มาช่วยซ้อม ช่วยอำนวยความสะดวกให้ มีโค้ชมาช่วยดูทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติเหมือนตอนเปิดเทอมไม่มีผิด มีแต่ผมนี่แหละที่โชคดีได้หยุดพักผ่อนกับเขาแถมยังจะขี้โกงมาวันเว้นวันอีก


ผมเดินเข้ามาในโรงยิมก็ได้ยินเสียงดาบโช้งเช้งบวกกับเสียงคนพูดคุยกัน มีคนอยู่ในโรงยิมพอสมควรเด็กในชมรมมากันเกือบครบพวกเขาอยู่ในชุดกีฬาสีขาวกำลังกวัดแกว่งดาบใส่คู่ต่อสู่ของตัวเองอยู่ในสนาม ผมเดินไปหาอาจารย์ที่นั่งดูอยู่ริมสนามแกหันมาทักทายผมเลยนั่งลงข้างอาจารย์เสียเลย


ผมกวาดสายตาไปทั่วมีสนามประลองวางอยู่สามพื้นมีโค้ชคอยเดินดูทั่ว นรินทร์กับประมุขต่างแยกคู่กันซ้อมไอ้นายเป็นคู่ซ้อมให้กับนรินทร์ส่วนให้โต่งเป็นคู่ซ้อมให้กับประมุข ผมมองดูอยู่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ารอบที่สองของการเก็บคะแนนมันเมื่อไรกันนะเลยหันไปถามอาจารย์คำตอบคือพรุ่งนี้ แทนที่ผมจะคิดว่า ‘ไม่น่าเลย มาผิดวันซะแล้ว น่าจะมาพรุ่งนี้ทีเดียว’ กลับกลายเป็นว่าผมเกิดความกังวลขึ้นมาเสียอย่างนั้น


ประมุขที่เคยชนะนรินทร์แต่กลับแพ้ในรอบที่แล้วกับนรินทร์ที่เคยแพ้กลับชนะมันทำให้ผมอยู่คิดไม่ตกว่าทั้งสองคนจะรู้สึกอย่างไร กับประมุขแน่นอนว่าเขาต้องพยายามที่จะเอาคำว่าชนะของเขาคืนมา การมาแพ้ให้กับคนที่ตัวเองเคยชนะมาก่อนมันไม่ตลกเลยสักนิด กับนรินทร์เองผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเล่นมันด้วยอารมณ์แบบไหนอยากแก้มือหรืออยากทำในสิ่งที่ต้องการกันแน่


ผมนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นานจนพื้นที่ข้างๆ ผมที่เคยเป็นของอาจารย์กลับถูกใคนคนที่อยู่ในความคิดของผมยึดไป ประมุขนั่งลงข้างๆ ผม ถอดหน้ากากออกพลางสะบัดไล่เม็ดเหงื่อที่โชกไปทั้งหน้า ผมลุกขึ้นเพื่อไปเอาผ้าเย็นกับน้ำมาให้ประมุข แต่ทันทีที่ลุกแล้วหันไปทางซ้ายมือผมก็เห็นนรินทร์ที่กำลังถูกดูแลโดนผู้หญิงคนหนึ่ง พอเดินเข้าไปใกล้ก็ถึงรู้ว่าเป็นคาเรนผมส่งยิ้มให้ทั้งคู่แล้วกลับมาหาประมุขพร้อมของที่ตั้งใจไปเอาแต่แรก


“ขอบคุณ” มันรับน้ำไปแล้วเทราดหน้าตัวเองจนผมต้องผงะหนีเพราะกลัวน้ำมันจะกระเซ็นใส่ แต่ก็นั่นแหละไม่ได้ช่วยเท่าไรหรอก


“ไม่มีซ้อมต่อแล้วเหรอ”


“ตั้งแต่เช้าแล้ว เหนื่อย” มันตอบเสียงดูแหบๆ ดูเหนื่อยมาก ผมเลยหยิบเอากระดาษแข็งข้างๆ ตัวมาพัดให้ มันก็เงยหน้าเงยตารับลมที่ผมพัดให้ไปพลางรี่ตามองผมไปพลาง


“แฟนนรินทร์สวยดีนะ”


“แฟนมึงก็สวย” ผมตอบไปแทบจะทันที ยังจำได้อยู่ผู้หญิงที่ขึ้นลิฟต์ไปกับมัน ผมเองก็เคยเดินสวนบ่อยๆ เพราะว่าอยู่คอนโดเดียวกันนี่แหละ พอหันไปมองคาเรนกับนรินทร์สองคนนั้นก็อยู่ในลักษณะที่ไม่ต่างกับผมและประมุขเท่าไรนักแต่ต่างตรงที่พวกเขามีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่รอบๆ ตัว แล้วเมื่อหันกลับมาทางประมุขก็เจอกับสายตาคมที่จ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมหยักคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามว่ามองอะไร แต่สิ่งที่ได้ก็คือรอยยิ้มที่กระตุกขึ้นเพียงนิดก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เต็มริมฝีปากบางนั่น


“ยิ้มอีกล่ะ ช่วงนี้มึงยิ้มบ่อยนะ”


“พอยิ้มแล้วมันก็ได้อะไรดีๆ กลับมานี่นา”


ผมขมวดคิ้วงงให้กับคำตอบของคนตรงหน้า มันส่ายหน้าไปมาแล้วดันผมไปขยับไปจนเกือบจะตกม้านั่งส่วนตัวมันก็นอนลงมาโดยเอาหัวมาทางที่ผมนั่งอยู่ ตอนที่มันเอนตัวลงมาผมตกใจไปวูบหนึ่งเพราะคิดว่ามันจะนอนตักแต่ก็เปล่ามันนอนลงใช้แขนตัวเองเป็นที่รองหนุนโดยที่หัวของมันแนบกับต้นขาของผมพอดี


“เลิกแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปนอนบ้านดิ”


“ประท้วงอยู่”


“ห๊ะ ประท้วงอะไร”


“หาคนไปเดินเทศกาลขนมหวานด้วย มึงจะไปไม่ไป? ถ้าไม่ไปกูก็จะนอนแงกอยู่ตรงนี้แหละ” ห๊า ไอ้นี่มันคนบ้านี่หว่า ผมมองคนบ้าที่นอนอยู่ข้างๆ แล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างปลงๆ ไม่คิดเลยว่าไอ้คนมาดเท่ จอมขู่ ปากร้าย นิสัยแย่อย่างมันจะมีมุมบ้าๆ แบบนี้ด้วย


“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ”


แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจจ้องหน้ามันเท่าไรนักแต่สิ่งที่เห็นก็คือมุมปากนั่นกำลังยกยิ้มน้อยๆ อยู่ พอเห็นอย่างนั้นแล้วผมก็ได้แต่ยกยิ้มตามไปด้วย


 


งานเทศกาลขนมหวานเป็นงานที่จัดในห้างใหญ่ของเมืองจัดขึ้นปีล่ะสามครั้งผมเองก็เคยมาแบบผ่านๆ มีครั้งนี่นี่แหละที่ได้มาเดินดูตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้ายแบบนี้ ประมุขเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนผมวิ่งวุ่นตามแทบไม่ทันแล้วทุกครั้งที่เข้าร้านไปก็มักจะได้ของติดไม้ติดมือกลับมาทุกร้าน ตอนนี้ในมือเราทั้งคู่เลยเต็มไปด้วยถุงขนมหลากสีสัน ซึ่งมีแต่ของประมุขเท่านั้นของมันคนเดียวเลย


“ไม่นึกว่าจะชอบขนมขนาดนี้นะ”


“ไม่ได้?”


“ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ บอกว่านึกไม่ถึง” ผมพรูลมหายใจออกมาเบาๆ มองถุงขนมที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องยิ้มขัน ให้ตายการที่ผู้ชายสองคนมีขนมวางอยู่บนตักมากมายขนาดนี้มันดูตลกไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมคนข้างๆ ผมถึงเอาแต่เปิดถุงนั้นถุงนี้ดูพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแบบนั้นล่ะ


“ชอบมากเลยเหรอ ขนมหวานน่ะ”


“ที่สุด ยิ่งเหนื่อยๆ จากซ้อมกีฬายิ่งกินได้เยอะ ของเพิ่มพลัง ฮ่าๆ”


“โห ดีแฮะ”


“หือ มึงไม่มีของที่ชอบเหรอ ของกิน? ของเล่น? ของโปรด?” ผมชะงักไปนิดหน่อยที่จู่ๆ มันก็หันมาถามผมแทนที่จะสนใจขนมตรงหน้า ผมคิดตามที่มันพูดของชอบของผมเหรอ อืม.. ยากแฮะ คิดไม่ออกเลยว่าตัวเองชอบอะไรเหมือนจะไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษด้วยซ้ำ ใช้ชีวิตไปวันๆ ใครให้ทำอะไรก็ทำ ใครพาไปกินอะไรก็กิน ใครชวนเล่นอะไรก็เล่น แต่ก็ไม่มีอะไรที่เจาะจงอยู่ดี ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ ประมุขหยิบเอาถุงขนมอันหนึ่งขึ้นมายื่นให้กับผม พอเปิดดูก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะมันก็คือกล่องเหล็กใส่ขนมที่มีลักษณะเป็นรูปดาวแต่เพราะมันยังไม่ได้ถูกเปิดผมเลยไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร


“ไม่เปิดล่ะ เปิดสิ”


“อะ.. อืมๆ” ผมเปิดตามที่มันบอกข้างในเป็นไวท์ช็อตโกแลตสีขาวรูปดาวถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกแยกออกจากกันแต่ก็มีอยู่เต็มกล่องเหล็ก ผมดูแล้วก็งงก็แค่ขนมธรรมดาแล้วท่อนแขนของคนข้างๆ ก็ยื่นมาแหวกบรรดาของนมพวกนั้นออกจากกันก่อนจะล้วงมือเข้าไปด้านในกล่อง พอเขายกมือขึ้นมาสิ่งที่ติดมากับมือก็คือถุงพลาสติกใส่ที่ข้างในเป็นพวงกุญแจรูปดาวหลากหลายดวงที่ห้อยอยู่รวมกัน มันระยิบระยับเมื่อกระทบเข้ากับแสงไฟในห้างจนผมอดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยดวงตาที่ลุกวาว


“สวยมาก”


“ลิมิเต็ดเลยนะ ให้มึงแล้วกัน”


“จะดีเหรอ”


“ตั้งใจซื้อมาให้อยู่แล้ว อุตสาห์มาเป็นเพื่อน ขอบคุณ” เห... คนข้างๆ ผมเนี่ยมีอะไรให้ตกใจทุกทีเลยสินะ แต่ว่าเดี๋ยวก่อน...


“เฮ้ย แล้วไอ้นี่มันเกี่ยวกับของที่กูชอบไม่ชอบตรงไหน”


“หือ ไม่เกี่ยวดิ ไม่มีอะไรเกี่ยวเลย มึงส่ายหัวบอกไม่มีของที่ชอบกูก็แค่ให้ของที่ตั้งใจจะให้อยู่แล้วแค่นั้นเอง”


ห๊า ก็นึกว่าจะมีอะไรมากกว่านี่ผมคงคาดหวังมากไปว่ามันจะให้ข้อคิดอะไรดีๆ กลับมาแต่ก็เปล่ามันก็แค่การถามตอบธรรมดา ฮึ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรนักหรอก ดีเสียอีกที่เป็นแบบนี้ รู้สึกว่าผมกับมันก็ไปกันได้ดีกว่าที่คิดอย่างน้อยวันนี้ก็ไม่มีปากเสียใส่กันให้อารมณ์ขึ้น


“แต่.. ถ้ามึงชอบของที่กูให้ก็จะดีน่ะนะ” ทำไมเสียงของประมุขถึงได้กลายเป็นน้ำเสียงของคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ไปได้ละ


“ชอบอยู่แล้ว ขอบคุณนะ”


 
“บ้านอยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องอยู่คอนโด” ประมุขชะเง้อคอยาวมองบ้านผมตั้งแต่ข้างบนยันข้างล่าง หลังจากเดินเล่นในงานกันจนเหนื่อยประมุขก็มาส่งผมที่บ้าน ที่จริงมันขับไปถึงคอนโดแล้วด้วยซ้ำแต่เพราะผมไม่ไดเอากุญแจมาเลยต้องวานแกมบังคับให้มันมาส่งถึงบ้านอีกที มันแปลกใจนิดหน่อยที่บ้านผมอยู่ไกลจากมหาลัยไม่เท่าไร


“คอนโดมันใกล้มอมากกว่านี่”


“เปลื่องเงินดิ”


“ไม่เปลื่องเว้ยคอนโดญาติเพื่อนค่าเช่าถูกจะตาย”


“ญาติคนที่ชื่อบุ๊ค?”


“อือ แล้วนี่จะกลับไปได้ยัง จอดรถตรงนี้มันขว้างถนนนะ หรือจะเข้า?” ผมถามพร้อมกับชี้เข้าไปที่ตัวบ้านที่ถูกปิดด้วยที่ม้วนเหล็กไปแล้วแม้ว่าไฟที่ชั้นสองจะสว่างอยู่ก็ตาม พ่อกับแม่คงกำลังดูละครกันอยู่


“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้มีแข่ง ไปดูหรือเปล่า”


“ไปสิ”


“แล้วเจอกัน” 


ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยืนอยู่ตรงนั้นจนรถของประมุขหายไปกับจากสายตาแล้วผมก็เดินไปเข้าบ้านจากประตูหลัง เสียงละครดังลงมาจนถึงชั้นล่างผมเดินเข้าครัวไปหาน้ำกินพร้อมกับเอาไวท์ช็อคโกแลตใส่ตู้เย็นด้วย แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะหยิบเอาพวงกุญแจออกมาก่อน หลังจากนั้นก็เดินขึ้นห้องไปให้พ่อกับแม่เห็นว่ากลับมาแล้วถึงค่อยเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง


ผมล้มตัวลงนอนกับเตียงหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว กลิ่นหอมของชุดนอนที่แม่เพิ่งซักให้กับแสงไฟบนเพดานทำเอาผมรู้สึกง่วงขึ้นมาหน่อยๆ ผมค่อยๆ ขยับตัวเองขึ้นไปหนุนหมอนดีๆ หยิบมือถือขึ้นมากดเล่นเหมือนทุกวันก่อนนอน วันนี้กำลังจะผ่านไปอีกหนึ่งวัน เป็นอีกวันที่ไม่มีอะไรพิเศษ.. ไม่สิ มีนี่นา


ผมหยิบเอาพวงกุญแจที่ได้มาจากประมุขขึ้นมาก่อนจะนอนจ้องมันอยู่อย่างนั้น ยิ่งมันกระทบกับแสงมากเท่าไรก็ยิ่งมีประกายแวววับออกมา ทำให้ผมอดคิดถึงคนให้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ประมุขถึงได้ดูมีประกายที่สดใสเหมือนกับเจ้าพวงกุญแจในมือของผมตอนนี้นัก



ประมุขยิ้มบ่อยขึ้นแล้วยิ้มของเขาก็สวยมาก มันสวยเหมือนพวงกุญแจนี่เลย ผมได้แต่หวังว่าเขาจะยิ้มให้ผมต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตามอย่าได้กลับไปทะเลาะหรือเอาแต่ตะโกนใส่กันด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบแต่ก่อนอีกเลย เป็นแบบนี้น่ะดีกว่าเห็นๆ






TBC
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 8 Empty Re: Who’s the KING? } 8

ตั้งหัวข้อ by TwInZZZ Mon Jun 23, 2014 5:54 pm

โอ๊ยยยย แลนด์เริ่มเอนเอียงมาทางประมุขแล้ววว
ลุ้นตามอย่างใกล้ชิดติดสนาม แต่เค้ามีแฟนอยู่เเล้วนี่!!!

TwInZZZ
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 31
Join date : 21/06/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 8 Empty Re: Who’s the KING? } 8

ตั้งหัวข้อ by Sier Tue Jun 24, 2014 3:26 pm

อ๊าย~ นู๋แลนด์เลือกคู่ได้แล้วสินะจ๊ะ~~

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 8 Empty Re: Who’s the KING? } 8

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Tue Jun 24, 2014 11:22 pm

เห็นด้วยกับแลนด์เลย ประมุขเป็นแบบนี้ต่อไปนะ มันน่ารักมาก อย่ากลับไปเป็นแบบเดิมอีกเลย 
มีชวนไปซื้อขนม ให้ขนม พามาส่งบ้าน หืออ ฟินอ่ะ
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 8 Empty Re: Who’s the KING? } 8

ตั้งหัวข้อ by tookta Thu Jun 26, 2014 1:35 pm

ขอบคุณจ้า
อั้ยย่ะ !!! ประมุขมีการพัฒนาก้าวกระโดด
แบบนี้นรินทร์ก็คงจะสู้ไม่ได้แล้วล่ะซิ หุหุหุ
tookta
tookta
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 22
Join date : 17/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 8 Empty Re: Who’s the KING? } 8

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

โอ๊ยยยยยยยยย ฟินนนนนนนนน #ยิ้มจนปากแทบฉีก
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ