กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 7

+3
หมึกจีน
tookta
คราม
7 posters

Go down

Who’s the KING? } 7 Empty Who’s the KING? } 7

ตั้งหัวข้อ by คราม Tue Jun 10, 2014 8:53 pm

Who’s The KING?
7


 
ประมุขพาผมออกมาซอยข้างมอก่อนจะแวะเข้าเซเว่นแล้วซื้อข้าวกล่องออกมาสามกล่องพร้อมเครื่องดื่ม ของผมน่ะแค่หนึ่ง แต่ของมันน่ะสอง แต่ประเด็นคือ..


“มึงพากูมากินข้าวเซเว่นกินเนี่ยนะ” ประมุขชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากแล้วหันมามองหน้าผมที่ยังไม่ได้เริ่มการกินเลยแม้แต่คำเดียวผิดกับมันที่เริ่มกล่องที่สองแล้ว “นั่งมาตั้งนานเพิ่งจะบ่น”


“กูเพิ่งนึกได้เว้ย แทนที่จะได้ไปนั่งร้านดีๆ กินข้าวใหม่ๆ นี่กูต้องมานั่งกินข้าวเวฟเหรอ ใช่ไหมเรื่องไหมมึง” มันกระพริบตาปริบๆ ตักข้าวเข้าปากคำ ตามด้วยน้ำโค้กอีกอึกใหญ่


“ก็ที่ร้านคนมันเยอะนี่หว่า กูไม่อยากรอ แล้วดูดิ วิวที่สวนกลางก็สวยดีออก อ๊า~ สดชื่น”


“เฮอะ! พากูมาแทนที่จะพาไปกินดีๆ” ผมบ่นกระปอดกระแปดแพลางยัดข้าวเวฟตรงหน้าเข้าปาก ประมุขเองก็กลับไปสนใจอาหารที่เหลืออยู่ของตัวเองจนหมดก่อนที่มันจะชะงักแล้วมองมาทางผม


“วันนี้กูแพ้แหละ”


“กูรู้ล่ะ มึงบอกกูล่ะ”


“แต่นี่มันก็แค่รอบแรกน่ะนะ รอบหน้ากูชนะแน่” มันยกยิ้มอย่างมันใจ เมื่อวันนั้นก็มั่นใจแบบนี้ไง สุดท้ายก็แพ้ ผมอยากจะพูดออกไปแต่ก็เลือกที่จะเก็บไว้ เพราะถ้าพูดออกไปแล้วผมได้เจอมันประเคนขวดโค้กใส่หัวแน่ๆ หรือผมควรจะปลอบมัน? ไม่เป็นไรนะ ครั้งหน้ายังมี.. ถุย ไม่เข้าเลย ปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ มันเองก็ไม่ได้มีที่ท่าว่าจะเศร้าอะไรสักหน่อย แถมยังปากดีได้อยู่เลย


“เป็นไง กูดูดีไหมวันนี้”


“เฉยๆ นรินทร์ดูดีกว่าเยอะ”


“หึหึ เป็นกลางจังน้า” มันลากเสียงยาวอย่างกวนโอ๊ย


“อะไรของมึง กลางเกิงอะไร”


“เปล่าครับๆ ใครมันจะไปดูดีเหมือนไอ้คุณชายนั่นล่ะ คุณชายเขาดีทุกอย่างแหละ เนอะ” คำพูดที่มีนัยยะแปลกๆ ของมันทำให้ผมรู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันทีเลยไม่คิดที่จะต่อปากต่อคำให้มากความ แต่เลือกที่จะยัดข้าวในกล่องให้หมดแล้วลุกขึ้นเตรียมจะกลับคอนโดแทน


“รีบเหรอ”


“เออ ปล่อย”  มันรั้งมือผมไว้อย่างนั้น แม้ว่าจะบอกให้ปล่อยแล้วแต่ก็ยังไม่ปล่อย ประมุขเก็บซากของที่กินลงถุงด้วยมือข้างเดียวหยิบถุงฟันดาบขึ้นมาพาดบ่าเดินเอาขยะไปทิ้งพ้อมกับลากผมไปด้วยที่จะพามาหยุดอยู่ที่รถฟีโน่ที่อยู่ตรงส่วนของที่จอดรถ


“ไม่ได้จะไปส่งนะ แต่พอดีว่าจะไปหาแฟนที่บังเอิญอยู่คอนโดเดียวกับมึง ฮึ”


นั่นไง สายตาเหยียดๆ มุมปากที่แสยะขึ้นข้างหนึ่งของมันบ่งบอกให้ผมรู้ว่ามันกำกวนตีนผมอยู่จริงๆ ดีกันได้ไม่ถึงสิบนาทีมันก็กลับมาหมาใส่อีกล่ะ ผมจำใจรับถุงฟันดาบของมันมาถึงแล้วซ้อนท้ายมันไปเหมือนเดิมจนรถมาจอดที่หน้าคอนโดผมกับมันก็เดินเข้าไปพร้อมกัน ขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำเดียว จนเมื่อถึงชั้นของมัน ประมุขก็หันมามองหน้าเพียงนิดเดียวก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ผมแลบลิ้นใส่มันลับหลัง การกระทำโคตรเด็กเลยกู แต่จะทำไงได้ก็มันหมั่นไส้นี่






 
หลังจากที่การแข่งครั้งแรกผ่านไปมันก็เหลืออีกเพียงหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นก็จะถึงช่วงสอบปลายภาคคราวนี้พวกผมก็จะหลุดพ้นจากการเป็นนักศึกษาปีสองแล้วขยับไปที่ปีสามแทนแล้วก็จะเป็นช่วงแข่งเฟนชิ่งระดับมหาลัยที่เราๆ กำลังหาตัวแทนกันอยู่นี่ไง ผมว่าระยะเวลากำลังพอดี ช่วงปิดเทอมก็มีแข่งอีกสามครั้งใครชนะมากสุดก็ได้เป็นตัวแทนไป แต่ถ้าเกิดเท่ากันก็อีกเรื่องหนึ่งละนะ


จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับสองคนนั้นเท่าไร แม้ว่าจะเข้าชมรมวันเว้นก็ได้แค่เจอพวกนั้นแบบผ่านๆ รวมถึงได้ไปดูตอนซ้อมบ้างบางทีแล้วแต่ไอ้นายลากไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คุยอยู่ดีเพราะผมไปแค่สิบนาทีก็กลับ อยู่ไปก็ดูไม่รู้เรื่องไง


ความรู้สึกของสองคนนั้นสำหรับผมแล้วค่อนข้างจะแตกต่างกันนิดหน่อย กับนรินทร์ผมไม่อยากเข้าไปกวน แต่กับนายประมุขผมไม่อยากเข้าไปใกล้สุดท้ายแล้วผมเลยหลีกเลี่ยงไปทั้งสองคน แต่วันนี้มันดูจะแตกต่างไปสักหน่อย เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาถูกหวยเลยพาทั้งชมรมไปเลี้ยงจิ้มจุ่มข้างมหาลัยเพราะอย่างนั้นการหลีกเลี่ยงที่ผมเพียรทำมาตลอดสองอาทิตย์เลยหมดลงแต่เพียงเท่านี้ในเมื่อที่นั่งมันช่างเหมาะเจาะให้ผมได้เจอกับทั้งสองคนพร้อมกันจริงๆ


ไอ้นายบังคับจับกดผมลงกับเก้าอี้ตัวกลางระหว่างนรินทร์กับประมุข ผมรู้ว่ามันจงใจแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร  แต่ทุกคนดูจะโอเคกับการที่ผมต้องมานั่งคั่นกลางระหว่างสองคนนี้โดยที่ไม่ได้ถามผมเลยว่ากูโอเคกับมันไหม อยากนั่งตรงนี้หรือเปล่า ไม่มี ไม่มีสักคน 


น่าแปลกปกติคนมาชมรมไม่เยอะหรอก แต่พออาจารย์แกจะเลี้ยงเท่านั้นแหละแห่กันมาเกือบหมดจนอาจารย์ต้องด่าไปทีว่าไอ้พวกเห็นแก่กินแต่ก็เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีอยากกินอะไรก็สั่งได้ไม่อั้น ตรงหน้าผมมีหม้อดินวางอยู่หนึ่งเตา ทั้งซ้ายชวาของผมผลัดกันหย่อนหมูหมากาไก่ลงไม่ขาด จนผมไม่ต้องทำอะไรรอกินอย่างเดียว


“แลนด์กินตับไหม” นรินทร์ถามพร้อมกับคีบตับขึ้นมาด้วยตะเกียบผมพยักพเยิดหน้าให้นรินทร์ใส่มันลงไปในเตาเลยเพราะส่วนตัวผมก็ชอบกินตับอยู่แล้ว


“กิน ใส่เลยๆ”


นรินทร์ยกยิ้มให้ตะเกียบคนไปทั่วหม้อ หยิบเอาน้ำจิ้มมาวางข้างๆ แล้วตักเอาบรรดาเนื้อต่างๆ ให้ผมจนเต็มถ้วย ผมขอบคุณเบาๆ ตักน้ำจิ้มใส่จนน้ำซุปเปลี่ยนเป็นสีแดง กำลังจะคีบตับเข้าปากก็มีมือดีมาฉกมันไปต่อหน้าต่อตา


“เฮ้ย ไรอ่ะ!” มันไม่ตอบแต่กัดตับชิ้นนั้นออกครึ่งหนึ่งแล้วยื่นมาให้ผมดู


“มันยังไม่สุกดีเลย กินเข้าไปมึงปวดท้องแน่”


“ปกติกูก็ชอบกินกันแบบกึ่งสุกกึ่งดิบอยู่แล้วเหอะ ทำให้กูใหม่เลยนะ ทำให้กูใหม่เลย” ผมว่าแล้วเหยียบเท้ามันไปหลายๆ ที แต่มันก็ยังลอยหน้าลอยตาตักนู่นตักนี่เข้าปากโดยไม่สนใจที่ผมบอกไปสักนิด จนนรินทร์คีบเอาตับอีกชิ้นมาใส่ถ้วยของผม


“นี่น่าจะตรงกับที่แลนด์ชอบนะ กึ่งสุกกึ่งดิบ กินเร็วๆ ล่ะเดี๋ยวโดนแย่งอีก” ผมยิ้มหวานให้นรินทร์แล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่ประมุขมันทำหน้าทำตาอ้อล้อตอบกลับมาอย่างหน้ามั่นไส้ก่อนที่มันจะคีบเอาผักบุ้งมาใส่ถ้วยผมจนเต็ม


“มึง...” ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า


“เหม็นเขียวกูไม่ชอบ จะทิ้งก็เสียดาย อ่ะ กิน~” ว่าแล้วก็คีบใส่ไม่หยุด ผมได้แต่กัดฟันอดกลั้น ดูก็รู้ว่ามันแค่อยากแกล้งเมื่อกี้ยังเห็นกินเข้าไปได้ไม่เห็นจะเหม็นอะไร ผมเลยแก้แค้นด้วยกรเอาน้ำจิ้มของตัวเองเทให้ถ้วยของมันจนหมด มันไม่ได้ว่าอะไร แต่รี่ตาใส่ผมแทน เหอะ อร่อยแน่มึง


“พวกพี่ดูสนิทกันดีเนอะ” เด็กในชมรมคนหนึ่งพูดขึ้นรู้สึกว่ามันจะชื่อโฟนหรือโฟมนี่แหละ ไม่ค่อยได้เห็นมันเท่าไร


“ก็ถ้าไม่ได้พี่แลนด์ พี่รินกับพี่ปอนด์คงไม่ยอมมาคัดเลือกตามที่โค้ชบอกหรอก”


“อ๋อ เพราะงั้นเลยสนิทกันเหรอ”


“เออดี พี่เขาสนิทกันจะตาย” เดี๋ยวๆ จะพูดจะจาอะไรนี่ถามพวกกูสามคนหรือยัง ไอ้นายแพล่มปากไม่หยุดเล่าเรื่องที่ผมไปกล่อมจนสองคนนี้ยอมซึ่งมันมีแต่ด้านดีๆ ไง ไม่ได้รับรู้เลยว่าเบื้องหลังมันเป็นยังไง ผมมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นสองคนนี้จะสนใจอะไรผมก็เลยไม่สนใจบ้าง


อาจารย์เดินไปชดใช้ค่าเสียหายของวันนี้แล้วก็แยกย้ายกันไปคนละทาง แต่.. ผมกรอกตาขึ้นฟ้ามองไปทางซ้ายก็เจอกับนรินทร์ที่ยืนยิ้มให้อยู่ พอมองไปทางขวาก็เจอกับประมุขยืนกอดอกปั้นหน้าบึ่งให้ผมอยู่อีกเหมือนกัน


“ไม่กลับอ่ะ ทั้งคู่เลย”


“แล้วแลนด์กลับยังไง”


“เดี๋ยวกูไปส่งเอง” ประมุขพูดขัดขึ้นมาผมที่กำลังจะตอบคำถามนรินทร์เลยได้แต่มองมันด้วยหางตาแล้วกลับมาสนใจนรินทร์ต่อ


“เดี๋ยวนั่งวินกลับ มันไม่ไกลเท่าไร”


“กูบอกว่าจะไปส่งไง” นรินทร์ยักคิ้วเข้มของตัวเองแล้วมองตรงไปยังประมุขที่อยู่ด้านหลังผมอีกที ด้วยความสูงที่ไม่ได้ห่างกันมากนัก หมายถึงสองคนนั้นนะ ส่วนตัวผมน่ะแค่ติ่งหูของทั้งคู่เท่านั้นแหละ เขาสองคนเลยมองตากันตรงๆ


“หอนายอยู่ทางเดียวกับแลนด์เหรอ”


“หึ เปล่า แต่กูจะไปที่คอนโดมัน”


“หือ?” คราวนี้นรินทร์ยกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัยเข้าไปอีก ผมเองก็หันไปมองหน้าประมุขตรงๆ แล้วคราวนี้ “ถ้าจะไปหาแฟนมึงก็ไปเลย กูกลับเองได้”


“อะไรวะ ก็เห็นทางเดียวกันเลยจะไปให้ไปด้วยกันไง”


“ไม่ต้อง อ้อ! ถ้าไม่รบกวนนรินทร์ไปส่งเราหน่อยได้ไหม เดี๋ยวจะเอาขนมที่แม่ซื้อมาฝากให้ด้วย” ผมว่าอย่างนั้นแล้วหันมายิ้มหวานให้นรินทร์ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาก็ทำเอาผมหัวใจเต้นรัว นรินทร์ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบที่หัวของผมเบาๆ


“เดี๋ยวผมไปส่งแลนด์เอง ราตรีสวัสดิ์”


นรินทร์ว่าแล้วจูงมือผมมาที่รถ ผมแอบหันไปมองทางประมุขก็เห็นว่ามันยืนอยู่ที่เดิมสักพักแล้วก็ออกเดินไปโดยที่เราหันมาสบตากับผมแวบหนึ่ง และเพราะว่ามันเป็นระยะทางที่ค่อนข้างจะห่างจากกันแล้วผมเลยไม่รู้ว่าสายตาของมันเป็นแบบไหน สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยมันผ่านไปแล้วหันมาสนใจความอบอุ่นที่ถูกส่งมาจากฝ่ามือของนรินทร์แทน






 
พออาทิตย์สอบปลายภาคเริ่มขึ้นผมก็ไม่ได้ไปที่ชมรมอีกเลย รวมถึงคนอื่นๆ ด้วยเพราะต้องไปเตรียมตัวสอบกันหมดกับการฝึกซ้อมเองโค้ชก็งดให้เพราะตอนปิดเทอมก็ได้ซ้อมหนักพร้อมกับการแข่งเก็บคะแนนอยู่ดี


ผมใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการอ่านหนังสือก่อนจะปิดมันลงตอนสี่โมงเย็นแล้วออกมาชวนไอ้บุ๊คไปตลาดเผื่อจะได้ผ่อนคลายกันสักหน่อย ตั้งใจว่ากลับไม่เกินสี่ทุ่มแน่ๆ แล้วจะอ่านทบทวนอีกรอบถึงเข้านอน บุ๊คไม่ปฏิเสธเราเลยพากันมาที่ตลาดนัดที่มีทุกวันเสาร์อาทิตย์ เป็นตลาดใหญ่ๆ มีซุ้มเหล้าปั่น ที่โล่งกว้างสำหรับให้วงดนตรีขึ้นไปเล่น


ผมกับไอ้บุ๊คเลือกที่นั่งที่ค่อนข้างไกลจากเวทีพอสมควรแล้วสั่งเหล้าปั่นกันมาคนละแก้ว ไอ้บุ๊คดื่มของมันหมดไปแล้วแก้วหนึ่ง แก้วที่สองมันเลยขอเพียวๆ ไม่ปงไม่ปั่นละ เบียร์สดๆ ส่วนผมแก้วแรกยังไม่ทันหมดดี ไม่อยากดื่มเยอะด้วยเพราะกลัวว่าตัวเองจะกลับไปแล้วหลับเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี เพราะอย่างนั้นเลยขอแบบเบาๆ ดีกว่า


ประมาณสองทุ่มกว่าวงดนตรีเริ่มขึ้นเล่น ส่วนมากก็หน้าตาคุ้นๆ จากคณะเดียวกันบ้าง พวกที่เดินสวนกันในมอบ้าง หรือถ้าแจ็กพ็อตหน่อยก็เพื่อนเอกตัวเองเลย พอไอ้พวกบนเวทีเห็นผมก็ต่างพากันยิ้มรู้เลยว่าพวกมันก็ออกมาปลดปล่อยเหมือนกัน นี่ก็พากันบ้า ปลดปล่อยก่อนสอบ


พอวงที่สามที่เป็นเพื่อนในเอกของผมลงจากเวทีมันก็พากันมาที่โต๊ะของผมกับไอ้บุ๊ค ทำให้บรรยากาศเหงาๆ เอื่อยๆ ที่มีกันสองคนเมื่อครู่กลับกลายมาเป็นบรรยากาศที่ครื้นเครงแทน เพราะไอ้พวกที่มานี่จัดว่าเป็นตัวสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนในเอก ไม่นึกเหมือนกันว่าพวกมันจะมีงานอดิเรกเท่ๆ อย่างรวมกันเป็นวงดนตรีแบบนี้


“แทนที่จะสอบเสร็จค่อยมานะพวกมึง”


“มึงก็เหมือนกันเหอะ หนักกว่าพวกกูอีก นี่เอาเวลาไหนไปซ้อมเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือ”


“เพลงเก่า ซ้อมตั้งแต่งานคณะเดือนที่แล้วแต่ไม่ได้ขึ้นไง พวกกูเลยจับมาเล่นที่นี่ซะเลย” ไอ้จัมฟ์ตอบกลับมาก่อนจะซัดเบียร์ไปอึกใหญ่ พอฟังที่มันพูดก็เลยนึกออกว่างานคณะที่ผ่านมาเขาให้แต่ละเอกมีการแสดงผมที่ยุ่งอยู่แต่กับชมรมเลยไม่ค่อยได้ไปร่วมอะไรเท่าไรเลยไม่รู้เรื่องมากนักก็ว่าทำไมผมถึงไม่รู้เลยว่าเพื่อนในเอกตัวเองทำวงดนตรีกัน


“นี่มึงอ่านถึงไหนละ แม่นแล้วดิ”


“แม่นห่าไรล่ะ กูยังงงของอาจารย์โป๊ยอยู่เลย ถ้าทำได้ไม่ถึงครึ่งกูพังแน่ ไม่น่าโดดบ่อยเลยกู” เป็นไอ้บุ๊คที่ตอบขึ้นมา ท่าทางหัวเสียของมันทำให้พวกผมหัวเราะหันยกใหญ่ เพราะวิชานี้มันโดดจนไม่เหลือวันให้โดดอีกพอมาตั้งใจเรียนอาจารย์แกก็เล็งแต่มันเพราะมีมันคนเดียวที่กล้าโดดได้มากขนาดนี้


  “มึงใจเย็น ยังเหลือเวลาอีกวัน”


 
เกือบจะสี่ทุ่มแล้วผมเลยสะกิดไอ้บุ๊คที่กำลังเบลอได้ที่เพื่อกลับคอนโดกันแต่มันบอกขออีกแก้วใหญ่ ผมเลยยอมรอ สักพักก็มีคนขึ้นไปเตรียมเวที “กูนึกว่าจะไม่มีวงขึ้นแล้วซะอีก”


“วงนี้เด็ดนา มาไม่บ่อยแต่คนรอเพียบ”


ไอ้จัมฟ์บอก จริงอย่างที่มันว่าเพราะคนยังรออยู่เต็มไปหมด แล้วผมก็เกิดคำถามขึ้นมาทันที พวกคุณๆ ไม่อ่านหนังสือกันหรือ วงที่ขึ้นเล่นก็เหมือนกัน ไม่พ้นเด็กในมอหรอก แล้วนี่ช่วงสอบส่วนมากเขาก็งดกันทั้งนั้น แต่ไม่เลย นี่มากันเต็ม แต่ถ้าคิดอีกทีพวกเขาก็คงมาผ่อนคลายก่อนสอบกันละมั้ง เหมือนผมกับไอ้พวกนี้ไง


ผมมองตรงไปทางเวที สลบกับมองที่ไอ้บุ๊คแก้วเบียร์ที่เคยเหลือครึ่งแก้วของมันกลับมาเต็มเสียอย่างนั้น มันหัวเราะแฮะให้ผม คงรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่จากสีหน้าที่เริ่มหงิกของผม


“แก้วนี้อีกแก้วเดียวจริงๆ ฟังเพลงไปเพลินๆ เนอะ มึงเนอะ” ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปทีแล้วหันกลับไปมองที่เวทีแทน โอ๊ะ! นั่น! ไอ้ประมุขกับเพื่อนมิงค์ของมันนี่นา สองคนนั้นกำลังเช็คเครื่องดนตรีกับเพื่อนของมันอีกสามคน ดูวุ่นวายแล้วก็เดินไปเดินมาทั่วเวที สักพักมันก็นั่งยองๆ แล้วเช็คซาวด์เบสตัวเอง ไอ้มิงค์ก็ลองตีกลองเบาๆ เพื่อเช็คซาวด์เหมือนกัน ผ่านไปประมาณห้านาทีทุกคนก็ประจำตำแหน่งของตัวเอง แล้วการแสดงก็เริ่มขึ้น


บางส่วนของคนดูเริ่มไปอยู่ที่หน้าเวที แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยืนดูอยู่ไกลๆ เยื้องๆ รวมถึงนั่งบนเก้าอี้แบบผม เพลงที่พวกมันเล่นก็เป็นเพลงทั่วไปที่วงอื่นๆ เขาเล่นกัน เสียงคนร้องก็เพราะดี การเล่นดนตรีก็เจ๋ง สำหรับผมก็คงบอกได้แค่นี้เพราะตัวเองไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับดนตรีเลยจะไปวิจารณ์ก็คงไม่ได้ ผมนั่งฟังไปเพลินๆ ก็ดันไปสบสายตากับประมุขเสียได้ มันยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ผมไม่รู้ว่ามันยิ้มให้ใครแต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังผมกรี้ดตอบไปเรียบร้อยแล้ว


เวลาผ่านไปเกือบสามสิบนาทีวงของประมุขก็จบการแสดงแล้วก็ลงจากเวทีไป ผมหันมามองที่ไอ้บุ๊คเป็นสัญญาณให้กลับแต่ดันเจอมันนอนฟุบไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว


“เวรละ นี่กูต้องแบกมันกลับเหรอ” ผมบ่นพลางมองหน้าคนที่ยังเหลืออยู่ซึ่งก็มีแค่ไอ้จัมฟ์คนเดียวทีเหลือกลับไปได้สักพักแล้ว “มึงพอจะช่วยกูได้ไหม” มันยิ้มแหยะๆ แล้วขอโทษขอโพยผมยกใหญ่


“กูเอามอไซค์มาวะ อัดสามไปไม่ได้แน่ๆ” พอได้ยินคำตอบผมก็ยีหัวตัวเองอย่างหัวเสีย แล้วบอกไอ้จัมฟ์ว่าไม่เป็นไรๆ อยู่นานสองนานเพราะมันรู้สึกเอามากมากที่ไม่สามารถช่วยผมได้


“ครั้งสุดท้ายนะ กูบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ขอฝากมันแปป ไปเข้าห้องน้ำก่อน” มันรับคำแล้วผมก็เดินออกมา ตั้งใจว่าจะอัดไปเข้าที่คอนโดแหละแต่ถ้าต้องแบกไอ้บุ๊คไปด้วยผมคงได้ฉี่ราดก่อนถึงแน่ๆ เลยต้องจำใจมาเข้าห้องน้ำแถวนี้เอา


เดินมาไม่เท่าไรก็เจอประมุขยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าห้องน้ำพอดี ผมชะงักไปนิดหน่อยมันเองก็หันมามองทางผมแล้วก็ยิ้มแบบเดียวกับที่ยิ้มบนเวที พอได้เห็นใกล้ๆ ก็เพิ่งจะรู้ว่ามันมีเขี้ยวเล็กๆ ทั้งสองข้างเลย นั่นยิ่งขับให้รอยยิ้มของมันน่ามองเข้าไปใหญ่


“นึกว่าหมกตัวอ่าหนังสืออยู่หอ”


“ออกมาผ่อนคลายเถอะ”


“สอบเสร็จแล้ว?” มันถามตาโต เสร็จก็บ้าล่ะ นี่เพิ่งอาทิตย์แรกเองผมส่ายหัวเป็นคำตอบแล้วขอทางมันเดินเข้าไปในห้องน้ำทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเดินออกมาก็ยังเจอมันยืนอยู่ที่เดิม


“ไม่กลับละ”


“ถามแบบนี้อีกแล้ว”


“หือ?” ผมเอียงคอสงสัย มันพ่นลมหายใจออกมาแล้วบอกว่า ‘ช่างเถอะๆ’ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม โดยที่ไม่ทันตั้งตัวมันยกมือหนาของตัวเองขึ้นเกลี่ยที่แก้มของผม


“หน้าแดงๆ นะ ดื่มเยอะเหรอ” ผมกระเด้งตัวหนีแล้วยกมือขึ้นกุมแก้วข้างที่ถูกมันสัมผัสเมื่อกี้


“เมาเหรอมึง”


“เมาอะไร กูกินไปแก้วเดียวเอง” ผมรี่ตามองมันอย่างจับผิดก่อนจะเดินเข้าไปฟุดฟิดๆ แถวๆ ตัวมัน ไม่ได้กลิ่นเหล้ามีแต่กลิ่นบุหรี่แปลว่าจริงอย่างที่มันบอก


“ไม่ได้ดื่มก็ดี กูไปละ”


“เดี๋ยว!” มันพูดพร้อมกับจับข้อมือผมไว้ ผมหันไปมองหน้ามันแต่ไม่ได้บิดข้อมืออกแต่อย่างใด พอเห็นมันพูดคุยปกติ ยิ้มให้แบบนี้แล้วมันน่ารักดีเลยไม่อยากทำอะไรให้มันเคืองใจ


“เดี๋ยวไปส่ง”


“กูมากับเพื่อนนะ”


“เพื่อนมึงใช้คนที่เมาหรือเปล่า”


“ทำไมรู้ละ”


“นู่น” มันว่าแล้วจู๋ปากไปทางด้านหลังก็เห็นไอ้บุ๊คถูกประคองมาโดยไอ้มิงค์มีไอ้จัมฟ์เดินตามมาอีกที “ไปเอาเพื่อนกูมาได้ไงเนี่ย”


“เห็นคุ้นๆ จะเข้าไปทักดันเมาใส่ซะงั้น กูเลยลากมาด้วย แล้วคนนี้ก็ตามมาด้วย” ไอ้มิงค์ตอบแล้วชี้ไปที่ไอ้จัมฟ์ ผมว่าที่มันตามมาเพราะกลัวว่าไอ้มิงค์จะหลอกลากเพื่อนผมไปปล้ำนะสิ


“รู้จักกันๆ ขอบใจนะเว้ยที่ตามมา มึงกลับเลยก็ได้”


“เออ กลับดีๆ นะ” ผมพยักหน้าแล้วโบกมือให้มันก่อนจะเข้าไปหิ้วปีกให้บุ๊คอีกข้างหนึ่ง


“สรุปกลับไง”


“ก็คงวินมอไซค์แหละ รถสองแถวหมดแล้วแหละปานี้”


“ก็บอกว่าจะไปส่งไม่ได้ฟังหรือไง” ประมุขพูดดูฉุนนิดๆ แต่หน้าตามันก็ไม่ได้เหวี่ยงอะไร ออกจะปกติเหมือนตอนที่เราไปกินจุ้มจิ่มด้วยกัน นานใช้ได้เลยแฮะ สองอาทิตย์ได้เลยที่ไม่ได้เห็นหน้ามัน


“ไปไงล่ะ”


“ไอ้มิงค์มึงกลับเลยก็ได้เดี๋ยวกูพาสองคนนี้ไปส่งคอนโดก่อน”


“กูไปด้วยสิ อยากไป”


“แล้วรถมึงล่ะ”


“เออวะ งั้นไปล่ะ” ไอ้มิงค์ว่าแล้วก้มมองคนเมาที่หัวเหอห้อยอยู่พร้อมกับยกยิ้มขำก่อนจะส่ายหน้าให้แล้วโบกมือให้ผมก่อนจะเดินออกไป พอเพื่อนมันเดินออกไปไอ้ประมุขก็เข้ามาช่วยพยุงแขนอีกข้างเพื่อนเดินไปที่รถ


พอเดินมาถึงลานจอดรถมันก็พาผมไปที่ซีวิคสีดำ ตอนแรกผมก็คิดอยู่ว่ามันจะกลับอย่างไรถ้ามันเอาฟีโน่มาแต่พอเห็นอย่างนี้ก็ค่อยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย มันพาไอ้บุ๊คไปนั่งข้างหลังผมก็ทำท่าจะตามเข้าไปแต่มันรั้งแขนของผมไว้แล้วพามานั่งที่นั่งข้างคนขับแทนมันให้เหตุผลสั้นๆ ว่า ‘นั่งข้างหน้าคนเดียวมันเหงา’


ตลอดทางจากตลาดมาถึงคอนโดพวกผมไม่ได้พูดคุยอะไรกันมีเพียงเสียงพูดจากวีเจในวิทยุเท่านั้น แล้วผมก็ค่อนข้างกังวลกลัวไอ้บุ๊คมันจะจัดบนรถของประมุขเลยเอาแต่เอี้ยวตัวไปมองที่เบาะหลังแม้ว่ามันจะนอนหลับตาพริ้มแค่ไหนผมก็ยังกลัวอยู่ดีว่ามันจะลุกขึ้นมาแล้วพรวดใส่เบาะหนังงามๆ นี่ ผมเอี้ยวตัวไปเอี้ยวตัวมาจนได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากประมุข


“หัวเราะไร”


“กลัวเพื่อนอ้วกหรือไง”


“เออดิ เพื่อนกูอ้วกมามึงก็ว่ากูอีก”


“กูไม่ถือสาคนเมาหรอกน่า ถ้ามันจะอ้วกก็ให้มันอ้วก แต่ถ้าไม่อ้วกก็จะดี” ดูเป็นคำพูดที่งงๆ นะ ผมไม่ได้สนใจนักเพราะอีกไม่ถึงห้านาทีก็จะถึงคอนโดแล้ว


“ขอบคุณมากที่มาส่ง” ผมพูดหลังจากที่กระเตงไอ้บุ๊คลงมาจากเบาะหลังได้แล้ว ประมุขพยักหน้ารับรู้ ที่จริงมันตั้งใจจะช่วยพาขึ้นไปด้วยแต่นี่มันก็จะเที่ยงคืนอยู่แล้วผมเลยปฏิเสธ อีกอย่างตัวไอ้บุ๊คก็ไม่ได้หนักอะไร ค่อยๆ กระเตงกันไปเดี๋ยวก็ถึง


ผมเบิกตาอมยิ้มหน่อยๆ แล้วมองไปที่ประมุข มันเองก็มองผมอยู่ ผมตั้งใจว่าจะให้มันขับออกไปเสียก่อนแล้วจะขึ้นห้องแต่มันก็ไม่ยอมไปเสียที


“ไปสิ จอดรออะไรเหรอ”


“กูรอมึงขึ้นไปก่อนเนี่ย”


“อะ..อ่าวเหรอ กูก็รอมึงไปก่อนเหมือนกัน” ผมตอบไปเบาๆ แล้วต่างคนก็ต่างพากันหัวเราะขึ้นมา ไอ้ประมุขเท้าแขนกับหน้าต่างรถพร้อมกับยกยิ้ม


“มึงขึ้นไปก่อนสิ”


“เอาแบบนั้นเหรอ” มันพยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง ผมมองซ้ายมองขวาแก้เก้อ ไหล่เริ่มรู้สึกหนักจากการที่ต้องมารับน้ำหนักคน พอๆ กับที่ความรู้สึกไม่ชินกับท่าทีของประมุขในตอนนี้ แต่ก่อนไป...


“มึงไม่ได้เมาแน่นะ” ผมถามออกไป ประมุขนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะขำออกมายกใหญ่


“ไม่ได้เมาจริงๆ มึงก็ดมกลิ่นเหล้ากูไปแล้วนี่”


“ก็มึงทำตัวแปลกๆ นี่หว่า”


“ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้เคืองใจ อีกอย่างพอทำตัวดีๆ มึงก็ทำตัวน่ารักใส่ แบบนี้มันดีกว่าตั้งเยอะ”


“ห๊ะๆ อะไรๆ น่ารักอะไร” 


“ไม่มีอะไร ไปๆ เข้าไปได้ละ กูจะได้กลับ” ผมรี่ตามองมันอีกทีก่อนจะหันตัวเดินไปที่ทางเข้าคอนโด แต่แล้วเสียงของมันก็เรียกผมให้หันกลับมาทางเดิมอีกครั้ง


“ตั้งใจสอบนะ แล้วเจอกัน”



มันพูดแค่นั้นแล้วเลื่อนกระจกปิดผมที่เริ่มทำตัวไม่ถูกก็ได้แต่ยิ้มเก้อๆ ไปให้ไม่รู้ว่ามันจะมองอยู่หรือเปล่า แต่ผมก็หวังว่ามันจะมองผ่านกระจกสีทึบนั่นเพื่อนที่มันจะได้เห็นรอยยิ้มเก้อเมื่อครู่ที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง 




TBC.
มาต่อแล้ววว ความจริงคือเขียนไปเรื่อยๆ สต๊อกไว้ได้หลายตอนอยู่ตอนนี้ก็เข้าตอนที่สิบแล้ว เนื้อเรื่องก็ได้ไปครึ่งเรื่องแล้วค่ะ จะค่อยๆ ลงพร้อมกับแต่งไปนะคะ 
ตอนนี้ก็มีคนทยอยจบไปเยอะแล้วด้วย เราเริ่มหวั่นแล้วว่าตัวเองจะเขียนจบไหม กลัวมากว่าจะแพ้ให้กับความตั้งใจของตัวเอง ฮืออ ตอนนี้เลยต้องทั้งฟิตทั้งขุดตัวเองออกจากความขี้เกียจ อยากทำให้ดีที่สุด ไม่อยากให้ความตั้งใจของตัวเองต้องสูญเปล่าด้วย 
ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ 
จะนำไปพัฒนาและแก้ไขค่ะ 
แล้วพบกันตอนหน้านะคะ 
ปล.ตัวหนังสือตรงส่วนของเนื้อหาก็ยังเป็นแบบเดิมแก้ไขไม่ได้เลย TT 
ขอบคุณที่แจ้งคำผิดให้นะคะ ผิดเยอะมากกกกก ขอบคุณมากมากเลยค่ะ TT  


แก้ไขล่าสุดโดย คราม เมื่อ Tue Jun 24, 2014 12:08 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 7 Empty Re: Who’s the KING? } 7

ตั้งหัวข้อ by tookta Wed Jun 11, 2014 8:18 pm

ขอบคุณจ้า
แหม๋ !!! โหมดอ่อนโยนของปอนด์เข้าไปก็...เลย
สู้สู้กันนะจ๊ะ 2 หนุ่ม ^^
tookta
tookta
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 22
Join date : 17/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 7 Empty Re: Who’s the KING? } 7

ตั้งหัวข้อ by หมึกจีน Thu Jun 12, 2014 5:25 pm

สู้ ๆ จ้า ถ้าตั้งใจจริง ยังไงก็จบทันแน่นอน! ขนาดเค้าดร็อปเรื่องเก่า มาเขียนเรื่องใหม่ยังจบทันเหมือนกันเลยเน้อ!

เพราะงั้นคุณครามก็ต้องทำได้แน่ค่ะสู้ ๆ
หมึกจีน
หมึกจีน
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 81
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 7 Empty Re: Who’s the KING? } 7

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Fri Jun 13, 2014 3:02 pm

อือหือ ท่านประมุขอ่อนโยนขึ้นมาก็น่ารักเหมือนกันนะ ทำคะแนนเหรอจ๊ะ หึหึ
แต่ได้ข่าวว่าสองหนุ่มมีแฟนแล้วทั้งคู่ ทั้งประมุข และนรินทร์ แล้วใครจะได้ใจแลนด์ไปครองน๊อ

สู้ๆ ค่ะ เลื่อมเชื่อว่าคุณครามทำได้อยู่แล้ว ไฟท์ติ้ง ^^V
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 7 Empty Re: Who’s the KING? } 7

ตั้งหัวข้อ by Sier Thu Jun 19, 2014 4:54 pm

ตื่นเต้นๆ ปอนด์จะเลือกใครน่อ
พ่อพระเสมอต้นเสมอลาย หรือมาแรงแซงโค้ง~

บทนี้คำผิดเยอะจังเลยอะ มีมึนๆตรงคำพูดกับบทบรรยายบางจุด (ใครพูดหว่า? ประมาณนี้)

สู้ๆนะคะ จบทันแน่นอนคะ ^^

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 7 Empty Re: Who’s the KING? } 7

ตั้งหัวข้อ by TwInZZZ Mon Jun 23, 2014 5:46 pm

พี่ปอนด์เริ่มทำคะแนนตีตื้นมาเรื่อยๆนะ
จริงๆแล้วชอบแบบปอนด์มากเลยนะ เถื่อนๆ แต่น่ารัก อร๊ายยยย
ขอเป็นเอฟซีเลยดีกว่า ^^

ช่วงผิดเทอม = ปิดเทอม
เพราะสวยตัว = ส่วนตัว ป่ะคะ?
คลื่นเครง = ครื้นเครง

TwInZZZ
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 31
Join date : 21/06/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 7 Empty Re: Who’s the KING? } 7

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
#กัดหมูแผ่นด้วยความขวยเขิน (?)
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ