กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 4

+4
memoapp
coldcream
Sier
คราม
8 posters

Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by คราม Wed May 21, 2014 7:27 pm

Who’s The KING?
4
 
                อากาศยามเช้ามันสดชื่นขนาดไหนผมได้สัมผัสมันไม่บ่อยนัก แปดโมงสี่สิบเสียงนาฬิกาปลุกแผดเสียงไปทั่วห้อง ลุกจากเตียงอย่างงัวเงียอาบน้ำแต่งตัวเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสามสิบนาที ใส่ชุดลำลองสบายๆ เอาผ้าลงมาซักข้างล่าง เพราะชุดเก่ามันเยอะเกินไปจนล้นตระกร้า


                ใต้คอนโดตอนสายๆ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร หนึ่งเพราะไปเรียนกันแล้ว สองอาจจะยังไม่ตื่น เช่น เพื่อนผมที่ยังนอนอืดอยู่บนห้อง และเพราะว่าคนไม่เยอะผมเลยไม่ต้องต่อคิวรอเครื่องซักผ้ามาถึงเอาผ้าใส่แล้วซักได้ทันที ส่วนตัวผมก็ออกไปซื้ออาหารเช้าบวกอาหารเที่ยงให้ทั้งตัวเองและเพื่อนสักหน่อย 


                ไม่นานก็ได้ของกลับมาเต็มไม้เต็มมือ ผมลากอีเตะคู่เก่งเข้าไปจนจะผ่านหน้าประตูใหญ่อยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีท่อนขาภายใต้กางเกงยีนส์ของใครคนหนึ่งยื่นมาขว้างหน้าผมไว้ ผมไล่สายตาตั้งแต่ขาไปยันหน้า ครับ ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย


                ไอ้ประมุข!


                ผมเอาเท้าตัวเองถีบขามันออกไปเพื่อจะเดินต่อ แต่มันก็ยกขึ้นมาขว้างไว้อีก ผมก็ยกขาถีบมันอีก มันก็ยกขามากั้นอีก จนผมทนไม่ไหวเลยยืนนิ่งแล้วกอดอกมองหน้ามันแทน


                "เรื่องไอ้นรินทร์ว่าไง”


                “นรินทร์ได้เข้าคัดเลือกกับมึงแน่ เตรียมตัวไว้ได้เลย” คิดว่าอย่างนั้นนะ... ประมุขยกคิ้วเข้มขึ้น แสะยิ้มให้ผมอย่างกวนตีนที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ผมเอาขาลงดีๆ แล้วลากผมไปตรงโต๊ะไม้หินอ่อนที่อยู่นอกประตูใหญ่


                “ไปทำอีท่าไหนวะ กับกูปากดีใส่ แล้วกับนรินทร์ล่ะ”


                “อะไรของมึง กูก็ไปคุยกับเขาดีๆ ไม่ใช่มึงนี่ที่ปากหมาก่อนจนกูเลยต้องปากดีใส่แบบนั้น” ว่ากูปากดี กูก็ว่ามึงปากหมาได้ล่ะวะ


                “อ๋อเหรอ ไม่ใช่ว่าใช้เบ้าหน้าอ่อนๆ กับร่างน้อยๆ ของตัวเองหรอกนะ”


                “อะไร! มึงหมายความว่าไงพูดดีๆ นะเว้ย” ผมแหวใส่เสียงดังพร้อมปัดมือหนาที่เชิดปลายคางผมขึ้นเมื่อครู่นี้ด้วย มันยกยิ้มยียวนกวนประสาทอีกรอบ ก่อนจะขยับปากพูด


                “ก็เปล๊า เห็นอี๋อ๋อกับผู้ชายเมื่อคืนก็เลยนึกว่าจะถนัดอะไรแบบนั้น จริงๆ ถ้ามึงใช้วิธีนั้นกับกูแต่แรกนะ กูยอมไปล่ะ ไม่ต้องอ้างข้อแลกเปลี่ยนอะไรด้วย เห้ย หรือจะเปลี่ยน... !!


                พลั่ก!!


                ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นมันจะพูดอะไร ผมไม่คิดจะฟังต่อ นอกจากหมัดลุ่นๆ ของตัวเองที่ซัดเข้าไปที่แก้มมันเต็มแรง


                “มึงมันปากหมาจากสันดานเลยสินะ ไอ้เหี้ย จิตใจมึงคิดได้เรื่องพวกนี้เหรอวะ!


                ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยโมโหอะไรแบบนี้มาก่อน ให้เลยด้วยซ้ำ กะอีแค่คนที่เพิ่งรู้จักกันผมจะไม่สนใจเลยถ้ามันไปนินทาลับหลังแล้วมีคนมาเล่าให้ฟังผมยังรู้สึกดีกว่านี้ แต่นี่มันเป็นใครคุยกันไม่กี่ครั้งกลับมาว่าในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำต่อหน้าแบบนี้ รับไม่ได้วะ แม่ง!


          “มึง....!


                “ปากหมา สันดานเลว คิดว่าตัวเองใหญ่นักหรือไง ถึงมาพูดดูถูกชาวบ้านเขาแบบนี้ มึงลืมไปเลยนะ ไอ้เรื่องที่กูเคยว่าอยากให้มึงลงนะ จิตใจมึงหมาเกิน ได้ไปแข่งก็ดีแต่จะทำเรื่องวุ่นวาย ไปถอนตัวเลยไป๊”


                ผมผลักอกมันไปแรงๆ จนเซ ผมเองนี่แหละเซ คนห่าอะไรมองเผินๆ เหมือนตัวปกติ แต่ที่จริงแล้วตัวหนาชิบหายมันจับแขนผมไว้เมื่อเห็นว่าผมจะเซล้มแต่ผมก็ปัดมันออกไป คิดดูเหอะ โดนด่าไปขนาดนี้แล้วยังทำหน้ากวนตีนได้อีก หน้ามันไม่ได้มีรอยอะไรเลยนอกจากปื้นแดงๆ แรงผมมันน้อยเลยทำได้แค่นั้นแหละ กลับไปเรียกไอ้บุ๊คลงมาต่อยมันให้ดีไหมวะ ให้มันปากแตกสักหน่อยก็ยังดี คิดแล้วจะร้องไห้




 
          “ข้าวอ่ะ”


                ชิบหาย.. ลืมเอาข้าวขึ้นมา เอาไปวางไว้ไหนวะนั่น ผมยกยิ้มแหยๆ ให้ไอ้บุ๊คไปทีแล้วเลี่ยงเดินเอาผ้าไปตากที่ระเบียงหลังจากทีผมผละออกมาจากไอ้ประมุขนั่น ผมก็เดินเข้าไปในห้องที่มีเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ แอบคิดว่ามันจะสำนึกผิดแล้วเดินมาขอโทษ แต่เหมือนผมจะแอบคิดเบาเกินไปจนส่งไปไม่ถึงไอ้คนใจหมาอย่างมัน ขนาดเดินผ่านไปขึ้นลิฟต์มันยังมีหน้ามายกคิ้ว แสยะยิ้มกวนๆ ให้ผมผ่านกระจกนั่นอยู่เลย ไอ้หมาเอ้ย ใจหมา ใจควาย ใจเห็บมาก โดนด่าขนาดนั้นยังไม่สำนึก หรือผมด่าซอฟท์ไป?


                “พี่แก้วโทรมาให้ลงไปเอาข้าวที่เค้าเตอร์ นี่มึงไปลืมไว้ที่ห้องซักผ้าได้ไงวะ”


                “อะ.. เอ่อ.. ฮ่าๆ กูเบอลอ่ะมึง นั่งรอนานไปหน่อย ผ้าเยอะด้วย เดี๋ยวกูลงไปเอาให้นะ”


                “เออ แล้วอย่าลืมเอาขึ้นมาอีกล่ะ”


                “ผมรับคำแล้วรีบลงมาที่เค้าเตอร์ใต้หอที่มีพี่แก้วพนักงานที่คุ้นเคยกันดียืนประจำตำแหน่งงานของแกอยู่ พอเห็นผมแกก็ยิ้มหวานให้ แล้วยกถุงของกินที่เป็นของผมขึ้นมา แถมด้วยถุงอะไรสักอย่างที่ผมจำได้ว่ามันไม่ใช่ของผมแน่นอน


                “พี่แก้วๆ ถุงนี้ไม่ใช่ของแลนด์นะ”


                “อ๋อ มีผู้ชายตัวสูงๆ เขาฝากมาให้นะ ถุงกับข้าวของแลนด์เขาก็เป็นคนเจอที่ห้องซักผ้าแล้วเอามาให้พี่โทรไปหาเรานั่นแหละ”


                “เห?? ผู้ชายที่ไหนกันพี่”


          “พี่ก็ไม่รู้ เพิ่งจะเคยเห็นเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดมากับผู้หญิงที่อยู่ชั้นแปดเมื่อวานนะ”


                “อ่า.. ขอบคุณครับพี่แก้ว”


                รู้แล้วว่าใคร ผมรวบของทั้งหมดขึ้นมาถือไว้ พอเดินไปถึงลิฟต์ก็ตั้งใจว่าจะเอาทิ้งลงถังขยะไปซะ ไม่อยากแตะต้องของของมันนัก แต่สายตาผมกลับเหลือบไปเห็นพี่แก้วแกมองมาที่ผมด้วยสายตาแบบพี่สาววัยกลางคนที่เห็นน้องได้รับของจากคนใจดีแล้วก็หวังว่าน้องชายจะกินมันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ทำกริยาเสียมารยาทด้วยการเอาไปทิ้งให้คนให้เสียน้ำใจ ผมเลยต้องหอบไอ้ถุงเซ่เว่นนั่นเข้าไปในลิฟต์ด้วยจนได้ พอเปิดถุงดูก็พบว่ามันไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจาก... คิทแคท... คิทแคทเต็มไปหมดเลย คิทแคทอย่างเดียวถุงแดงล้วนๆ เดี๋ยวนะ มันคิดอะไรของมันถึงได้ซื้อคิทแคทมาให้ผมเยอะขนาดนี้เนี้ย หน้ากูเหมือนคนชอบแดกของหวานเหรอวะ
               




                “แฮะ..”


                ผมยืนฉีกยิ้มส่งไปให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนรอน้ำปั่นแก้วที่สองอยู่ที่ร้านในส่วนของวิทยาลัยนานาชาติ นรินทร์ยกยิ้มให้ผมกลับทั้งๆ ที่หลอดยังคาอยู่ที่ปาก


                “ไม่เจอนาน”


                “ก็ยุ่งๆ นิดหน่อย แล้วๆๆ ได้คิดบ้างหรือยัง ว่าไงตกลงใช่ไหม”


                ผมยิ่งเข้าประเด็นสำคัญทันที เรื่องของเรื่องคือที่ผมไม่ค่อยได้มาหาก็เพราะนรินทร์บอกว่าขอคิดก่อนผมเลยเฟดตัวเองออกห่างไปสักระยะ แต่พอไปที่ชมรมก็โดนสายตากดดันจากทั้งอาจารย์ โค้ช รุ่นน้อง และที่สำคัญ ไอ้นายประมุขนั่น ไม่สำนึกแล้วยังมาทำหน้ากวนตีนใส่ผมทุกครั้งที่เจอกันที่ชมรมอีก แล้วคิทแคทอะไรนั่นผมก็ไม่ได้กินด้วย ไอ้บุ๊กก็ไม่กินของหวาน สุดท้ายเลยแกล้งเอาไปให้พี่แก้วแล้วบอกว่าผมซื้อมาฝาก พฤติกรรมไม่ค่อยดีแต่ผมก็เสียดายเกินว่าจะทิ้งมันลง


                “ยังไม่ได้คิดเลย”


                “อะ...อ่าว”


                “ฮึ”


                นรินทร์หัวเราะขึ้นจมูก เอาจริงๆ มันก็ดูกวนนิดๆ นะ แต่โกรธไม่ลงไม่รู้ทำไม ชายหนุ่มควักเงินขึ้นมาจ่ายค่าน้ำแล้วออกเดิน ผมที่ยังยืนอยู่ที่เดิมก็ได้แต่มองตาม ป้าร้านน้ำปั่นแกก็ถามอยู่นั่นว่าจะเอาอะไร นี่มันสภาพหมาง่อยถูกทิ้งชัดๆ สักพักนรินทร์ก็หันมามองผมแล้วพยักหน้าให้เดินตามไป แน่นอนผมติดเกียร์เลย แหม่ะ ก็ไม่รู้นี่หว่า เห็นเดินไปเลยไม่มีชวน


                “คาเรนเดี๋ยวเพื่อนผมไปด้วยนะ”


                “เฮ้ยๆ ไปไหน”


                “ไปด้วยกันนั่นแหละ”


                นรินทร์ว่าแล้วยัดผมเข้าไปที่ประตูหลัง ก่อนที่เขาจะขึ้นประจำที่นั่งคนขับแล้วก็ขับรถออกไป โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน คาเรนหันมาทักทายผมเล็กๆ พอให้รู้จักชื่อแซ่ ทั้งๆ ที่มีโอกาสได้คุยกันแต่ความฟินที่มีให้คาเรนเมื่อครั้งก่อนหายไปสิ้นเหลือแต่ความเกร็งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยอมรับครับว่าปากสงบลงไปหน่อยหนึ่งเพราะความเกร็งอยู่กับแค่นริทร์สองคนก็เกร็งมากแล้วแต่มีแฟนเขามาเสริมทัพอีกผมแทบจะเย็บปากติดกันไปเลย


                รถออดี้สีเงินขับมาเรื่อยๆ จนมาจอดอยู่ใต้คอนโดที่ค่อนข้างไกลจากมหาลัยพอสมควร คาเรนเอ่ยลาแล้วลงจากรถไป นรินทร์มองผมผ่านกระจกแล้วพยักพเยิดหน้าให้ผมไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ


                “เอาเรามาด้วยทำไมก็ไม่รู้”


                “อ่าว ก็ตอนนั้นเห็นแสดงออกว่าชอบคาเรนขนาดนั้นเลยพามาเจอใกล้ๆ ไง”


                “ก็ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย”


                นรินทร์ขับรถพาผมมายังคอนโดอีกแห่งหนึ่งซึ่งไกลจากคอนโดของคาเรนพอสมควร ผมคิดว่าคงจะเป็นคอนโดของนริทร์เองนะ ดูจากสภาพคอนโดที่ค่อนข้างจะไฮโซนี่แล้วไหนจะที่จอดรถที่ถูกกั้นไว้เป็นพิเศษนี่อีก


                “พาเรามาที่คอนโดทำไมอ่ะ” คงไม่ได้พามาฆ่าหมกห้องข้อหาเซ้าซี้มันนักใช่ไหม


                “ตอนแรกก็ตั้งใจจะพาไปกินข้างนอก แต่นึกได้ว่ามีเมนูที่อยากลองทำ แลนด์ช่วยเป็นหนูทดลองให้หน่อยแล้วกัน ได้ไหม”


                ผมไม่ตอบแต่ทำหน้าเคืองๆ ให้มันรู้ว่าผมกำลังกนด่ามันในใจที่บังคับกันมาแบบนี้ แหม ยังมีหน้ามาถาม คือดึงกูลงรถแถมยัดเข้าลิฟต์แบบนี้แล้วคงปฏิเสธได้มั้ง
 




                ห้องของนรินทร์อยู่ชั้นรองสุดท้าย ในห้องหรูสมฐานะและรูปร่างภายนอกของตัวตึกมาก ส่วนครัวที่รวมโต๊ะกินข้าว ห้องนอนห้องนั่งเล่นถูกแบ่งออกจากกันอย่างเป็นระบบระเบียบ ระเบียงก็ใหญ่พอมีที่ให้โต๊ะกับเก้าอี้ขนาดสองคนนั่งตั้งโชว์ได้อย่างเก๋ๆ ถ้าได้มานอนดูดาวตกบนห้องสูงๆ แบบนี้คงดีไม่น้อย 


                ผมเดินเข้ามาภายในห้องหลังจากที่แวะไปรับลมที่ระเบียงมา อากาศเริ่มเย็นลงหน่อยๆ เพราะพระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว เมื่อได้รับสัญญาณผ่ายมือจากนรินทร์ผมก็เริ่มสำรวจห้องทันที ส่วนตัวนรินทร์เองก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว คงไปทำอาหารที่ว่ามาให้ผมทดลองกินนั่นแหละ ถึงจะว่าสำรวจเอาจริงๆ ผมก็ทำได้แค่เดินดูรอบๆ ห้องเฉยๆ จะให้ไปหยิบจับเลยมันก็คงจะดูไม่ดีเท่าไร


                แล้วก็ต้องสะดุดกับกรอบรูปขนาดเล็กที่มีผู้ชายวัยรุ่นที่อยู่ในชุดเฟนซิ่งมือยกเหรียญเงินขึ้นชูกล้องพร้อมกับยิ้มกว้างๆ ถูกขนาบข้างด้วยผู้ชายผู้หญิงวัยกลางคนที่ผมค่อนข้างจะคุ้นเพราะเห็นในหนังสือพิมพ์หน้าไฮโซบ่อยๆ


                “นรินทร์ๆ เคยได้รางวัลด้วยเหรอ” ผมตะโกนถามเข้าไปในครัว


                “อืม เคยแต่ก็แค่ที่2


                “เฮ้ยยย แค่นั้นก็เจ๋งแล้ว แล้วพ่อนรินทร์ก็เล่นเหรอ พ่อเราก็เล่นนะ แต่ทำไมกูเล่นไม่เป็นวะ”


                “หือ มึงกูว่ะเวอะแล้วเหรอ” นรินทร์ยิ้มกลั้นขำ แต่ผมนี่เงิบเลย แหมะ อุตสาห์เก็บงำความหยาบแล้วพูดเพราะเป็นดอกพิกุลอยู่นาน จู่ๆ มาหลุดซะอย่างนั้น


                “พูดตามที่ถนัดเถอะ ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่สุภาพขนาดนั้นหรอก”


                “เหอะๆเดี๋ยวมันก็ค่อยๆ มาเองอ่ะ แล้วว่าไงพ่อก็เคยเล่นเหรอ”


                “ไม่หรอก ไม่เคยเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดา”


                ผมตอบรับอืออึงในลำคอ พอหมดเรื่องที่อยากรู้ก็เดินเอากรอบรูปไปเก็บที่ แล้วเข้ามาสิงอยู่ในครัวแทน เผื่อว่านรินทร์จะมีอะไรให้ช่วย แล้วก็มีจริงๆ ผมโดนใช้ให้เช็ดจานที่ล้างเสร็จแล้วเข้าตู้ เก็บแก้ว แล้วก็จัดโต๊ะสำหรับทานข้าว ผมเป็นคนยกกับข้าวลงทุกอย่าง เพราะคุณชายนรินทร์ขอตัวเข้าไปอาบน้ำอีกรอบหลังจากที่ทำอาหารเสร็จ ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือร้อน ครับ ค่อยรู้สึกว่าไม่ได้มาขอข้าวกินฟรีหน่อย อย่างน้อยก็ยังพอได้ทำประโยชน์บ้างอะไรบ้าง
 
                “พ่อไม่เห็นด้วยที่ผมเล่นเฟนซิ่ง” นรินทร์พูดขึ้นมาขณะที่มือกำลังตักข้าวใส่จาน ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเลยเงียบแล้วสนใจแต่ไอร้อนจากแกงจืดที่ลอยอยู่ในอากาศนั่นแทน


                “ตอนม.ปลาย ผมไปแข่งขันที่ฮ่องกง มันคงจะดีถ้าผมได้ที่หนึ่ง ปานี้อาจจะได้เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ในสมาคมเฟนซิ่ง ได้ไปตะล่อนแข็งต่างประเทศ ดีไม่ดีก็เป็นนักกีฬาทีมชาติ แต่เพราะว่าได้ที่สองข้อตกลงที่เคยทำไว้กับพอก็เป็นอันจบ ตั้งใจเรียนแล้วไปรับช่วงกิจการของครอบครัวต่อ”


                แม้ว่าเรื่องที่เล่ามันจะเศร้าขนาดไหนในความคิดของผมแต่นรินทร์ยังคงยืนปรุงอาหารตรงหน้าอย่าไม่วอกแวก แล้วก็เล่ามันออกมาอย่างสงบ เหมือนกับว่ามันก็แค่เรื่องธรรมดาที่พ่อจะเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตลูกชาย สั่งห้ามไม่ให้ทำให้สิ่งที่ลูกอยาก แค่เดินตามทางที่พ่อบอกก็พอ


                “เป็นไง ตลกไหม”


                “ใครมันจะตลกลงล่ะ” ผมด่ามันไปทีแล้วเดินเอามือไปวางบนบ่านรินทร์อย่างแรง จนมันสะดุดแล้วมองผมงงๆ


                “แล้วครั้งนี้มึงอยากทำมันไหม อยากหรือเปล่า” หมดแล้ว เรา นาย นรินทร์ มึงกูนี่แหละง่ายๆ สื่อตรงใจดี นรินทร์ปิดแก๊สลงแล้วหันมาเผชิญหน้าผมตรงๆ


                “ถ้าอยากแค่ทำตามใจตัวเอง อย่าไปสนใจใครเลย ถ้าไม่ผ่านก็แค่จบไป แต่ถ้าผ่านเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาคิดเราก็ค่อยเข้าไปจัดการก็ได้”


                “ถ้ามันง่ายขนาดนั้นผมคงไม่ปล่อยให้ตัวเองล้างราจากการแข่งขันมานานขนาดนี้หรอก”


                “มันไม่เหมือนกันก็ตอนนั้นมึงอยู่คนเดียวแต่ตอนนี้มึงมีกูนะ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มากแค่ไหน แต่ถ้าถึงเวลาละก็ต้องช่วยได้แน่ๆ” นรินทร์ดูอึ้งไปเมื่อผมพูดจบประโยค ตายห่า หน้ามันดูอมยิ้มแปลกๆ ขอต่อท้ายประโยคเมื่อกี้ด้วยคำว่า คิดว่าอย่างนั้น ตอนนี้ทันไหม


                เสียงในความคิดแว่วบอกผมว่าเลิกเซ้าซี้เถอะ เพราะสิ่งที่มันเจออาจจะเป็นปัญหาธรรมดาๆ ในสายตาคนอื่นแต่สำหรับนรินทร์แล้วมันก็คงใหญ่พอดู หลังจากนี้ผมจะลองไปถามนรินทร์อีกครั้งแล้วก็จะยอมรับทุกคำตัดสินใจของนรินทร์แต่โดยดี แต่ก็ไม่รู้ว่าไอ้ที่ผมพูดไปเมื่อตอนกินข้าว นรินทร์มันจะเก็บเอาไปคิดตามหรืออาจจะคิดว่าผมบ้าบอหรือแค่ฟังแล้วปล่อยผ่านเลยไปกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ได้คือช่องว่างระหว่างผมกับมันค่อยๆ หายไป ตอนกินข้าวก็ไม่เกร็งอย่างครั้งแรก แถมยังปล่อยมุกตลกได้ด้วย เหอะเหอะ ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ระหว่างผมกับคุณชายก็แล้ว




                “อยากกลับแล้วอ่ะ ดึกแล้ว”


                “เดี๋ยวไปส่ง”


                ผมตามนรินทร์ไปจนถึงที่รถ แต่ไม่ทันจะได้ขึ้นไปบนรถเสียงมือถือของนรินทร์ก็ดังขึ้นเสียก่อน นรินทร์เดินเลี่ยงออกไปรับข้างเสา ผมเลยหยิบมือถือตัวเองออกมาเช็คดูบ้าง มีมิสคอลจากไอ้บุ๊คสามสาย พ่อกับแม่อย่างละหนึ่ง และเบอร์ที่ไม่มีอยู่ในรายชื่ออีกสี่ จัดว่าเยอะแฮะ ผมเลือกที่จะไลน์ตอบพ่อกับแม่รวมทั้งไอ้บุ๊คไปว่าเพราะอะไรทำไมถึงไม่ได้รับโทรศัพท์ แน่นอนแค่เพียงเสี้ยววินาทีอีโมพ่นไฟก็มาเต็ม ก่อนที่จะได้ง้อทั้งสามคนในไลน์ นรินทร์ก็เดินเข้ามาสะกิดที่แขนผมเสียก่อน


                “เอ่อ.. ขอโทษนะ คงไปส่งไม่ได้แล้ว”


                เฮ้ย!


                “พอดีคาเรนเขาโทรให้ไปรับ แลนด์กลับเองได้ไหม”


                 “ก็.. ก็ได้”


                เอาจริงนี่ผมหน้าชาไปแทบหนึ่งแล้วนะ ไม่คิดว่าจะโดนทิ้งกลางคันแบบนี้ ผมจะไม่อะไรเลยถ้านี่มันไม่ใช่เวลาสี่ทุ่มครึ่ง อีกอย่างผมไม่คิดว่านรินทร์จะทิ้งผม.. ที่เป็นเพื่อนลงเพียงเพราะผู้หญิง..


                “ขอโทษจริงๆ แต่มันคนละทาง จะเอาแลนด์ไปรับคาเรนด้วยก็คงไม่ได้”


                “เฮ้ย เข้าใจๆ ไม่เป็นไร งั้นไปนะ”


                ผมชี้มือชี้ไม้ไปที่ทางออก นรินทร์จับมือผมไว้ให้หันไปมองหน้ากัน ตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นแววตาของนรินทร์ชัดๆ


                “วันนี้ขอบคุณมากแล้วก็ขอโทษด้วย กลับดีๆ นะ”


                ผมพยักหน้ายิ้มๆ แล้วหันหลังเดินออกมาทันที ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่น้อยใจขนรู้สึกว่ารอบดวงตามันร้อนผ่าว อาจจะเพราะว่าผมลุ่มหลงกับความใจดีของนรินทร์มากเกินไป  เลยรู้สึกแย่มากไปไปหน่อย แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เพื่อนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นานกับแฟนยังไงมันก็ต้องเลือกแฟนอยู่แล้วสินะ



                ทั้งๆ ที่ไอ้บุ๊คก็ทิ้งให้ผมกลับบ้านคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเสียใจที่ถูกทิ้งไว้แบบนี้




TBC 
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Re: Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by Sier Thu May 22, 2014 2:33 pm

อ่านลื่นดีคะ
มีใช้เสียงพยัญชนะ (เรียกงี้เป่าอะ พวกไม้เอก ไม้โท) ผิดบ้างนะคะ แล้วก็ " ตรง

“ผมรับคำแล้วรีบลงมาที่เค้าเตอร์....

อ่านแล้วแบบ รักนรินทร์เสียดายประมุข >_<~

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Re: Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by coldcream Thu May 22, 2014 8:38 pm

ยังคงลื่นไหลดีค่ะ ตอนนี้เหมือนน้องแลนด์จะเอนเอียงมาทางรินทร์นะ ก็คนเค้าดูสุภาพบุรุษเนอะ รออ่านต่อค่ะ

coldcream
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 11
Join date : 07/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Re: Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by memoapp Fri May 23, 2014 9:58 pm

น้องแลนด์ชอบคนใจดี ปากหวานเอาใจงั้นหรอ เอ๋จริงๆคนส่วนใหญ่ก็ชอบ
เขียนอ่านง่ายดีคะ อ่านเพลินดี

memoapp
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 46
Join date : 04/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Re: Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by tookta Sat May 24, 2014 1:16 pm

ขอบคุณจ้า
แหม๋ !!! นายประมุข มาแบบแรงๆ แกล้ง กวนแลนด์ซะงั้น
แต่แบบนี้ก็สนุกดี มีอะไรตื้นเต้น เร้าใจดีนะ ฮ่าฮ่า
ใครกันนะที่จะเป็นพระเอก...ลุ้นจ้าลุ้น (ยังมีความหวังว่า 3P)
tookta
tookta
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 22
Join date : 17/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Re: Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Sun May 25, 2014 11:00 pm

ทั้งประมุข ทั้งนรินทร์เอาแต่ใจตัวเองทั้งคู่ เพียงแต่ว่าคนละรูปแบบ คนละความรู้สึก
ตอนนี้แลนด์ก็แอบเอนเอียงไปทางนรินทร์เบาๆ เลื่อมแอบอยากให้คู่นี้รักกันแหะ แต่ก็ไม่แน่คนแสนดีมักเป็นพระรอง อิอิ
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Re: Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by 13cotton13 Mon Jun 02, 2014 8:59 pm

นรินทร์นี่คือแบบอารมณ์ซอฟท์ๆมากอ่ะ ดูเรื่อยๆอบอุ่นสบายๆ
ส่วนประมุขนี่แบบออกแนวกวน หาเรื่องไม่น่าเข้าใกล้
สงสัยนู๋แลนด์จะหวั่นไหวกะนรินทร์แล้วล่ะมั้งเนี่ย
13cotton13
13cotton13
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 129
Join date : 03/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 4 Empty Re: Who’s the KING? } 4

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

อา.... แอบเสียดายนายนรินทร์แท้น้อ...... #แอบไปอ่านตอนจบสปอยล์ตัวเองมาก่อนแล้ว O]--[
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ