กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 11

5 posters

Go down

Who’s the KING? } 11 Empty Who’s the KING? } 11

ตั้งหัวข้อ by คราม Tue Jul 15, 2014 3:45 pm

Who’s The KING?
11
 
          หลังจากกลับจากไปเที่ยวพัทยาผมก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากนรินทร์ในหัวก็เอาแต่คิดว่า ‘อยากเจอ’ ของนรินทร์มันหมายถึงอะไรกันแน่ อยากเจอแล้วทำไมไม่ติดต่อมาอีกล่ะ ผมเองพอคิดจะติดต่อไปก็เกิดรู้สึกแปลกๆ เหมือนตัวเองมีความผิดอะไรสักอย่างขึ้นมาทันทีสุดท้ายก็ได้แต่รอให้เจอกันที่มหาลัย


ผมแวะมาที่มอหลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เพราะญาติมาบ้านปลีกตัวแทบไม่ได้ต้องพาไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่จนร่างแทบเปื่อย พอดีที่ผมเข้ามาวันนี้ก็เป็นวันเดียวกับที่การแข่งรอบที่สามเริ่มขึ้นรอบนี้ประมุขเอาชนะไปได้อีกครั้ง ผมยืนค้างอยู่กับที่ไม่กล้าเดินเข้าไปหานรินทร์อย่างที่คิดไว้ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี แล้วจู่ๆ แขนหนักๆ ที่เต็มไปด้วยเหงื่อของประมุขก็พาดลงมาที่ไหล่ของผม


“น้ำเฮ้ยน้ำ มึงเช็ดตัวบ้างไหมเนี่ย” ผมว่าแล้วตีแขนมันไปแรงๆ จนมันยอมเอาแขนออกแต่ยังไม่วายสะบัดหัวที่มีแต่น้ำมาให้อีก ผมแยกเขี้ยวใส่มันอีกทีจนมันหยุด


“หายไปไหนเป็นอาทิตย์”


“ความจำสั้นหรือไง” ไอ้นี่นิท่าจะบ้า ตัวมันเองก็รู้ว่าผมเจออะไรไปไหนทำอะไรตลอดหนึ่งอาทิตย์เพราะเราคุยกันทางไลน์แล้วนี่ยังจะมาตีหน้าซื่อถามอีก


“ก็เผื่อมีอะไรนอกเหนือจากในไลน์”


“จะไปมีได้ไง ญาติมากูพาไปเที่ยวจนร่างจะเปื่อยก็แค่นั้น”


“ไม่สนุกเท่าไปเที่ยวกับกูอ่ะดิ”


“ตลก ไปกับมึงยิ่งกว่าอีก.. เฮ้ยย ไปก่อนนะแล้วเจอกัน” ไม่ทันให้ประมุขห้ามหรือถามอะไรผมก็ออกตัววิ่งตามหลังนรินทร์ไปโดยไม่ได้หันกลับมามองคนข้างหลังอีกเลย
 




ผมวิ่งเข้าไปจนเกือบจะถึงอยู่แล้วจู่ๆ นรินทร์หยุดเดิมผมชะงักทันทีดีที่ไม่ได้วิ่งเร็วไม่อย่างนั้นหน้าได้กระแทกแผ่นหลังของนรินทร์แน่ๆ เขาค่อยๆ หันมาทางข้างหลัง ผมยกมือขึ้นทักทายไปอย่างเงอะงะ กี่อาทิตย์แล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน นรินทร์ไม่ได้ทักทายผมกลับ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มด้วยสุดท้ายเขาก็หันหน้าไปทางเดิมแล้วก็ออกเดินไปเหลือแต่ผมที่ขาแข้งเกิดแข็งขึ้นมาจนก้าวไม่ออกขึ้นมาเลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนคนที่โดนจ้องด้วยกอร์กอนจนร่างเป็นหินไป


นรินทร์ก้าวห่างจากผมไปไม่ก้าว เวลาก็ผ่านไปไม่น่าถึงนาทีแต่ผมกลับรู้สึกว่านานเหลือเกิน แต่แล้วอีกคนที่ห่างจากผมไปเกิดหยุดนิ่งขึ้นมา เขาอาจจะหันกลับมาด่าผมก็ได้ว่าจะยืนอยู่ทำไม ทำไมไม่ไปสักที ใช่ ผมควรหมุนตัวกลับไปยังทางเดิมที่ตัวเองมาแล้วกลับบ้านไปซะ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ยืนนิ่งจนเขาเดินเข้ามาใกล้ มือหนาคว้าเขาที่มือของผม


“ผมบอกอยากเจอตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วทำไมเพิ่งมาละครับ”


“กะ.. ก็..”


“มานี่เลย”


นรินทร์ว่าแล้วดึงมือผมให้ออกเดินไปพร้อมกัน ผมรู้สึกตามันผ่าวๆ เหมือนมีน้ำคลอๆ อยู่ ไอ้บ้าแลนด์! ถึงขั้นร้องไห้เลยเหรอวะ ผมกระพริบตาถี่ๆ ไล่มันออกไป นรินทร์พาผมมาถึงที่รถเขาจับบ่าแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง


“ร้องไห้เหรอ”


“เปล่าสักหน่อย!”


“ขึ้นเสียงด้วย”


“ขะ..โทษที แต่ไม่ได้ร้องนะ”


“แล้วเป็นอะไรละครับ” นรินทร์ว่าเปิดประตูยัดผมเข้าไปในรถ ผมรอจนเขาเดินกลับไปขึ้นรถที่ฝั่งคนขับแล้วถึงได้เริ่มพูด


“ทำหน้าแบบนั้นก็นึกว่าโกรธมันเลยตกใจ”


“หึหึ ล้อเล่นนิดหน่อยเอง”


“ไม่นิดนะ หน้าจริงจังจะตาย”


นรินทร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเขายื่นแขนมาบีบๆ นวดๆ ที่ต้นคอของผมเหมือนกำลังปลอบกันก่อนจะออกรถ โดยที่ไม่ได้บอกจุดหมายกันในก็เป็นแบบนี้ทุกทีโดนเขาลากไปนู่นไปนี่ตลอดโดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่ผมก็ไม่เคยนึกกังวลกับจุดหมายที่อีกคนจะพาไปเลยสักครั้งก็เหมือนกับตอนนี้ที่ผมนั่งเล่นมือถือไปพลางมองวิวที่รถขับผ่านไปพลาง พอมาถึงจุดจุดหนึ่งที่พอจะจำได้ลางๆ ผมก็คิดแล้วว่านรินทร์คงจะพามาที่คอนโดของเขาเอง




 
ลิฟต์ขับเคลื่อนพาผมกับนรินทร์ขึ้นยังชั้นบน อดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อคิดว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมมาที่ห้องของนรินทร์ เมื่อถึงหน้าห้องเขาเปิดให้ผมเข้าไปก่อนเพราะมีโทรศัพท์เข้า ผมพยายามก้าวขาช้าๆ เพราะอยากรู้ว่าใครโทรมา


“ครับ คาเรน” แฟนสาวของเขานั่นเอง แม้ว่าในใจจะอยากรู้ว่าเขาจะคุยอะไรกันแต่มันก็ดูไม่สมควรเท่าไรเลยผมเลยก้าวเท้าเข้าห้องไปไวๆ นั่งแหมะบนโซฟาหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะแก้วขึ้นมาเปิดอ่านอย่างถือวิสาสะ แต่แล้วนรินทร์ที่ผมคิดว่าเขาจะต้องอยู่คุยมือถือข้างนอกจนเสร็จแน่ๆ แต่กลับเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมเสียได้


((ผมคงไปด้วยไม่ได้ คาเรนไปคนเดียวนะ)) ผมไม่รู้ว่าปลายสายตอบกลับมาว่าอย่างไร นรินทร์หันมามองแล้วคลี่ยิ้มให้ ผมฉีกยิ้มตอบแล้วทำมาสนใจหนังสือในมือแทน ทั้งที่ใจตอนนี้กำลังหวั่นๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อครั้งก่อน.. ตอนที่นรินทร์เลือกไปหาคาเรนแล้วทิ้งผมให้กลับคนเดียว มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยสักนิด ใครๆ ก็ต้องเลือกแฟนก่อนเพื่อนธรรมดาๆ อย่างผมอยู่แล้ว ที่ผิดปกติน่ะมันผมเองต่างหากที่ดันไปรู้สึกเสียใจเกินเหตุเสียได้


((ครับ ขอโทษจริงๆ คราวหน้านะ บายครับ)) นรินทร์วางมือถือไปแล้ว เขาเดินไปเอาน้ำเย็นมาๆ ให้ผมพร้อมคุ้กกี้อีกหนึ่งจานก่อนจะเดินมานั่งที่เดิมแล้วเปิดทีวี


“เดี๋ยวเย็นกว่านี้หน่อยค่อยทำอะไรกินกันนะ” ผมตอบกลับไปเบาๆ ว่าอือ แล้วยกน้ำขึ้นมาจิบ จอแก้วไว้ที่ริมฝีปากตัวเองอย่างนั้นสายตาก็จ้องไปที่ทีวีตรงหน้าที่กำลังฉายรายการเกมส์โชว์ของต่างประเทศอยู่ รายการนี้ผมเคยดูแบบซับแต่พอมาฟังเสียงพากย์แบบนี้แล้วรู้สึกเซ็งจนอยากตีหัวคนพากษ์


“ไม่ไปจะดีเหรอ”


“หือ?”


“กะก็แบบ ไมได้จะแอบฟังนา แต่นรินทร์มานั่งใกล้ๆ เลยได้ยินแล้วก็เดาๆ เอาว่าคาเรนเขาชวนไปไหนหรือเปล่า แล้วนรินทร์ไปไม่ไปจะดีเหรอแฟนทั้งคน”


“แฟนผม.. คาเรนน่ะเหรอ”


“อื้อ” ผมรับคำหนักๆ หันไปมองนรินทร์ที่กำลังกลั้นขำ โดยที่ไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไรผมก็ได้แต่มองเขาอย่างงงๆ


“นี่เชื่อจริงๆ เหรอว่าผมกับคาเรนเป็นแฟนกัน”


“ห๊ะ อะไรน่ะนรินทร์ ไม่เข้าใจ งง” ผมลากเสียงยาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเสียสติขึ้นมาหน่อยๆ


“ผมกับคาเรนไม่ได้เป็นแฟนกัน จำได้ว่าไม่เคยแนะนำนะว่าเป็นแฟน”


“ห๊ะ!!!...”


“ที่อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ก็เพราะว่ามาจากโรงเรียนเดียวกันแถมยังได้ตำแหน่งดาวเดือนด้วยกันอีกเลยยิ่งสนิทน่ะ ใช่ๆ อารมณ์ไม้กันหมาด้วยละมั้ง คาเรนเขาไม่ค่อยชอบให้ใครเข้ามายุ่งมาจีบเท่าไร” จบทุกคำอธิบาย วิญญาณผมแทบออกจากร่างสุดท้ายแล้วก็เป็นผมเองที่คิดไปเองคนเดียว ผมมองคนตรงหน้าตาเหลือกแล้วไอ้ที่ผมคิดว่ามาตลอดว่าเขาสองคนเป็นแฟนกันนั่นจะทำยังไง หน้าแตกไม่มีชิ้นดีเลยดิ


“นี่คิดมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”


“ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ..” นรินทร์กลั้นขำกับท่าทางวิญญาณออกจากร่างของผมสักพักเขาก็ปล่อยมันออกมาเสียงดัง เรื่องเมื่อกี้จางหายไปจากความคิดของผมเมื่อได้เห็นท่าทางที่แสนสดใจของเขา อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่นรินทร์หัวเราะอย่างเต็มที่ตรงหน้าผม รู้สึกเหมือน.. เข้าใกล้กันมากอีกนิด หรือเปล่านะ?


“ทำไมชอบทำหน้าตลกๆ”


“ไม่ได้ตั้งใจทำสักหน่อยมันเป็นไปเองเหอะ!” แอบเสียเซลฟ์หน่อยๆ ที่โดนพูดว่าทำหน้าตลกแต่มันก็อดจะดีใจไม่ได้ ก็ที่นรินทร์หัวเราะมันเพราะผมนี่นา


“เฮ้ย รู้งี้เข้าไปกวนบ่อยๆ ก็คงดี”


“หือ?”


“เผื่อคาเรนจะจีบคาเรนติด ก๊ากกก”


“มั่นใจไปได้นะ”


“คนเรามันก็ต้องมีความมั่นใจสิ” ผมว่าอย่างมาดมั่นชูกำปั้นขึ้นมาแล้วหัวเราะใส่อีกรอบ นรินทร์ส่ายหัวหน้าตาบ่งบอกว่าผมนี่บ้าแบบสุดๆ


“งั้นที่ไม่ค่อยได้เข้ามาคุยก็เพราะคาเรนเหรอ”


“หือ?”


“วันที่คาเรนมาแลนด์จะไม่เข้ามาคุยกับผมเลย”


“แหงอยู่แล้ว ใครจะอยากเข้าไปกวนช่วงเวลาเลิฟของคู่รักละ” ผมว่าพอนึกแล้วก็ใจเหี่ยวถึงจะไม่ใช่แฟนกันแต่ดูยังไงนรินทร์ก็ให้ความสำคัญกับเพื่อนสาวอย่างคาเรนน่าดู


“เข้ามาก็ไม่เห็นเป็นนี่”


“ก็อย่างที่บอกไง”


“เห็นอยู่แต่กับประมุข”


“หือ?”


“ไม่มีอะไร หิวหรือยัง” นรินทร์เปลี่ยนเรื่องผมเลยเลิกติดใจกับท่าทางแปลกๆ ของเขา ลูบท้องตัวเองพลางคิดว่าล่าสุดกินข้าวไปเมื่อตอนกี่โมง


“ยังไม่ค่อยหิวเลย นรินทร์หิวเหรอ”


“ยังหรอก ถ้าอย่างั้นไปนอนกันไหม”


“ห๊ะ!” นรินทร์ชวนหน้าตายแต่ผมนี่สิหน้าเห่อไปด้วยความร้อน


“นอนเล่นน่ะนอนเล่น รู้สึกเพลียๆ ตื่นมาค่อยกินข้าวกัน” หน้าแตกรอบสอง คิดอะไรของแก๊!!


“นรินทร์ไปนอนเถอะ สักห้าโมงครึ่งเดี๋ยวเราไปปลุก” ผมว่าพลางเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้สี่โมงครึ่งพอดี ให้นอนสักชั่วโมงก็น่าจะพอ ความจริงเห็นท่าทางของนรินทร์ที่ดูเพลียๆ นั่นแล้วก็อยากจะให้นอนนานกว่านี้นะแต่กลัวมันจะเย็นเกินไปตื่นมาไม่พ้นปวดหัวแน่ๆ


นรินทร์พยักหน้ารับก่อนจะก็บอกให้ผมใช้ของในห้องเขาได้ตามสบายถ้าหิวก็ให้หาอะไรกินรองท้องไปก่อนแล้วก็เดินเข้าห้องไป และแล้วก็เหลือแค่ผมคนเดียวในห้องนั่งเล่น ผมปิดทีวีตรงหน้าแล้วมาเล่นเกมส์ในมือถือพลางรอเวลาที่จะไปปลุกคนที่เพิ่งจะเข้าไปนอนเมื่อครู่แทน




 
ห้าโมงกว่าผมด๋อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้องที่ประตูถูกแงมไว้ คิดอยู่นานว่าควรจะเข้าไปปลุกด้านในดีไหม หรือจะเคาะประตูปลุกดี อืม.. งั้นเริ่มจากการเคาประตูแล้วกัน


ก๊อก ก๊อก ... เซ็ตแรกไม่ตื่น


ก๊อก ก๊อก ก๊อก เพิ่มแรงลงไปอีกหน่อย ไม่ตื่นอีก ...


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! นี่แรงจนมือเจ็บแล้วนะ! ทำไมยังไม่ตื่นอีก!! แล้วนี่จะทำยังไง!!!? ไม่กล้าเข้า ไม่กล้าเข้า ถึงจะเป็นคนบอกเองก็เถอะว่าจะเป็นคนปลุกให้น่ะ!


เฮ้ย!! ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกันกลัวอะไรอยู่วะ แต่นั่นมันนรินทร์เลยนะแถม... อ๊ากกก จิตใจผมสับสนไปหมดแล้ว เอาละ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเข้าไปปลุกนรินทร์ซะก่อนที่เขาจะนอนนานไปมากกว่านี้ ฮึบ!


“นรินทร์.. ตื่น” ผมเขย่าตัวนรินทร์เบาๆ เขาพลิกตัวหนีไปอีกทาง ผมก็เลยลงแรงไปอีกหน่อย เขาก็ยิ่งพลิกตัวหนีแต่แล้ว... เฮ้ย!


นรินทร์คว้าตัวผมจนลงไปนั่งอยู่บนเตียงหลังชนหัวเตียงพอดีเป๊ะ ส่วนตัวเขาก็เขยิบมาใกล้แล้วเอาแขนพาดเอวผมไว้ ทั้งที่ตัวเขายังนอนคว่ำหน้าแบบนั้นแต่เสียงหัวเราะคิกๆ นั่นก็ไม่ได้ลดลงเลย


“แกล้งกันเหรอนรินทร์”


“หึ นึกว่าจะยืนเคาะประตูจนกว่าผมจะลุกซะอีก”


“ใครมันจะไปกล้าเข้าห้องคนที่!....” คนที่.. เพิ่งรู้จักเหรอ แต่จากระยะเวลาจนถึงตอนนี้ผมกับนรินทร์ก็ไม่ได้เรียกว่าเพิ่งรู้จักแล้วนะ ถ้าอย่างนั้นคนที่... ชอบ เดี๋ยวนะทำไมจู่ๆ คำว่าชอบมันผุดขึ้นมาในใจได้ละเนี่ย


“คนที่?”


นรินทร์เอียงคอถามอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเราใกล้กันกว่าเดิมเพราะเขาทรงตัวขึ้นมาส่วนตัวผมเองก็เหมือนโดนดูดให้เข้าไปใกล้ ดวงตาที่เบิกกว้างของเขาจ้องผมนิ่ง มันยิ่งทำให้ผมหลงใหลและอยากมองดวงตานี้ไปอีกนานๆ ผมยอมรับเลยว่าชอบมองนรินทร์ แม้จะเป็นการแอบมองเสียส่วนใหญ่ก็เถอะ แล้วก็ยังชื่นชมในหลายๆ ด้านด้วย แต่ไม่เคยคิดว่าความชอบนั่นมันเป็นแบบไหน


“คนที่นอนอยู่”


“เห แค่นั้นน่ะเหรอ ฮ่าๆ แลนด์ตลกจริงๆ”


“ขำพอแล้วครับคุณชาย กรุณาพาไปกินข้าวด้วย ผมหิวแล้ว” ผมว่าเอามือเขาออกจากเอว นรินทร์ทำตามอย่างว่าง่าย ยีหัวผมไปทีก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ผมนั่งมองแผ่นหลังที่ยับยู่นี่นั่นจนหายเข้าไปในห้องน้ำ ความอบอุ่นของแขนที่พาดอยู่ที่เอวผมเมื่อครู่ยังคงอยู่ ชอบเหรอ เป็นอะไรที่ยังไม่ชัดเจนและผมเองก็คงไม่มีทางที่จะหาคำตอบได้ทันที




 
ผมออกมานั่งรอข้างนอกไม่นานนรินทร์ก็เดินตามมา จากที่ตั้งใจว่าจะทำกินกันเองก็เปลี่ยนใจไปกินข้างนอกแทน เพราะความหิวของเราทั้งสองคนมันคงอยู่ไม่ทนจนทำอาหารเสร็จ นรินทร์พาผมไปกินร้านสเต็กที่เปิดขายบนฟุตบาทร้านเดิมที่เราเคยไปกินกัน ครั้งนี้ผมไม่ได้หลบสายตาอย่างที่เคยทำ ไม่รู้เหตุผลในการกระทำของตัวเองนักแต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าผมกำลังยอมรับความรู้สึกบางอยากที่เกิดขึ้นในใจก็เป็นได้


“ไปส่งนะ”


“ไม่ได้อยู่คอนโดนะ”


“แล้วอยู่ไหน”


“บ้าน แต่ไม่ใช่แถวนี้” นรินทร์โคลงหัวไปมาส่งเสียงฮึมฮัมเหมือนกำลังใช้ความคิด ผมเองก็เริ่มมองหาลู่ทางที่จะกลับบ้าน ตอนนี้ยังไม่นึกแค่สองทุ่มกว่าๆ รถก็ยังมีอยู่พอถึงหน้าปากซอยก็แค่โทรให้พ่อมารับหรือไม่ก็นั่งวินเข้า


“ยังไงก็จะไปส่ง”


“ไม่เป็นไรหรอกน่า ”


“ขึ้นรถเลยครับ”


“ฮะ.. เฮ้ยยย” เขาไม่มีแม้แต่จะฟังคำทัดท้านของผม กลับยิ่งยัดผมเข้ารถ ปิดประตูดังปังก่อนจะเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับแล้วก็ออกรถทันที ผมแกล้งนั่งเงียบไม่บอกทาง ไม่พูดอะไรจนมาถึงไฟแดงที่ห่างจากบ้านผมไปซอยหนึ่ง นรินทร์มองซ้ายมองขวาหันมาทางผมอย่างต้องการคำบอกทางผมแกล้งลอยหน้าลอยตา


 “ถ้าไม่บอกจะพาขับรถวนไปพัทยาแล้วกลับมานอนที่คอนโดผมนะ” มือหน้าวางแหมะลงที่หัวผมแล้วบีบๆ คลึงๆ อย่างมันเขี้ยวจนผมร้องโอ้ยแล้วยอมบอกทาง ช่วงที่ผมเล่นหูเล่นตาอยู่คนเดียวรถก็ขับมาจนจะถึงซอยบ้านผมอยู่แล้ว พอผมบอกทางไปนรินทร์เลยเลี้ยวเข้าซอยแทบไม่ทัน ดีที่ไม่มีรถสวนมาไม่อย่างนั้นได้เจอของจริงแน่


“เป็นไงละ”


“แฮะ ขอโทษ มองวิวเพลินไปหน่อย จอดตรงนั้นๆ ที่มีบะหมี่อยู่หน้าร้านเลย”


ผมว่าแล้วชี้ไปที่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวร้านของป้านีที่มาขอเช่าพื้นที่ขายแกจะเปิดร้านช่วงเย็นๆ ตอนที่ร้านทองของบ้านผมปิดไปแล้วและขายจนถึงตีสามตีสี่ ซี้กันดีครับ ผมยังขอกินฟรีบ่อยๆ  รถจอดเยื้องกับร้านไปหน่อยเพราะตรงส่วนหน้าถูกกางโต๊ะเก้าอี้เป็นที่นั่งให้ลกค้าร้านป้านีไปแล้ว


“ขอบคุณมากนะ”


“เรื่องเล็กน้อย” ผมโบกมือให้หน่อยๆ แต่ก็ยืนรอกะว่าจะให้นรินทร์ออกรถไปก่อน แต่จนแล้วจดรอดเขาก็ยังเท้าแขนไว้กับหน้าต่างแล้วมองผมอยู่อย่างนั้น เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ แฮะ ผมตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อเดินเข้าบ้านมั่นใจว่าถ้าทำแบบนี้เขาเองก็จะออกรถไปแน่ๆ


หมับ!


“หือ” ผมไล่มองแขนของอีกคนที่ยื่นมาดึงสายกระเป๋าผมไว้จนไปถึงใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มอย่างสดใสมาให้ผมอยู่ “แล้วเจอกัน”  ผมพยักหน้าให้อีกคน ยืนมองจนรถลับสายตาไปค่อยเดินเข้าบ้าน


TBC
 
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 11 Empty Re: Who’s the KING? } 11

ตั้งหัวข้อ by Sier Wed Jul 16, 2014 2:16 pm

เอิ่มม... แลนด์หลายใจอ่ะ
เปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทันเลยคะ จนถึงตอนที่แล้วนึกว่าประมุขเป็นพระเอกซะอีก

ปล. มือหน้า คืออะไรหรอคะ??

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 11 Empty Re: Who’s the KING? } 11

ตั้งหัวข้อ by seaslugblue13 Fri Jul 18, 2014 9:22 pm

Sier พิมพ์ว่า:เอิ่มม... แลนด์หลายใจอ่ะ
เปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทันเลยคะ จนถึงตอนที่แล้วนึกว่าประมุขเป็นพระเอกซะอีก

ปล. มือหน้า คืออะไรหรอคะ??

มือหนาค่ะ เราคงเขียนผิด 
ขอโทษด้วยนะคะ T^T

seaslugblue13
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 8
Join date : 28/03/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 11 Empty Re: Who’s the KING? } 11

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:59 pm

รินนนนนน อั่กกกกกกกกก #สำลักดาเมจ
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 11 Empty Re: Who’s the KING? } 11

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

สุดท้ายแล้วแลนด์จะเลือกใครกันน๊า
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ