กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Who’s the KING? } 6

5 posters

Go down

Who’s the KING? } 6 Empty Who’s the KING? } 6

ตั้งหัวข้อ by คราม Thu May 29, 2014 7:36 pm

Who’s The KING?
6


 
บนรถค่อนข้างจะเงียบ นรินทร์ขับรถมีผมนั่งแสบนิ้วเท้าไปข้างๆ มีเสียงเพลงจากเครื่องเล่นที่วนไปมาอยู่กับเพลงเดิมๆ สองสามเพลง


“ทั้งอัลบั้มมีอยู่แค่นี้เหรอ”


“หือ? เปล่าหรอก ชอบสุดแค่สามเพลงนี้แล้วไรท์แยกมา”


อ่า.. อย่างนี้นี่เอง ผมหันไปสนใจวิวข้างนอกแทนที่จะหาเรื่องคุย ไม่รู้ด้วยว่าควรจะคุยอะไร ผมควรจะรู้สึกดีใจหรือมีความสุขมากกว่านี้ที่นรินทร์ยอมเข้ารับหารคัดเลือก แต่บางอย่างกำลังบอกผมว่าอะไรๆ มันจะยุ่งยากขึ้น มันจะไม่ได้จบแค่เพียงคัดเลือก ไปแข่ง แพ้ชนะ แต่มันจะมีอะไรมากกว่านั้น จู่ๆ ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ รถรามากมายที่ขับตรงไปทิศทางเดียวกัน ร้านรวงของขายทั่วๆ ไป วิวเดิมๆ แต่มันก็ยังดูน่ามองในบางครั้งเช่นตอนนี้ที่ในหัวของผมกำลังคิดนู่นนี่เยอะแยะไปหมด


“เจ็บเท้ามากไหม”


“แสบๆ แล้วนี่จะไปไหน เลยทางเข้าหอเราไปแล้วนะ”


“ไปคลินิก ไปดูแผลหน่อยเถอะ เดี๋ยวมาส่ง”


ผมเกือบจะพยักหน้ารับไปแต่ก็ทำเพียงแค่มองไปที่นรินทร์พอดีกับที่รถติดไฟแดงเขาเองก็เลยหันมามองทางผมพอดี เราจ้องตากันอยู่สักพักจนนรินทร์เอ่ยปากพูดก่อน


“ไปส่งจริงๆ ครั้งนี้ไม่เบี้ยวแน่นอน”


“ก็ไม่ได้จะว่าอะไรนะ”


“สีหน้าแบบนั้นมันเป็นสีหน้าของคนที่คลางแคลงใจกัน กลัวว่าผมจะเบี้ยวเหมือนกันก่อนล่ะสิ”


ถูกเผ่ง นรินทร์พูดถูกตรงตามที่ผมคิด ความจริงมันมีอะไรน่ากลัวด้วยซ้ำขาก็ไม่ได้เจ็บถึงขั้นเดินไม่ได้ แต่ไอ้การที่จะต้องโดนทิ้งรอบสองนี่มันก็ไม่โอเคเท่าไรนะ เพราะอย่างนั้นมันก็ไม่แปลกที่ผมจะสองจิตสองใจกับการพยักหน้ารับและทำสีหน้าแบบนั้นออกไป


“ผมพูดถูกล่ะสิ แลนด์เนี่ยแสดงออกทางสีหน้าหมดเลยนะ” นรินทร์พูดกลั้นขำแล้วหันไปสนใจถนนข้างหน้าแทน


“สีหน้าเราแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ”


“อื้ม”


“จริงอ่ะ”


“อื้ม”


“ตอนนี้เรารู้สึกยังไงอยู่”


“ทึ้งกับความสามารถในการอ่านสีหน้าของผม” นรินทร์หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อผมทิ้งตัวลงกับเบาะแล้วระบายลมหายใจออกมาพร้อมด้วยใบหน้าที่ยับยู่ยี่ขัดใจที่เขาอ่านสีหน้าผมได้ แต่ถึงอย่างนั้นบรรยากาศที่เกือบจะอึมครึมเมื่อครู่ก็จางลงจนแทบจะหายไปหมด


นรินทร์พาผมมาคลินิกที่อยู่ตรงถนนใหญ่ เป็นคลินิกเล็กๆ ที่คนค่อนข้างเยอะพอสมควร เข้าไปต้องรอคิวสักพักผมถึงได้เข้าตรวจ นรินทร์เองก็เข้าไปด้วย ไม่ได้ทำอะไรมากมายแค่จับๆ ดูๆ แล้วก็ล้างแผลให้ยาทา ยาแก้ปวดมาอีกอย่างละชุดแล้วก็พากันออกมา




 
พระอาทิตย์ลาขอบฟ้าไปแล้วรถราก็มากขึ้นจากเมื่อครู่เป็นเท่าตัว ร้านรวงสองข้างทางก็มีทั้งที่ปิดตัวไปแล้วและเปิดขึ้นมาใหม่ ไฟสว่างโล่ไปตลอดทาง นรินทร์จอดรถที่หน้าร้านสเต็กบ้านๆ ข้างทางร้านหนึ่ง พอผมหันไปมองนรินทร์ก็ลูบท้องบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาหิว ผมเองก็เพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่บ่ายก็เลยได้ลงมานั่งตากควันจากเตากัน


“ดีแล้วใช่ไหมที่ผมลงคัดเลือก”


“ดีสิ ดีแล้ว”


“แต่แลนด์ดูเหมือนไม่ค่อยดีใจเท่าไรเลยนะ”


“แฮะๆ ก็ตกใจหน่อยๆ แบบว่าที่ได้รู้วันนี้มันก็.. นะ” ผมเว้นช่วงไปไม่รู้ว่าควรจะถามไปเลยไหม หรือแค่พูดก็พอไม่ต้องถามอะไรนรินทร์อาจจะเล่าให้ฟังเองก็ได้ แต่ท้ายที่สุดผมก็เลือกที่จะพูดจาก่ำกวมออกไป นรินทร์ยิ้มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมต้องมาแนวนี้ เขาตัดเนื้อสเต็กชิ้นพอดีคำมาใส่จานของผมพร้อมกับบอกให้ลองทานดูก่อนจะเริ่มพูด


“ก็อย่างนั้นแหละคนที่ผมแพ้ให้เมื่อตอนม.ปลายก็คือประมุข”


“อ่า.. อ๋อ.. ไม่มีใครรู้เลยเนอะ”


“ก็ไม่จำเป็นต้องประกาศนี่นา”


“แล้วไม่เป็นอะไรเหรอ”


“พูดเหมือนผมจะแพ้อีกรอบ” 


“ก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ” ผมพูดเสียงอ่อย ก้มหน้าจนจมูกแทบจะติดจาน คิดอยากจะตบปากตัวเองสักร้อยรอบข้อหาพูดไม่คิด ถามแบบนั้นไปได้ยังไงวะกู โง่จริง


เปาะ!


“เฮ้ย! เจ็บนะเนี่ย”


“อ่าว เจ็บเหรอ นี่เบาแล้วนะ” นรินทร์ส่งยิ้มกวนประสาทมาให้หลังจากที่ดีดหน้าผากผมไปเต็มแรง ท่าที่ปกติ ไม่ได้ดูว่าจะเคืองผมอย่างที่คิด เขายังยิ้ม หัวเราะ และก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของผมนัก


“ไม่แพ้หรอก คนอะไรจะแพ้ได้ถึงสองรอบ มันต้องชนะสิ”


“งือออ ชนะๆ เอาให้บ้าประมุขหน้าหงายไปเลยนะ”


ผมพูดพร้อมกับทำกำปัดชกขึ้นฟ้าแล้วยื่นไปตรงหน้านรินทร์ทั้งๆ ที่ในมือถือมีดหันสเต็กอยู่ เขาชะงักไปด้านหลังแถมยังเบิกตากว้างจนผมต้องหัวเราะออกมากับท่าทางหลุดๆ นั่น นรินทร์ดันมือผมออกมาอย่างเบามือก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องแอบยิ้มคนเดียวใส่หมูสเต็กตรงหน้า


“แลนด์ก็เชียร์ผมเยอะๆ แล้วกัน”




 
“กลับช้าอีกล่ะ”


“สามทุ่มเอง”


ไอ้บุ๊คส่ายหน้าช้าๆ แล้วหันไปสนใจมือถือที่อยู่ตรงหน้าแทน ผมเข้าไปอาบน้ำแล้วออกมานั่งดูทีวีข้างๆ มันก่อนจะเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องที่พบเจอมาวันนี้ให้มันฟัง ที่จริงก็แค่หาที่ระบายใส่เท่านั้นแหละ มันก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้างแต่พอผมบอกว่าโดนมุมโต๊ะทับมันก็รีบกระชากผมขึ้นไปดูทันทีจนผมเอาเท้าตัวเองกลับมาแทบไม่ทัน


“ไอ้ห่านิ ไม่รับบอกว่าได้แผล มัวแต่เล่าเรื่องผู้ชายอยู่นั่นแหละ”


“อ่าว ก็กูเพิ่งนึกได้นิ จริงๆ มันไม่ค่อยรู้สึกอะไรแล้วอ่ะ แต่ตอนที่มึงกระชากไปเมื่อกี้อ่ะ เจ็บสัด”


“โทษๆ ไม่เป็นไรแน่นะ ทายายัง”


“แล้วๆ” มันพยักหน้าหงึกหงักแล้วกลับไปเล่นเกมต่อ ผมก็เริ่มแพล่มต่อเพราะอะไรฉุดใจนิดหน่อย


“มึงๆ มึงว่าถ้ากูเชียร์อีกคนอย่างออกนอกหน้าเกินไปนี่มันจะดีเปล่าวะ”


“ไม่ควร ไม่ดี อย่าทำ”


“ทำไมอ่ะ” ไอ้บุ๊คถอนหายใจทิ้งแรงๆ โยนโน้ตสามลงกับโซฟา แล้วย้ายตัวเองลงมานั่งข้างๆ ผม ตาไม่ได้จ้องไปที่ทีวีแต่จ้องหน้าผมแทน


“ไอ้คนที่มึงจะเชียร์อย่างออกนอกหน้านี่นรินทร์ใช่ไหม”


“ไมรู้อ่ะ”


“โว๊ะ กูฟังมึงพูดตั้งแต่มึงอาบน้ำเสร็จได้ยินชื่อไอ้นรินทร์มากกว่าไอ้ประมุขนั่นซะอีก”


“กูพูดชื่อนรินทร์เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ”


“เยอะ! มึงชอบมันหรือไง” สิ้นคำถามของไอ้บุ๊คผมอ้าปากพะงาบๆ เหมือนเต่าทันที มันคิดได้ยังไง“ตลกเหอะ กูแค่คลุกคลีกับนรินทร์เยอะเกินไปเลยพูดถึงนรินทร์เยอะแค่นั้นเอง”


“อ๋อเหรอ แก้ตัวไอ้สัด ไปๆ ไปนอนไม่ต้องคิดห่าอะไรล่ะ ถึงกูจะบอกว่าไม่ควรก็เถอะแต่อยากทำอะไรก็ทำไปดิ”


พูดเสร็จมันก็ลุกไปห้องนอนทันที มีเสียงของผมด่าตามหลังมันไปจนมันปิดประตูใส่เสียงดัง ไอ้นี่นิ นอกจากจะไม่บอกเหตุผลดีๆ แล้วยังมาแนะนำอะไรงูๆ ปลาๆ ชวนสับสนให้อีก ไม่เข้าใจมันเลย



 
ในที่สุดวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึง แทนที่ผมจะได้อยู่หอเตรียมอ่านหนังสือสอบกลับต้องแหกขี้ตาตื่นมาซักผ้าแล้วมาที่มหาลัยตอนเที่ยง เพราะวันนี้คือวันแรกของการเก็บคะแนนนั่นหมายถึงวันนี้ประมุขกับนรินทร์จะแข่งเฟนชิ่งกัน นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าชมรมมาที่สองคนนั้นจะได้เจอกันบนสนาม เพราะปกติพวกเขามักจะแข่งกับคนอื่นๆ ในชมรม ทั้งสองคนไม่เคยมาเจอกันตรงๆ เลยสักครั้ง เอฟซีของทั้งคู่ก็พากันมารอดูสรุปแล้วมากันทั้งชมรม แค่ไม่มีคนนอกเท่านั้นเอง ผมจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น น้ำเย็นๆ ผ้าเย็นๆ ไว้ให้สอง แถมด้วยอุปกรณ์ฉุกเฉินเพื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว  


ตรงหน้าของผมมีปริ้สท์(Piste-สนามประลอง)* วางอยู่ มันเป็นแผ่นกระดานปูด้วยโลหะกว้างราวๆ 2เมตร และยาว 14เมตร มีเส้นสำหรับบอกตำแหน่งเริ่มต้นของผู้เล่นแต่ละฝั่งจากจุดกึ่งกลางของสนามและมีเส้นหรือลายบอกอาณาเขตดท้ายก่อนสุดขอบสนาม


ผ่านไปสามสิบนาทีหลังจากจัดเตรียมพื้นที่จัดเสร็จสองคนนั้นก็เดินเข้ามาในโรงยิมพร้อมกันแล้วก็ตรงมายังที่นั่งข้างสนามที่ผมนั่งอยู่พอดี ไอ้นายกับพรรคพวกกระวีกระวาดเข้ามาหากระแซะนู่นกระแซะนี่ไปพร้อมกับช่วยหยิบจับอุปกรณ์ใส่ เพราะต้องมีการต่อสายไฟฟ้าประจำตัวเข้ากับดาบที่จะใช้ในการแข่งเนื่องจากว่าการะแข่งขันนั้นใช้เครื่องตัดสินไฟฟ้าเป็นตัวตัดสิน ผมนั่งมองพวกเขาอยู่บนเก้าอี้ไม่ได้ลุกเข้าไปหาหรือส่งเสียงใดๆ ออกไป ไม่มีความว้าวุ้นหรือวิตกใดๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคน เป็นไปได้ว่าสองคนนั้นคงไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้แน่ๆ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการเก็บคะแนนรอบแรกแต่ก็เป็นผมซะเองที่รู้สึกกังวลไปต่างๆ นานา ทั้งๆ ที่สองคนนั้นก็ดูปกติทุกอย่าง


พวกเขาจะแข่งกันเพียงสองเบ้าท์(Bouts-ยก)* แต่เป็นเบ้าท์ล่ะ 9นาทีแบ่งเป็น 3ยกย่อย และพัก 1นาที คะแนนแพ้ชนะอยู่ที่ 15แต้ม โค้ชอธิบายการเก็บคะแนนให้สองคนนั้นฟังก่อนที่จะพากันเดินไปที่ปริ้สท์แยกกันอยู่คนละฝั่ง พวกเขาทำความเคารพ กรรมการการตัดสิน คนดูและคู่ของตัวเองด้วยดาบ ก่อนจะเริ่มขยับกายไปที่ท่าจรดดาบซึ่งเป็นท่ามาตรฐานในการเริ่มต้นฟันดาบ


“โคตรเท่เลย” เสียงไอ้นายดังขึ้นข้างหู ผมพยักหน้าเห็นด้วยแต่ไม่ได้ออกความเห็นใดๆ อีก เอาแต่จ้องมองไปที่ปริ้สท์อย่างเดียว ปกติผมเห็นพวกเขาเพียงผ่านๆ ไม่ได้สนใจจะมองเท่าไรนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพวกเขาในท่วงท่าที่สง่างามแบบนี้ มันทำให้ผมใจเต้นรัวเมื่อคิดถึงใบหน้ากับสายตาคมเข้มภายในหน้ากากนั่น
เมื่อโค้ชบอกว่า ‘เริ่มได้’ ทั้งสองคนก็เริ่มกวัดแกว่งดาบใส่กันอย่างมีชั้นเชิง บ้างหยุดชะงักก่อนจะถลาเข้าใส่ผลัดกันรุกผลัดกันรับกันอยู่ตลอด ผมที่ไม่รู้ว่าท่วงท่าที่พวกเขาใช้นั้นเรียกว่าอะไรก็ได้แต่มองดูอย่างใจจดใจจ่อ มองท่วงท่าที่สง่างามราวกับหงส์ที่กำลังฟาดฟันกันอยู่นานจนโค้ชให้สัญญาณหมดเวลายกแรก และยกที่สองสามก็ตามมาจนการแข่งขันเก็บคะแนนรอบแรกของพวกเขาจบลง


ผมวิ่งเอาน้ำกับผ้าเย็นเข้าไปให้ ทั้งสองคนถอดหน้ากากออกปรากฏให้เห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ก่อนจะสะบัดผมที่ชื้นเหงื่อไปมาจนมันกระเด็นใส่หน้าของผม พวกเขารับมันไปก่อนจะขอบคุณเบาๆ แล้วเดินออกไปทันที ผมเลยเดินกลับที่นั่งเดิม แล้วเพิ่งนึกได้ว่าสรุปแล้วใครแพ้ชนะกันแน่ ผมเลยหันไปถามไอ้นาย


“ผมก็ไม่รู้จำนวนคะแนนชัดๆ วะพี่โค้ชกับอาจารย์แกไม่ให้ดูเลย แต่เท่าที่ผมมองด้วยตาเปล่าพี่รินแกเข้าทำได้มากกว่าผมเลยคิดว่าพี่รินน่าจะชนะนะครั้งนี้”


ผมพยักหน้าแล้วตบบ่ามันเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะช่วยเก็บของมากมายที่วางอยู่ แล้วค่อยกลับมาที่ห้องของชมรมกัน ที่นั่นไม่มีนรินทร์กับประมุขอยู่ คิดเอาว่าน่าจะพากันไปอาบน้ำที่ห้องน้ำนักกีฬา ผมเก็บของเข้าที่จนเสร็จก็พากันเดินออกมาแล้วถึงแยกย้ายกันไป


ผมตรวจเช็คความเรียบร้อยของห้องอีกทีและกำลังจะออกไปก็พอดีกับที่นรินทร์เดินเข้ามาบนบ่าของเขามีถุงฟันดาบขนาดเล็กพาดอยู่ผมยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปหา


“นึกว่ากลับไปแล้ว”


“ลืมของนิดหน่อยนะ เปิดห้องให้หน่อยสิ แลนด์มีกุญแจใช่ไหม”


“อ่า รอแปปนะ” ผมรีบเปิดห้องให้แล้วเดินตามหลังนรินทร์เข้าใจ อยากจะถามว่าเป็นอย่างไรบ้างกับการแข่งขันวันนี้ อยากถามเรื่องคะแนนและผลแพ้ชนะ มก้มมองเท้าที่หายแล้วของตัวเองแล้วก็นึกไปว่าถ้าได้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันอีกก็คงจะดีไม่น้อย


“นี่ นรินทร์วันนี้...”


Rr Rr Rr Rr Rr  เสียงมือถือดังขึ้น นรินทร์หันมามองทางผมประมาณว่าเมื่อกี้จะพูดอะไรเหรอทั้งๆ ที่มือก็หยิบเอามือถือขึ้นมาแนบหูแล้วกรอกเสียงลงไป ผมโปกมือปัดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อรอปิดห้อง


“ครับ เสร็จแล้ว คาเรนรอที่หอสมุดก็ได้เดี๋ยวผมเข้าไปรับ ครับ แล้วเจอกัน ครับ”


แม้ว่าจะได้ยินเพียงแค่เสียงตอบกลับของนรินทร์แต่ผมก็พอจะเข้าใจได้ว่านรินทร์มีธุระต่อแล้ว ผมเลยกลืนก้อนคำชวนที่คิดไว้ลงไปก่อนจะแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนแล้วช่วยนรินทร์หาของ


“เมื่อกี้จะพูดอะไรหรือเปล่า”


“เปล่า~ แล้วนี่เจอยัง”


“เจอแล้ว” นรินทร์ชูของในมือให้ดูก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเราก็พากันออกมาจากห้อง นรินทร์รอจนผมล็อคประตูเสร็จก่อนจะเดินไปด้วยกัน มันควรจะมีบทสนทนาเกิดขึ้นแต่ผมก็คิดไม่ออกว่าจะหาเรื่องอะไรมาพูดดี ไอ้ความอยากรู้ผมชนะที่แน่นอนไม่ใช่แค่การคาดเดาจากไอ้นายก็หายไปหมดแล้วด้วย


“แลนด์กลับเลยหรือเปล่า”


“อือ กลับเลย”


“ผมคงไปส่งไม่ได้ ขอโทษทีนะ”


“เฮ้ยยย ไม่เป็นไรน่า ไว้เจอกันนะ บาย” ผมพูดรัวเร็วแล้วเดินออกมาทันทีก่อนจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์พร้อมกับรถที่ขับออกไปแล้ว ผมผ่อนลมหายใจออกมาแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการเดินทอดน่องแทน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมในใจมันห่อเหี่ยวแบบแปลกๆ การแข่งขันวันนี้ผมแทบไม่รู้เลยว่าพวกเขาสองคนอยู่ในอารมณ์ไหน ถ้าผมพอดูการแข่งขันเป็นบ้างก็คงจะดี จะได้รู้บ้างว่าใครก็ได้คะแนนหรือเสียคะแนน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รู้อะไรเลยเป็นเพียงแค่มองดูอย่างเดียว


                ปี้น ปี้น


ผมหันไปมองตามเสียงแตรรถก็พบว่าเป็นรถฟีโน่สีฟ้าถูกคล่อมด้วยผู้ช่วยตัวโตที่ไม่เข้ากับรถคันเล็กๆ นี่เลย นายประมุขอยู่ในชุดวอร์มบนบ่ามีถุงฟันดาบขนาดเล็กแบบของนรินทร์พาดอยู่เหมือนกัน หมอนั่นยกคิ้วกวนๆ มาให้ผมทีหนึ่ง พอเห็นแบบนั้นผมก็ออกเดินต่อ แต่มันก็ใช้เท้าเคลื่อนรถแทนการติดเครื่อง

“ตามกูทำไมเนี่ย”


“ไม่มีออดี้ไปส่งมีแต่ฟีโน่คันงามสนใจไปกับพี่ไหมน้อง ฮ่าๆ” มันพูดแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมส่งสายตาสุดเอือมไปให้ก่อนจะเตะเข้าไปที่หน้าแข้งของมันอีกที


“เตะกูอีกแล้วนะ”


“ก็มึงกวนตีน”


“มาขึ้นๆ” มันดึงข้อมือผมเข้าหาแล้วพยายามดันให้ขึ้นรถ ถุงฟันดาบที่มันพาดอยู่ก็จัดการเอามาไว้ข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว


“ไม่เอา จะพากูไปไหนเล่า”


“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูดิ๊ แพ้เนี่ยแพ้วันนี้กูแพ้มึงไม่รู้เหรอ มาปลอบกูเลย” ใช่เรื่องไหม! แต่ว่าอะไรนะ ประมุขแพ้จริงๆ น่ะเหรอ ผมหยุดขืนตัวแล้วยื่นหน้าเข้าไปหามันจนมันตกใจ


“ไม่ต้องปลอบด้วยจูบก็ได้ ไปกินข้าวกับกูก็พอ”


“อ่ะ.. ไอ้เหี้ย ไม่ใช่เว้ย มึงแพ้จริงๆ เหรอเลยอ่ะนะ”


“อะไร นี่มึงไม่รู้เหรอ เขารู้กันทั้งสนามถึงโค้ชจะไมได้บอกคะแนนก็เถอะ” มันพูดแล้วมองผมแบบเหยียดๆ อย่างที่ชอบทำ สายตามันบ่งบอกว่ากำลังด่าผมว่าโง่ 


“กูไม่รู้เหอะว่าเขานับคะแนนกันยังไง ดูยังดูไม่ทันเลย”


“อ่ะ ลืมไป” มันยกยิ้มแล้วตบที่นั่งเบาะหลัง ผมลังเลอยู่พัก มันต้องส่งสายตาขู่บังคับออกมาจนผมตัดสินใจขึ้นซ้อนท้ายมัน แต่แทนที่มันจะออกตัวเลยกลับส่งถุงฟันดาบนั่นมาให้ผม “ถือให้หน่อย วางข้างหน้ากูขับไม่ถนัด”



แล้วผมก็ต้องนั่งซ้อนท้ายมันไปโดยที่มีถุงฟันดาบนั่นวางอยู่บนตักตลอดทาง 




TBC


ใจจริงว่าจะลงตอนที่หกตั้งแต่วันที่ยี่สิบเจ็ดแล้วค่ะ แต่ลงไปแล้วพอกดโพสตัวหนังสือมันดันไม่เหมือนกับที่เซ็ตไว้เลยลบออกกะว่าอีกวันจะลองดูก็ยังเหมือนเดิม รอบนี้ก็ด้วยก็เลยตัดใจโพสเลยดีกว่า ถ้าตัวหนังสือมันแปลกๆ ไปก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ พยายามเปลี่ยนตัวหนังสือแล้วมันก็ไม่ได้อยู่ดี เราเองก็ไม่ชอบเลยที่ตัวหนังสือมันเป็นแบบนี้ ดูอ่านแล้วไม่ค่อยสบายตา ถ้าแก้ไขได้จะเข้ามาแก้อีกทีค่ะ 
ส่วนนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้เจอกันบนสนาม ตอนแต่งนี่ค่อนข้างยากนิดนึง ใช้เวลาเยอะด้วยเพราะต้องอ่านข้อมูลไปแต่งไปค่ะ ไม่อยากเขียนไปโดนไม่อิงข้อมูล เดี๋ยวพลาด แต่ก็อาจจะมีพลาดอยู่บ้าง ใครเจอตรงไหนท้วงได้นะคะ ตอนที่อ่านเกี่ยวกับกีฬาฟันดาบมันสนุกมากเลยค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งแต่งก็ยิ่งรู้สึกว่าคนที่เล่นกีฬาชนิดนี้นี่เท่จังเลยน้า แล้วก็จินตนาการเป็นปอนด์กับริน โอ้โห เขินเอง 555555 
ขอบคุณสำหรับการติดตามแล้วพบกันตอนหน้านะคะ 
ขอบคุณสำหรับข้อติติงและคำผิดด้วยค่ะ เราจะไปตามแก้อีกรอบแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากมากเลยค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย คราม เมื่อ Fri May 30, 2014 9:04 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง (Reason for editing : แก้คำผิด)
คราม
คราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 41
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 6 Empty Re: Who’s the KING? } 6

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Thu May 29, 2014 11:41 pm

แตะเข้าไปที่หน้าแข้งของมันอีกที
“แตะกูอีกแล้วนะ”
ตรงนี้ต้องเป็น เตะ หรือเปล่าคะ 

เรื่องตัวอักษรนี่เป็นเหมือนกันค่ะ ไม่สามารถจะจัดการกับมันได้จริงๆ หมดปัญญา TOT

เลื่อมว่ากีฬาฟันดาบเป็นอะไรที่เท่มากค่ะ ต้องมีสมาธิและชั้นเชิงมากๆ ให้เลื่อมลงไปแข่งมีหวังโดนจัดการเรียบ ตอนนี้เลื่อมก็ยังแอบเชียร์นรินทร์เพราะทำตัวดี๊ดี น่ารักมาก แต่ทำไม๊ทำไมคาเรนต้องขัดตลอด ชริ 
ส่วนประมุขก็น่ารักขึ้นมานิดนึง ขอดูความประพฤติยาวๆ ่ก่อนนะ อิอิ
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 6 Empty Re: Who’s the KING? } 6

ตั้งหัวข้อ by Sier Fri May 30, 2014 4:21 pm

อ่านตอนนี้แล้วแอบเชียร์ รินxปอนแฮะ^^"
สนุกดีคะ เคยมีเพื่อนเป็นนักกีฬาเฟชชิ่งตอนแข่งเท่จริงๆ >_< (แต่อย่าให้เห็นตอนถอดหมวกนะ...)

" ทั้งสองคนถอดหน้ากากออกปรากฏใช้เห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆ"
ปรากฏ"ให้" หรือเปล่าค่ะ?
...(ความคิดส่วนตัว) คำว่าปรากฏมันขัดๆยังไงก็ไม่รุอะคะ

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 6 Empty Re: Who’s the KING? } 6

ตั้งหัวข้อ by 13cotton13 Mon Jun 02, 2014 9:35 pm

แหมมมมม
ปอนด์เพิ่งกลับใจมาเป็นคน(ปาก)ดีนะเนี่ย
นู๋แลนด์ก็ตามเค้าไปง่ายจังเลยลูกกกกก
13cotton13
13cotton13
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 129
Join date : 03/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Who’s the KING? } 6 Empty Re: Who’s the KING? } 6

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

แอออออออ ปอนด์เริ่มจะทำตัวดีขึ้นมาแล้ว!!
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ