กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Fairy Tell - บทที่ 2

+2
น้ำไหล
เลื่อมประภัสสร
6 posters

Go down

Fairy Tell - บทที่ 2 Empty Fairy Tell - บทที่ 2

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Fri Apr 11, 2014 10:06 am

บทที่ 2


“พี่เอก!! ช่วยวาด้วย!” เสียงที่ได้ยินอีกครั้งดึงสติของเขาให้กลับมาอยู่กับโลกปัจจุบันได้ไม่ยาก ดวงตากลมโตมองไปยังตะกร้าใบใหญ่ที่เป็นที่พักพิงของภูตน้อยเมื่อคืน แต่บัดนี้กลับว่างเปล่าเสียแล้ว…

เสียงสายน้ำกระทบพื้นที่แว่วออกมาถึงแม้จะไม่ดังมากแต่ก็สามารถทำให้เขาวิ่งมายืนอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ และด้วยความเป็นห่วงเอกภักดิ์จึงผลักประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไอความร้อนจำนวนมากพุ่งเข้ามาหาชายหนุ่มแล้วพากันเล็ดลอดออกไป ห้องน้ำขุ่นมัวไปด้วยหมอกไอจากความร้อน

“วา?” เอกภักดิ์ส่งเสียงถามออกไป เมื่อเห็นกลุ่มเงาตะคุ่มๆ อยู่ไม่ไกลนัก เขาเอื้อมมือไปปิดน้ำและเครื่องทำความร้อนลง

ความร้อนที่จางหายไปทำให้ชายหนุ่มเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ตรงหน้าเขาปรากฏภาพเด็กหนุ่มผิวขาวสว่างเจือสีชมพูบางเบาจากความร้อนที่รดรินผิวกาย แผ่นหลังและลาดไหล่สะอาดตาไม่มีรอยตำหนิแม้เพียงนิด ริมฝีปากอิ่มสีชมพู หูเล็กๆ ที่แหลมเรียวโผล่พ้นขึ้นมาจากผมสีน้ำตาลเข้มเข้ารูปที่เปียกลู่ระต้นคอ และดวงตาสีเขียวมรกตที่กำลังจ้องมองเขาอย่างเว้าวอน องค์ประกอบต่างๆ ที่ทำให้คนตรงหน้าดูแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป กลับช่วยขับความงามให้ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด เป็นภาพที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นด้วยตาตนเองมาก่อน

“พี่เอก…” ริมฝีปากอิ่มขยับเรียกชื่อบุคคลที่ยืนจ้องตนอยู่ เรียกสติชายหนุ่มให้กลับเข้าร่างได้ในที่สุด

เอกภักดิ์ส่งเสียงอึกอักในลำคอ วิ่งออกไปหยิบผ้าขนหนูผืนโตที่เขาใช้เป็นประจำมาพันร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้ลวกๆ ก่อนจะช้อนร่างนั้นขึ้นอย่างเบามือ

ผ้านวมที่กองอยู่ถูกกวาดลงจากเตียงแล้วแทนที่ด้วยเด็กหนุ่มที่ร่างกายยังคงเปียกชื้นอยู่ หยดน้ำที่เกาะตามผิวกายร่วงหล่นลงบนเตียง แต่บัดนี้เจ้าของเตียงแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเตียงของเขาจะเปียกหรือไม่

“พี่เอก… วาเจ็บ” เขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มจับข้อเท้าของตัวเองเอาไว้ตลอดเวลา

“เอ่อ… พี่ว่าวาใส่เสื้อผ้าก่อนแล้วนะ เดี๋ยวพี่ดูขาให้ครับ” เอกภักดิ์เดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนักโดยไม่ฟังคำทักท้วงของเจ้าตัว ไม่นานนักก็ได้เสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนกลับมาให้คนที่นอนอยู่บนเตียงใส่ แต่ก็ไม่พ้นเขาต้องช่วยใส่กางเกงให้เพราะเด็กหนุ่มเจ็บข้อเท้าจนไม่สามารถยืนได้

“สงสัยข้อเท้าจะแพลงนะ เจ็บมากไหมครับ?” วายุภัคพยักหน้าให้น้อยๆ เอกภักดิ์วางขาทั้งสองข้างลงบนเตียงอย่างเบามือที่สุด แล้วจึงไปเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ปฐมพยาบาลเด็กหนุ่มตรงหน้า ถือว่าโชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดของชายหนุ่มเขาจึงสามารถมีเวลาจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

ข้อเท้าเนียนตอนนี้มีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัดทั้งสองข้าง เขายกข้อเท้าขึ้นวางบนตักอย่างเบามือ แล้วใช้ถุงผ้าที่ใส่น้ำแข็งไว้จนเต็มค่อยๆ ประคบลงไป

“เจ็บไหมวา?”

“เย็นจัง” เอกภักดิ์ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคนที่ตอบไม่ตรงคำถาม

“แล้วนี่ปีกวาหายไปไหนแล้วล่ะครับ? เมื่อเช้ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมวาถึง…” ไม่ต้องรอให้จบคำถามดีวายุภัคก็เต็มใจที่จะเล่าเรื่องการผจญภัยในยามเช้าของตนเองให้คนตรงหน้าฟังแทบจะทันที






ภูตน้อยตื่นขึ้นพร้อมๆ กับดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาทักทาย ผิดกับเจ้าของห้องที่ยังคงหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา วายุภัคบินสำรวจไปเรื่อยๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตนเองยังไม่ได้ชำระล้างร่างกายจนรู้สึกเหนอะหนะตามเนื้อตัวไปหมด ตอนแรกภูตน้อยตั้งใจจะอาบน้ำตรงที่ตนเองล้างผักเมื่อคืน แต่จำได้ว่าเจ้าของห้องบอกว่ามีห้องน้ำอยู่ทางด้านซ้ายมือภูตน้อยจึงบินตรงเข้าไปอย่างไม่รอช้า

เมื่อเข้ามาในห้องน้ำภูตน้อยก็รีบถอดชุดที่ตนเองสวมใส่แล้ววางกองทิ้งเอาไว้กับพื้นก่อนจะยืนหลับตานิ่ง สักพักร่างกายก็ค่อยๆ ยืดขยายออกจนมีขนาดเท่ามนุษย์ปกติ ปีกบาง และแสงนวลตาที่ล้อมรอบกายค่อยๆ จางหายไป มือเรียวดันประตูปิดอย่างเบามือ และเริ่มออกเดินหาแหล่งน้ำที่จะใช้ในการชำระกาย เริ่มแรกภูตน้อยเดินตรงมายังอ่างล้างมือที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับอ้างล้างจานมากที่สุด แต่เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ในการยัดร่างกายของตนเองลงไปในอ่างที่ว่าแล้วภูตน้อยก็เดินถอยหลังกลับมาจนชนเข้ากับชักโครกที่วางเด่นเป็นสง่าอยู่ เจ้าตัวยืนมองดูปริมาณน้ำที่น้อยนิดพลางส่ายหัวไปมา รู้แบบนี้เมื่อคืนถามเจ้าของห้องให้เรียบร้อยก่อนเสียคงจะดีกว่านี้

ภูตน้อยเดินตรงเข้าไปยังส่วนในสุดของห้องแล้วพบกับฝักบัวที่แขวนเอาไว้อยู่สูงเหนือศีรษะตัวเองขึ้นไป เขาเห็นแท่นสีเงินรูปร่างคุ้นตายื่นออกมาจึงลองดึงดู แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาลองบิดไปทางขวาและพบว่ามีสายน้ำไหลออกมาอย่างบางเบา แต่วายุภัคยกยิ้มให้กับความฉลาดของตัวเองได้ไม่นานก็เริ่มยู่หน้าลง แหงนหน้ามองรูเล็กๆ ที่ปล่อยสายน้ำลงมา เขาลองบิดไปทางขวามากขึ้นอีกครั้ง และนั้นก็ทำให้เจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม

ขณะลูบไล้ไปทั่วร่างกายดวงตาเรียวก็เห็นปุ่มกลมๆ สีเงินๆ รูปร่างแปลกประหลาดเข้าจึงลองกดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น สายน้ำที่เย็นฉ่ำเมื่อครู่กลายเป็นสายน้ำอุ่นๆ เพียงชั่วพริบตา ภูตน้อยอุทานออกมาเบาๆ แล้วปล่อยให้สายน้ำอุ่นไหลพาดผ่านร่างชั่วครู่ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นขวดต่างๆ หลากสีสันวางเรียงรายอยู่ด้านข้างจึงนำมาเปิดดมดูและพบว่ามีกลิ่นหอมโชยออกมา

มือเรียวลองบีบขวดดูจนของเหลวข้างในไหลออกมาเลอะพื้นเต็มไปหมด บีบขวดนั้นที บีบขวดนี้ที สักพักก็เอามาถูจนเกิดฟองสีขาวเหมือนกับตอนที่ล้างมือเมื่อวาน เขานำฟองดังกล่าวถูไปจนทั่วร่างกาย แล้วก็เผลอเตะขวดต่างๆ ที่ตัวเองหยิบมาใช้แล้ววางทิ้งระเกระกะอยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ จนบางขวดก็ล้มคว่ำลง วายุภัคฮัมเพลงเบาๆ ออกมาจากลำคอ พลางเคลื่อนไหวไปมาด้วยความสุข ทันใดนั้นเขาก็เหยียบลงไปบนกองของเหลวต่างๆ ที่ไหนออกมาจากขวด

วายุภัคลื่นล้มลงกระแทกพื้นเสียงดัง พลางรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าอย่างรุนแรงจนน้ำตาไหลออกมา เขาพยายามพยุงตัวเองขึ้นด้วยขาข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ และเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหมายจะหมุนแท่นสีเงินไปอีกทางเพื่อหยุดสายน้ำ แต่แล้วเขาก็ล้มลงอีกครั้ง

ถึงแม้เขาจะพยายามพยุงตัวเองขึ้นมาแค่ไหน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับมีแค่ความเจ็บที่เพิ่มมากขึ้นบริเวณข้อเท้าทั้งสองข้าง เขาไม่สามารถจะคืนร่างกลับเป็นภูตได้ เพราะถ้าปีกของเขาเปียกน้ำเขาก็ไม่สามารถที่จะบินได้

เขาลองเรียกพระพายตามความเคยชินแต่ก็ไร้ผล เพราะสายลมที่มีอยู่ในห้องน้ำนี้มีปริมาณน้อยเกินกว่าที่จะหยุดสายน้ำได้ และสายลมที่พัดผ่านอยู่ด้านนอกก็ไม่สามารถแทรกตัวเข้ามาภายใน ทำได้เพียงแต่กระแทกหน้าต่างจนเกิดเสียงตึงเบาๆ อยู่หลายทีก่อนจะผละจากไป

วายุภัคมองไปรอบห้องน้ำที่ว่างเปล่า และเริ่มร้องหาความช่วยเหลือจากคนที่เขาพอจะนึกออก…




“วาต้องขอโทษพี่เอกด้วยที่ทำให้ลำบาก” วายุภัคเอ่ยพลางทำหน้าสลดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นมือที่ยังคงประคบถุงผ้าที่ข้อเท้าอย่างใจเย็น

“ไม่เป็นไรหรอกครับ วาไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว วะ… วา…ถอดเสื้อทำไมครับ?!” มือที่จับถุงผ้ารีบตะปบเสื้อที่ถูกเลิกขึ้นเกือบสุดลงอย่างรวดเร็ว

“วา
จะไปหยิบของ แต่สวมเสื้อตัวนี้แล้ววาบินไม่ได้”

“มันไม่ได้ทอจากใยของแมงมุมภูต ปีกของวางอกออกมานอกเสื้อไม่ได้ แล้ววาก็บินไม่ได้”

“ไม่ต้องบินไปไหนหรอก ว่าจะเอาอะไรครับ บอกพี่สิเดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”

“โอเค วาอยากได้กระเป๋า กับชุดของวาที่อยู่ในห้องนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปยังห้องน้ำที่เกิดเหตุ ร่างสูงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วลุกออกไป



“นี่คือยาภูตที่วาพกติดตัวมาด้วย สิ่งนี้น่าจะช่วยวาได้ พี่เอก วาขอถอดเสื้อนะ” ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอนุญาตคนตรงหน้าก็จัดการถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกอย่างรวดเร็ว มือเรียวสัมผัสกางเกงที่สวมอยู่ เพียงชั่วครู่ร่างที่เคยมีขนาดใกล้เคียงกับเอกภักดิ์ก็ค่อยๆ เล็กลงจนเหลือเท่าเมื่อวาน ปีกสีขาวที่ดูบอบบางปรากฏขึ้นกลางแผ่นหลังเนียน นิ้วเล็กๆ ป้ายเนื้อยาสีเขียวที่อยู่ในตลับลงบนข้อเท้าของตนเองไล้วนจนทั่วขณะที่ทำหน้าตาบูดเบี้ยวไปด้วย

ไม่นานนักภูตน้อยก็ขยายร่างกลับมาจนตัวเท่าเดิมแล้วสวมเสื้อตัวนั้นกลับไปอีกครั้ง เอกภักดิ์มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา บนโลกใบนี้จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้เห็นภาพน่าอัศจรรย์เช่นนี้

“เดี๋ยวพี่เอาผ้ายืดมาพันประคองข้อเท้าวาแล้วกันนะครับ ห้ามเดินไปไหนมาไหนล่ะรู้ไหม? อยากได้อะไรเรียกพี่เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“โอเค” เอกภักดิ์ยิ้มให้กับคำตอบรับที่ดูจะกลายเป็นคำพูดประจำตัวของวายุภัคไปเสียแล้ว

“พี่เอกจะไปไหน?” วายุภัคเอ่ยถามขึ้นเมื่อร่างสูงทำท่าจะลุกออกไปจากเตียง

“พี่จะไปล้างหน้าครับ”

“วาไปด้วยได้หรือไม่?” โดยไม่รอคำตอบวายุภัคก็ทำท่าจะถอดเสื้อออกอีกรอบ แต่คนที่ตัวโตกว่าก็ตะปบเสื้อเอาไว้ได้ทัน คิ้วเข้มๆ นั้นขมวดเข้าหากันจนมุ่น

“วาครับ ฟังพี่ก่อน ถ้าวาถามหรือขออนุญาต วาก็ควรจะรอคำตอบหรือคำอนุญาตก่อนเข้าใจไหมครับ?” น้ำเสียงดุๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทำเอาวายุภัคถึงกับมองหน้าคนพูดนิ่ง แล้วตอบรับเสียงอ่อย

ดูท่าอำนาจและความน่ากลัวจะถูกเปลี่ยนมือเสียแล้ว…




คนที่ตัวเล็กกว่าถูกยกตัวขึ้นบนขอบอ่างล้างหน้าอย่างง่ายดาย เอกภักดิ์เอื้อมมือไปหยิบหลอดโฟมล้างหน้าที่ใช้เป็นประจำออกมาแล้วอธิบายให้คนที่นั่งมองตาแป๋วอยู่ฟัง

เขาบีบโฟมล้างหน้าลงบนฝ่ามือ เปิดน้ำใส่เล็กน้อยและถูจนเกิดเป็นเนื้อโฟมนุ่มๆ แต่ยังไม่ทันได้แตะฟองนั้นเข้ากับหน้าตนเอง คนข้างตัวก็ส่งเสียงขึ้นมาอีก

“วาล้างหน้าด้วยได้ไหม? วาอยากใช้โฟม” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงนิ่งวายุภัคก็จ้องหน้าแล้วส่งเสียงออกมาอีกรอบ

“นะ นะ วาล้างหน้าด้วย”

“เอาแบบนี้นะเรามาแลกเปลี่ยนกัน ถ้าวาพูดตามพี่แล้วพี่จะให้วาล้างหน้าด้วยดีไหมครับ?” นิสัยขี้แกล้งผุดขึ้นมาจากซอกหลืบของจิตใจเอกภักดิ์อย่างช้าๆ

“ดีๆ โอเค” ไม่ว่าตอนนี้เขาพูดจะอะไรไปคนตรงหน้าก็คงยอมทำตามหมดเลยล่ะมั้งเนี่ย

“พี่เอกครับ ขอวาล้างหน้าด้วยได้ไหมครับ?” เอกภักดิ์พูดช้าๆ เหมือนสอนเด็กอนุบาลให้พูดตาม

“พี่เอกครับ ขอวาล้างหน้าด้วยได้ไหมครับ? นะ นะ น๊า นะครับ?” วายุภัคกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อได้รับโฟมมาอยู่ในฝ่ามือ เขารีบทำตามที่เห็นเอกภักดิ์ทำเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มัวเอาแต่ถูวนในมืออยู่อย่างนั้นจนเอกภักดิ์ล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย และยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนหยดน้ำจากใบหน้าหยดลงใกล้ๆ จึงเรียกความสนใจของวายุภัคขึ้นมาจากโฟมนุ่มๆ ในมือได้ แค่ชั่วพริบตาหน้าของวายุภัคก็เต็มไปด้วยหยดน้ำจากฝีมือคนที่ล้างหน้าเสร็จก่อน

“พี่เอก! วาเปียกนะ” น้ำเสียงขุ่นเคืองทำเอาเอกภักดิ์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

“ก็วาไม่ล้างหน้าสักที วันนี้จะเสร็จไหมเนี่ยเล่นโฟมอยู่นั่นแหละ วาเอาโฟมในมือถูกับหน้าตัวเองเบาๆ อืม… แบบนั้นแหละเก่งมาก ฮ่าๆๆๆ” เอกภักดิ์หลุดขำออกมาอีกรอบเมื่อเห็นอดีตภูตน้อยเมื่อคืนหน้าเต็มไปด้วยโฟมสีขาวจนเหลือแค่เพียงดวงตาที่โผล่ออกมาเขม่นเขาเมื่อโดนหัวเราะใส่

“เอ้า! วายื่นหน้ามาตรงนี้ เดี๋ยวพี่ล้างให้ หลับตาด้วยครับ” มือแกร่งใช้น้ำล้างโฟมออกจากใบหน้าเนียนนุ่มอย่างเบามือจนเสร็จแล้วก็แอบจะบีบจมูกรั้นๆ นั้นเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวไม่ได้ เรียกเสียงขุ่นจากคนโดนแกล้งได้อีกยกใหญ่

เอกภักดิ์เช็ดหน้าของตัวเองด้วยผ้าขนหนูขนนุ่มก่อนจะเผื่อแผ่ไปให้คนข้างกายใช้ด้วย เขาซับหน้าให้อีกฝ่ายเบามือจนแห้งสนิท พลางนึกแปลกใจนิสัยของตัวเอง เพราะปกติแล้วเขาจะไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่วันนี้เขากลับยอมยกผ้าขนหนูตัวเองให้เจ้าตัวแสบตรงหน้าใช้เสียได้

ขณะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มือทั้งสองข้างก็หยิบจับทำกิจวัตรเดิมๆ อย่างที่เคยทำ

“พี่เอกทำอะไร?”

“อ๋อ พี่จะโกนหนวดครับ”

“พี่เอกครับ ขอวาโกนหนวดด้วยได้ไหมครับ?” เอกภักดิ์ยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัวเมื่อวายุภัคเล่นยกประโยคคำพูดเมื่อกี้มาโดยไม่ต้องสอนซ้ำ แถมดูเหมือนอะไรก็น่าสนุกสำหรับเจ้าตัวไปเสียหมด

“ได้สิครับ… ถ้าวามีหนวด”

“หนวด?” แทนคำตอบเอกภักดิ์ก็จับมือเรียวมาถูกับคางตัวเองไปมาเบาๆ

“ฮ่าๆๆ จั๊กจี้ พี่เอกพอแล้ววาจั๊กจี้ คิกๆ” เอกภักดิ์ปล่อยมือของคนที่หัวเราะเสียงใสออกเบาๆ ก่อนจะเอื้อมไปลูบคางเรียวของคนตรงหน้าดูบ้าง เรียกเสียงครางอือในลำคอด้วยความรำคาญได้ไม่ยากขณะพยายามบิดหน้าหนี

“วาไม่เห็นมีหนวดสักหน่อย แบบนี้วาก็อดโกนหนวดสิครับ” เอกภักดิ์ยกยิ้มเล็กน้อย และเริ่มลงมือโกนหนวดของตัวเอง แต่ก็โดนคนข้างตัวจับเอาไว้เสียก่อน

“อย่างนั้นวาโกนหนวดให้พี่เอกนะ พี่เอกมีหนวด วาจั๊กจี้ ให้วาโกนหนวดนะครับ” เมื่อมีคนปล่อยลูกอ้อน ก็แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนแพ้ลูกอ้อนเป็นธรรมดา

เอกภักดิ์อธิบายวิธีการใช้มีดโกนไปพลางจับมือคนจิ้มหน้าตนเองที่มีโฟมโกนหนวดไปพลาง จนไม่วายโดนดุอีกรอบนั่นแหละเจ้าตัวแสบถึงจะสงบเสงียมลงได้เพราะกลัวไม่ได้โกนหนวด

“พี่เอกเอาหน้าเข้ามาใกล้วาทำไมรึ?”

“ก็วาจะโกนหนวดพี่ก็ต้องอยู่ใกล้ๆ สิครับ เดี๋ยววามองเห็นไม่ชัดไง” วายุภัคส่งเสียงตอบรับในลำคอแล้วเริ่มลงมือโกนอย่างตั้งอกตั้งใจ ต่างจากคนโดนโกนที่รู้สึกผิดที่ยื่นหน้าตัวเองเข้ามาใกล้ขนาดนี้ และภาวนาในการโกนหนวดจบลงไวๆ เสียที



หลังจากการโกนหนวดเสร็จสิ้นก็มีการแปรงฟันที่ทำให้วายุภัคสนุกได้อีกรอบ คราวนี้วายุภัคได้แปรงสีฟ้าขนนุ่มเป็นของตนเองสมใจ ทั้งคู่วางแปรงสีฟันของตนเองลงในแก้วน้ำแล้วออกไปหาทำอะไรกินกันโดยมีภูตน้อยวายุภัคขอทำนู้นทำนี่อยู่ตลอดเวลา

ตลอดช่วงเข้าเอกภักดิ์จึงต้องกลายเป็นพาหนะจำเป็น นำพาสารถีนาม วายุภัค ขึ้นหลังของตนเองเที่ยวชมรอบห้อง และอธิบายการใช้ หรือข้อสงสัยต่างๆ ที่อีกฝ่ายมีอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นอีก




วายุภัคนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาระหว่างรอเอกภักดิ์ปลอกมะม่วงมาให้กิน แต่อยู่ดีๆ เจ้าแท่งเหล็กทรงสี่เหลี่ยมอันเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะก็ส่งเสียงดังขึ้น ทำเอาคนที่นอนอยู่ถึงกับลุกขึ้นมานั่งแล้วร้องเรียกคนที่น่าจะรู้เรื่องดีที่สุดทันที

“พี่เอก!! ไอ้นี่มันร้องไม่หยุดเลย! พี่เอกอยู่ไหน?” เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกยังไม่มา เจ้าแท่งเหล็กก็ส่งเสียงไม่เลิก แถมยังมีการสั่นราวกับจะขู่เสียอีก วายุภัคถอยกรูดไปอยู่ติดมุมโซฟาให้ไกลจากมันมากที่สุดแทน

“คร้าบๆ พี่มาแล้ว” ชายหนุ่มเดินกลับมาพร้อมจานผลไม้ และหยิบโทรศัพท์ที่กำลังบรรเลง Canon in D อยู่ขึ้นมา

“ว่าไงไอ้ยุ… พรุ่งนี้เหรอ? ไม่ว่างว่ะ เสียใจด้วย… เชิญเถอะ ถ้ามันยอมไปด้วยนะ… เสือกครับ เออ แค่นี้นะเว้ยยุ่งอยู่” เอกภักดิ์ตัดสายทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาเห็นคนที่เกาะติดอยู่กับมุมโซฟาค่อยๆ คลานเข้ามาหา

“พี่เอกพูดกับใคร?” วายุภัคมองเจ้าสิ่งที่ส่งเสียงเมื่อครู่อย่างไม่ไว้ใจ

“อ๋อ เพื่อนพี่เอง นี่คือโทรศัพท์เอาไว้ติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่ไกลจากเรามากๆ ไงครับ แล้วเวลามีคนอยากจะติดต่อเรามามันก็จะร้องแบบมะกี้ที่วาได้ยินแหละครับ”

“พี่เอก วาอยากได้โทรศัพท์” ซื้อหวยให้มันถูกแบบนี้สิน่า

“แล้ววาจะเอาไปคุยกับใครล่ะครับ?”

“พี่เอก” นิ้วเรียวชี้ตรงมาที่เขา เอกภักดิ์ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้

“โอเค งั้นพรุ่งนี้พี่พาวาไปซื้อโทรศัพท์ดีไหมครับ แล้วก็ไปซื้อผักกับผลไม้ด้วย”

“จริงรึ? พี่เอกต้องพาวาไปจริงๆ นะ เรามาทำคำมั่นสัญญากันดีกว่า พี่เอกเอามือมาเร็ว” มือเล็กๆ นั่นตรงไปจับเข้าที่ปลายชายเสื้อของตัวเองทันทีแต่ไม่กล้าถอดเพราะกลัวโดนดุ ได้แต่มองคนตรงหน้าส่งสายตาปริบๆ มาให้แทน

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง วาไม่เชื่อใจพี่เหรอครับ? พี่ไม่หลอกหรอกน่า แต่มีข้อแม้นะ วันนี้วาต้องไม่ดื้อแล้วก็เชื่อฟังพี่ และอีกข้อคือถ้าข้อเท้าวาหายเจ็บ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายเจ็บเราจะไปกันหลังจากที่ข้อเท้าวาหายดีแล้วนะครับเข้าใจไหม?”

“อืม... โอเค” เอกภักดิ์ลูบหัวได้รูปที่กำลังจิ้มมะม่วงกินอย่างเอ็นดู ก่อนวายุภัคจะเงยหน้าขึ้นมาหาเขาอีกรอบ แล้วเอ่ยถามเสียงใส

“เสือก… แปลว่าอะไรเหรอพี่เอก?” เอกภักดิ์ไม่รู้จะโทษคนตรงหน้าที่ซึมซับสิ่งต่างๆ ได้เร็ว หรือโทษตัวเองที่เผลอพ่นคำเหล่านี้ออกมาดี




---------------------------------------------------------




รถแลนด์โรเวอร์สีฟ้าขับมาจอดเทียบหน้าบ้านหลังหนึ่ง คนในรถเดินเข้าในบ้านอย่างง่ายดายเพราะประตูรั้วที่หน้าบ้านไม่ได้ล็อคกุญแจเอาไว้ เขาเดินตรงไปถึงห้องนั่งเล่น และพบว่าเจ้าของบ้านกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์ แต่พอเห็นหน้าเขาเท่านั้นหนังสือพิมพ์ก็ถูกพับแล้วเขวี้ยงลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์แทน ชายหนุ่มยกมือไหว้ พร้อมก้มหัวให้เล็กน้อย

“สวัสดีครับคุณชโยธรณ์ คุณนายอยู่ไหนเหรอครับ?” เจ้าของบ้านไม่ตอบคำแต่ยกนิ้วชี้ไปด้านข้าง แล้วยกมือโบกราวกับจะไล่เขาไปให้พ้นๆ ชายหนุ่มเลือกที่จะยอมแพ้แล้วเดินเลี่ยงออกมา ไม่นานนักก็เห็นเป้าหมายตรงหน้าที่ไม่ทันระวังตัว เขารีบพุ่งเข้าไปชาร์ตทันที!



“คุณนาย!!” ชายหนุ่มตะโกนเรียกเสียงดัง จนคนที่ถูกอุ้มถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่สามารถหนีเงื้อมมือเขาได้พ้น ชายหนุ่มจัดการอุ้มคนที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ตายแล้วตายุ เดี๋ยวเถอะเรา ปล่อยแม่ลงเดี๋ยวนี้นะ!” น้ำเสียงตกใจค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงดุราวกับจะเอ็ดเขาอยู่กลายๆ แต่ก็ไม่จริงจังเท่าไหร่นัก

“ไม่ได้หรอกคุณนาย นี่เป็นบทลงโทษที่คุณนายไม่ออกมาต้อนรับลูกชายสุดที่รักไง” ชายหนุ่มกดริมฝีปากและจมูกโด่งลงไปบนแก้มนิ่ม แล้วจับผู้หญิงในอ้อมแขนหมุนจนเป็นวงกลม

“ตายุ!! หยุดหมุนได้แล้วแม่เวียนหัว แล้วพ่อเขาออกมาต้อนรับเราหรือเปล่าล่ะ ไปจับพ่อหมุนนู้นไป” ในที่สุดเขาก็หยุดหมุนและปล่อยให้คนในอ้อมแขนเป็นอิสระได้เสียที

“คุณนายก็ รายนั้นลองผมทำก็โดนยิงหัวพรุนกันพอดี คนอะไรโหดร้ายแม้กระทั่งกับลูกชายตัวเอง”

“เนี่ยไปหาป๊า ป๊าก็ไล่มาหาคุณนาย มาหาคุณนาย คุณนายก็ไล่ไปหาป๊า ตกลงบ้านนี้ไม่มีใครรักผมเลยใช่ไหม ฮึ" ชายหนุ่มทำปากยื่น สูดลมจนแก้มป่องปากราวกับเด็กที่ถูกขัดใจ แม้แต่ไอ้เพื่อนรักก็ยังปฏิเสธคำชวนของเขาได้ลงคอ

"งั้นผมไปหาสุดที่รักของผมดีกว่า… เดี๋ยวมานะคุณนายฝากบอกป๊าด้วย” เขาหันกลับมาโบกมือให้ผู้เป็นแม่แล้วเดินออกจากบ้านไป

“ไปดีมาดีนะ ระวังที่รักเราเขาจะเอาปืนมาไล่ยิงแทนพ่อเราล่ะ” สริดาตะโกนไล่หลังลูกชาย แล้วหันกลับมาดูแลต้นไม้ของตนเองต่อ






---------------------------------------------------------






“ถ้าวานอนกับพี่ วาอาจจะโดนพี่กอดก็ได้นะ แล้ววาก็จะนอนไม่สบายตัวอึดอัดจะตาย” สาเหตุที่เอกภักดิ์ต้องเอ่ยขู่พลางยกเหตุผลมาประกอบเพราะคนตรงหน้าเอาแต่จะนอนบนเตียงกับเขาท่าเดียว เขาจะแยกไปนอนบนโซฟาก็ไม่ยอมอีก แต่จะเรียกว่าขู่เสียทีเดียวก็คงไม่ถูกหรอก เขาชอบกอดอะไรสักอย่างก่อนจะหลับอยู่แล้ว มันทำให้รู้สึกสงบ สบาย แล้วก็อบอุ่นใจดีออก

“เอาสิ! วาชอบกอด กอดแบบนี้ใช่หรือไม่พี่เอก?” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวสาธิตให้ดูเสียเรียบร้อย จนคนโดนกอดได้แต่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง เกิดมานอกจากอติกันต์แล้วเขาก็ยังไม่เคยเจอคนที่พุ่งเข้ามากอดเขาแบบนี้มาก่อนเลย

“พี่เอกนอนเถอะวาง่วงแล้ว” หลังจากพูดจบวายุภัคก็ผลักเอกภักดิ์ให้นอนลงบนเตียง ดึงผ้านวมที่วางอยู่ขึ้นมาถึงอก ขยับตัวจนได้ตำแหน่งที่สบาย หลับตาพริ้มแล้ววาดแขนขวาผ่านอกคนตัวโต พลางส่งเสียงออกมาเอ่ยราตรีสวัสดิ์คนข้างกาย


แกะตัวที่สามในหัวของเอกภักดิ์ยังไม่ทันกระโดดข้ามรั้วสำเร็จ เสียงลมหายใจที่ของคนด้านข้างก็บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วเขาล่ะ… คืนนี้เขาจะต้องนับแกะอีกกี่ตัวกัน




วันนี้เอกภักดิ์ต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยการทึ้งหัวตัวเองอยู่บนที่นอน หลังจากตกใจตื่นนึกว่าโดนกุมารแกล้งด้วยการกระโดดเล่นบนเตียง

แต่ที่ไหนได้สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นคนที่เจ็บข้อเท้าเมื่อวานกำลังกระโดดอย่างสนุกสนานอยู่บนเตียงจนเขาหัวสั่นหัวคลอนไปหมด

เอกภักดิ์จึงต้องทำตามสัญญาของเมื่อวานด้วยการพาไปซื้อโทรศัพท์และของกิน หลังจากปลุกปล้ำให้วายุภัคปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้สำเร็จ เขาก็ออกรถมากับเด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาวไซส์เล็กสุดในตู้เสื้อผ้า กับรองเท้าแตะของเขาที่ดูจะใหญ่กว่าเท้าของวายุภัคอยู่มากพอดู ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเดินอย่างยากลำบาก และมักจะเผลอเดินลากเท้าอยู่บ่อยๆ




เอกภักดิ์หันกลับมาเช็คเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง จับผมด้านข้างมาปิดหูแหลมๆ เอาไว้จนมองไม่เห็น ทบทวนกฎข้อตกลงอีกครั้ง เขาแบฝ่ามือขึ้น ก่อนที่ฝ่ามือเล็กๆ จะตามมาประกบแล้วออกแรงลากเขาเข้าห้างไป

เขาพาวายุภัคมาซื้อเสื้อผ้าก่อนเป็นอย่างแรก ด้วยการเลือกชุดนู้น หยิบชุดนี้ แล้วบังคับให้เด็กหนุ่มเข้าไปลอง โดยมีเขานั่งเฝ้าและพิจารณาชุดอยู่หน้าห้องลองเสื้อผ้า เขาพยายามเลือกเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย และถ้าเป็นไปได้เขาก็จะเลือกชุดที่ผลิตมาจากเส้นใยธรรมชาติให้มากที่สุด

หลังจากได้จำนวนชุดเป็นที่น่าพอใจ เขาก็จัดการลากเด็กหนุ่มเข้าร้านรองเท้าเป็นร้านต่อไป และจบลงที่ร้านโทรศัพท์ด้วยการเลือกรุ่นที่ง่ายที่สุดจากปากของเจ้าตัว “เอาเหมือนพี่เอก”

เอกภักดิ์หิ้วของพะรุงพะรังไปเก็บที่รถจนเสร็จ สอดตัวเข้าไปประจำที่นั่งรถขับแล้วเตรียมออกรถ แต่วายุภัคกลับไปยอมเข้ามาเสียที ทันทีที่เขาเปิดกระจกลงวายุภัคก็ชะโงกหน้าเข้ามาจนใกล้

“ของกิน!!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดของคนพูด เขาเอ่ยขอโทษแล้วพาคนโมโหหิวมาสิงสถิตอยู่ในซุปเปอร์ฯเป็นการชั่วคราวแทน

วายุภัคเกาะแขนเขาเอาไว้พลางเอ่ยถามนู้นถามนี่ไปตลอดทาง สักพักก็วิ่งไปหยิบบางอย่างมาถามเขาว่าอันนี้กินได้ไหม? มีเนื้อสัตว์หรือเปล่า? พอรู้ว่าไม่มีก็จะส่งเสียงหวานมาให้เขา “พี่เอกครับ ซื้ออันนี้ให้วานะ?” และทันทีที่เขาพยักหน้าของชิ้นนั้นก็จะลอยเข้ามาอยู่ในรถเข็นราวกับมีเวทมนตร์

แต่เดินไปไม่เท่าไหร่เจ้าตัวแสบก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ในรถเข็น โดยมีผู้เป็นแม่คอยเข็นและกำราบลูกชายไปพร้อมๆ กัน วายุภัคหันมาส่งสายตาวิบวับให้เขา “พี่เอกครับ ขอกันนั่งแบบนั้นนะ?” แล้วคนอย่างเขาจะไปทำอะไรได้ล่ะนอกจากพยักหน้าไปตามระเบียบ

เอกภักดิ์กับวายุภัคเลือกซื้อของกันไปได้สักพักจนมาหยุดอยู่แถวๆ ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม มีทั้งชีส โยเกิร์ต เนย และนมหลากหลายสีสันหลากหลายยี่ห้อตั้งวางเรียงรายกันอยู่ในชั้น ทันใดนั้นหางตาของเอกภักดิ์ก็เหลือบไปเห็นคนที่หน้าตาคุ้นเคยเข้า อีกฝ่ายที่เห็นก็ทำตาโตพลางยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าของเขา



“ไอ้เอก / ไอ้ยุ”



“เสือก…” เสียงนิ่มๆ ดังออกมาจากปากคนที่นั่งฉีกยิ้มตาแป๋วอยู่ในรถเข็น



 sunny เวิ่นอีกแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เขียนไปมันจะสั้นลงๆ เรื่อยๆ

หน้าตารถอชรายุ
Fairy Tell - บทที่ 2 Ixvyf6


แก้ไขล่าสุดโดย เลื่อมประภัสสร เมื่อ Sun Apr 20, 2014 4:05 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 2 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 2

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Fri Apr 11, 2014 9:21 pm

โอ๊ยยยยยย วาาาาาา 555555555
น่ารักก็น่ารัก แต่แบบ....... ความซื่อนี่มันอัลไลกัน อ๊ากกกกกกกก #ตัวแตกตาย
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 2 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 2

ตั้งหัวข้อ by มอคราม Mon Apr 14, 2014 5:01 pm

น่ารัก อ๊ากกกกกกกก อ่านไปเขินไป >/////<

=v= ชอบฉากโกนหนวด 5555
มอคราม
มอคราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 141
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 2 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 2

ตั้งหัวข้อ by หมึกจีน Tue Apr 15, 2014 12:08 am

เริ่มมองเห็นคู่เป็นตัวเป็นตน ....ทีแรกเห็นคุณภูตอายุมากกว่า นึกว่าตาเอกจะโดนกินซะอีก ชริ ๆ อิ ๆ กลายเป็นภูตน้อยโมเอะ เป็นเคะอ้อนแทนเสียแล้ว หุๆ
หมึกจีน
หมึกจีน
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 81
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 2 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 2

ตั้งหัวข้อ by 13cotton13 Thu May 01, 2014 12:56 pm

อ่านแล้วรู้สึกหลงรักน้องวา
วาช่างเป็นภูติน้อยที่น่ารักกกกกกก
13cotton13
13cotton13
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 129
Join date : 03/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 2 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 2

ตั้งหัวข้อ by Sier Mon Jun 02, 2014 1:13 pm

ให้อารมณ์เหมือนเลี้ยงต้อยจัง~
น้องวาน่ารักมากกกก

แบบสงสัยขนาดตัวของน้องอะคะ
ตอนแรกว่ามีขนาดเท่ามนุษย์ปกติพอมาเทียบกับเอกแล้วตัวเล็กกว่า (อันนี้เข้าใจได้ว่าน้องน่าจะตัวเล็ก) ใส่เสื้อผ้าไซน์เล็กสุดของเอกได้ ถึงจะหลวมไป...
แต่... ไซน์ขนาดนั้นจะลงไปนั่งในรถเข็้นในซุปเปอร์ได้หรอคะ??

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ