กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Fairy Tell - บทที่ 3

+2
หงส์ดิน
เลื่อมประภัสสร
6 posters

Go down

Fairy Tell - บทที่ 3 Empty Fairy Tell - บทที่ 3

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Mon Apr 14, 2014 10:31 pm

บทที่ 3

ประกายสีทองที่อยู่ตรงหน้าดูเย้ายวนราวกับจะเชิญชวนให้คนที่ผ่านมาพบเจอหยิบมันกลับไปครอบครอง เสียงของความต้องการและเหตุผลเถียงกันไม่หยุดหย่อน มือเรียวเอื้อมมือออกไปตรงหน้าก่อนจะดึงมือตัวเองกลับมาราวกับหักห้ามใจได้สำเร็จ แต่แค่ชั่วพริบตาก็กับไขว้คว้าราวกับโหยหามาเนิ่นนาน

ในที่สุด… ความต้องการก็เป็นฝ่ายชนะ มันบดขยี้เหตุผลอย่างไร้ความปราณี

“ใช่แล้วๆ ไม่ใช่เงินของเราสักหน่อย อยากชวนมานักก็จ่ายไปสิ เอากี่กล่องดีน๊า… 3 หรือ 4 ดี” ยังไม่ทันจะได้หยิบตามใจปรารถนาสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า!

“ช็อกโกบี!!! เขาเอามาขายที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แบบนี้มันต้อง… เฮ้ย! ปล่อยๆๆ จะลากกันต์ไปไหน ปล่อยกันต์นะพี่ยุ!!” อติกันต์พยายามดิ้นรนให้พ้นจากเงื้อมมือมาร แต่สุดท้ายเขาก็โดนลากออกไปด้วยไม่สามารถต้านคนที่แข็งแกร่งกว่าได้

“กันต์มากับพี่แป็บเดียว แป็บเดียวจริงๆ พี่เอ่อ… พี่มีเรื่องจะให้ช่วย”

“ปล่อยนะ กันต์จะกลับไปหาช็อกโกบี!!” อติกันต์ตะเกียดตะกายพยายามจะกลับไปหาช็อกโกบีที่รัก

“เดี๋ยวพี่ซื้อให้ 10 กล่องเลย” ทันทีที่ได้ยินอติกันต์ก็นิ่งสนิทราวกับตุ๊กตาที่โดนถอดถ่าน ก่อนจะยอมเดินตามไปแต่โดยดี

“ถ้าโกหก กันต์จะกัดหูให้ขาดเลยนะบอกไว้ก่อน” เจ้าตัวพูดขู่พร้อมโชว์เขี้ยวแวววาวให้ดู

“เออน่า จะกัดอย่างอื่นพี่ก็ยอม”

“อ่ะจะให้ช่วยอะไรก็ว่ามา” อติกันต์เอ่ยถามคนที่ยังคงเดินลากเขาไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่กับที่ มองซ้ายทีขวาที แล้วเอ่ยขึ้น

“คือ… เอ่อ… ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยดิ พี่ปวดฉี่”

“ห๊ะ!!!” อติกันต์เผลอร้องเสียงดังเสียจนคนที่อยู่รอบข้างหันมามองเป็นตาเดียว จนเขาต้องก้มหัวไปรอบๆ เป็นเชิงขอโทษ

“อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย พี่ยุอย่ามาตลก รีบๆ เข้าไปเลยไป” อภิกันต์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจขณะพยายามดันผู้ชายที่พกความสูง 190 เซนติเมตรมาด้วยเข้าไปในห้องน้ำ

“ช็อกโกบี…”

“เออๆๆ จะเข้าก็รีบๆ เข้าไปดิ” ถ้าไม่ใช่เพราะช็อกโกบีเขาไม่ยอมเข้ามายืนเป็นไอ้โรคจิตในห้องน้ำแบบนี้แน่นอน!!




อติกันต์กอดถุงใส่ขนมเอาไว้แน่นราวกับจงอางหวงไข่ ยิ่งมองก็เหมือนยิ่งตกอยู่ในมนต์สะกด อติกันต์เอื้อมมือไปหยิบขนมถุงหนึ่งขึ้นมาดม สักพักก็เปลี่ยนมาหยิบขนมอีกกล่องขึ้นมาดม ได้กลิ่นกล่องก็ยังดีล่ะน๊า…

“กันต์รู้ไหม ตอนนี้กันต์เหมือนพวกโรคจิตเลยล่ะ” กำปั้นกับสายตาขุ่นเคืองถูกส่งมาให้คนขับที่ขับรถไปแอบเหล่คนข้างตัวไป

“แต่ไม่เป็นไรนะ ต่อให้กันต์จะเป็นโรคจิตพี่ก็ชอบ หึหึหึ” โดยปราศจากคำพูดใดๆ อติกันต์ก็ชูนิ้วที่คิดว่าเหมาะสมกับคนตรงหน้าให้ทันที ก่อนจะหันกลับมาสนใจเหล่าขนมในถุงต่อ


ถ้าจะถามว่าความสัมพันธ์แปลกประหลาดนี้เริ่มต้นได้อย่างไรคงจะต้องเท้าความกลับไปไกลน่าดู เขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอชรายุเริ่มเข้ามาอยู่ในชีวิตของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เท่าที่จำความได้ เขาเห็นผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กอนุบาลตัวเล็กๆ เลยทีเดียว

อชรายุ… คนที่ทำตัวราวกับเป็นเงาของพี่ชายเขา ไม่ว่าพี่ชายเขาจะอยู่ที่ไหน ที่นั่นจะมีอชรายุอยู่ด้วยเสมอ เรียกได้ว่าทั้งคู่ซี้กันยิ่งกว่าปาท่องโก๋ในกระทะเดียวกันเสียอีก

อชรายุเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งที่ปรึกษา และบางครั้งก็ยังทำตัวเป็นบอดี้การ์ดให้พี่ชายเขาด้วย ซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องธรรมชาติที่เพื่อนของพี่ชายจะสนิทกับเขาผู้เป็นน้อง เหมือนกับการซื้อของแล้วได้ของแถมดีๆ สักอย่าง



ถึงแม้ตอนแรกเขาจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้ที่มาแย่งพี่ชายไปจากเขาก็ตามที แต่ถ้าไม่ได้คนคนนี้เขาคงไม่มีรถที่ใช้ขับอยู่ในปัจจุบัน ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ช่วยติวและสอนการบ้านเขาตั้งแต่ขึ้นชั้นประถมจนจบมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง คนที่มักจะซื้อของกินมาให้เขาถึงแม้เขาจะไม่แน่ใจว่ามันเป็นของเหลือจากพี่เขาหรือเปล่าก็ตาม คนที่ให้ช็อกโกแลตทำมือกับเขาในวันวาเลนไทน์ทุกปีเพียงเพราะเขาชอบกิน คนที่ให้คำปรึกษาและคอยอยู่เคียงข้างเขาไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง พวกเขาทั้งสามคนจึงเติบโตมาด้วยกันราวกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ

พี่ชายของเขาบอกว่าอชรายุเป็นมนุษย์ที่มีไซแนปส์ห่างเลยรับรู้ความรู้สึกได้ช้า แล้วก็ไม่ค่อยจะรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่นัก ถ้าลองไปถามดูว่ารู้สึกยังไงบ้าง ชอบไหม เกลียดหรือเปล่า คำตอบที่ได้กลับมามักจะเป็นคำว่า “เฉยๆ” หรือ “ก็ดี” ถึงแม้จะมีผู้หญิงมาตามจีบอยู่หลายครั้งเจ้าตัวก็ดูไม่เคยออก จนฝ่ายหญิงเลิกชอบแล้วห่างไปเจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้ตัวอยู่ดีนั่นแหละ จึงไม่แปลกนักที่ผู้ชายคนนี้จะไม่มีแฟนมาจนถึงปัจจุบัน

แม้กระทั่งวิชาที่อยากเรียน คณะที่อยากเข้า อาชีพที่อยากทำ อชรายุคนนี้แทบจะไม่เคยมีเป้าหมายอย่างจริงจัง พ่อบอกให้เรียนวิชานี้อชรายุก็จะเรียน แม่บอกให้เข้าชมรมนี้อชรายุก็จะเข้า หรือพี่กับเขาบอกให้ทำอะไรคนคนนี้ก็จะทำให้โดยที่ไม่ปริปากบ่นแม้สักคำ โดยเป้าหมายในชีวิตของเจ้าตัว คือ อยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และทำให้คนรอบข้างตัวเองมีความสุขไปด้วย

ด้วยเป้าหมายในชีวิตแบบนี้อชรายุจึงพยายามทำสิ่งต่างๆ ให้คนรอบตัวมีความสุข และมักจะลองทำสิ่งต่างๆ อยู่เสมอเพื่อค้นหาความสุขในชีวิต

จนกระทั่งวันหนึ่งอยู่ดีๆ เจ้าตัวก็หมายมั่นปั้นมือจะเป็นเชฟขึ้นมาให้ได้เสียอย่างนั้น อชรายุบุกตะลุยทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เป็นเชฟ และกวาดรางวัลแข่งทำอาหารมาแล้วแทบจะทุกรายการทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ผู้ชายคนนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของรางวัลดื้อเงียบมือหนึ่ง เพราะถึงแม้จะดูเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความต้องการหรือเป้าหมายอะไรมากนัก แต่ถ้ามีเป้าหมายขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็อชรายุจะวิ่งเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัวราวกับวัวกระทิงที่กำลังคลั่งเลยทีเดียว



และจากการกระทำหลายๆ อย่างที่อชรายุมักทำให้พี่ชายของเขา มันทำให้เขาเชื่อและมั่นใจเอามากๆ ว่าผู้ชายที่อยู่ด้านข้างเขาตอนนี้จะต้องแอบคิดไม่ซื่อกับพี่ชายของเขาอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งเขาผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายที่น่ารักสมชื่อ อติกันต์ ที่แปลว่า น่ารักยิ่ง เขาย่อมต้องหาทางขัดขวางและป้องกันการเสียเอกราชของพี่ชายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าที่ไหนที่มีเอกภักดิ์ที่นั่นจะต้องมีอชรายุ และที่ไหนมีอชรายุที่นั่นจะต้องมีอติกันต์คนนี้!



จนกระทั่งเขาอยู่ ม.4 ความคิดของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป…


วันนั้นเขานั่งรออยู่ที่ประจำเพื่อรอราชรถมารับกลับบ้านตามปกติ โดยคนที่จะมารับเขาอยู่เป็นประจำก็มีแค่ 2 คน ไม่พี่ชายของเขาก็อชรายุผู้เป็นเพื่อนของพี่ ส่วนพ่อของเขาก็งานรัดตัวจนแทบไม่ได้กระดิกไปไหน ทุกวันนี้เอาแต่ภาวนาให้ลูกชายจบไวๆ และมารับช่วงต่อเท่านั้นเอง

เขานั่งรออยู่ไม่นานนักรถออฟโรดคันโตก็มาจอดเทียบ เขาปีนขึ้นไปอย่างยากลำบาก และแอบเตะรถไปหลายทีด้วยความโมโห แต่ถ้าเลือกได้เขาคงอยากเตะคนขับรถเสียมากกว่า


“พี่ยุสวัสดีครับ เมื่อไหร่พี่ยุจะเปลี่ยนรถอ่ะ กันต์ไม่ชอบคันนี้เลยมันปีนยากนะ” อติกันต์บ่นกะปอดกะแปดขณะรัดเข็มขัดนิรภัย

“เหรอ? พี่ไม่เห็นรู้สึกเลย กันต์ตัวเตี้ยเองมั้ง” อชรายุพูดหน้านิ่งราวกับพูดคุยเรื่องลมฟ้าอากาศประจำวัน และนั้นก็เป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้อติกันต์ผู้ไม่เคยสนใจเรื่องส่วนสูงยอมทำทุกอย่างเพื่อถีบตัวเองให้สูงขึ้น จนแซงหน้าเอกภักดิ์ผู้เป็นพี่ชายของตัวเองไปเล็กน้อย

“ปากหมานะพี่ยุ”

“ไหนๆ ดูดิในปากพี่มีกี่ตัว เฮ้ยๆ ล้อเล่นแค่นี้จะตบจริงเลยเหรอ?” อชรายุรีบหุบปากกลับที่เมื่อเห็นมือมารจะฟาดเข้ามาที่ปาก

“นี่กันต์วันหลังถ้าขึ้นลำบากเรียกพี่ไปอุ้มก็ได้นะ พี่ยินดี”

“ตลกป่ะ! กันต์ไม่ใช่ผู้หญิงนะ แต่อ้งมาอุ้มอะไร อยากอุ้มไปหาผู้หญิงมาอุ้มนู้นไป” น้ำเสียงหงุดหงิดบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่สบอารมณ์ เขาเลือกที่จะหันหน้าออกไปมองวิวที่อยู่นอกหน้าต่างมากกว่าจะมองหน้าคนที่ชอบกวนประสาทเขา

“แต่พี่ชอบกันต์นะ” แค่ประโยคเดียวก็ทำให้อติกันต์ต้องหันกลับมาจนคอเกือบจะเคล็ด

“ห๊ะ!!! มะกี้พี่ยุพูดไรนะขออีกรอบดิ กันต์ฟังไม่ถนัด”

“พี่บอกว่าพี่ชอบกันต์นะครับ”

“ฮ่าๆๆ พี่ยุล้อผมเล่นใช่ไหมเนี่ย ใช้ได้ๆ ตกใจหมดเลยอ่ะ มุกนี้กันต์ซื้อ” อติกันต์กุมท้องแล้วหัวเราะออกมาเสียเสียงดังเมื่อเห็นว่าคนด้านข้างเริ่มพัฒนามุกในการอำคนอื่นให้ตกใจ ก่อนจะต้องตกใจมากขึ้นเมื่อเจ้าตัวขับรถเข้าไปจอดข้างทาง

“หน้าตาพี่ดูเหมือนล้อเล่นเหรอกันต์ พี่ชอบกันต์จริงๆ นะ” ไม่พูดเปล่ามือที่เคยจับเกียร์เปลี่ยนมาจับมือคนตรงหน้าที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนปลาขาดอากาศหายใจอยู่ เมื่อเห็นอติกันต์ไม่พูดอะไรอชรายุจึงรีบเอ่ยต่อให้จบ

“ถ้ากันต์ไม่ว่าอะไร พี่ขอจีบกันต์อย่างเป็นทางการนะครับ” พูดจบรถออฟโรดคันโตก็กลับเข้าสู่ท้องถนนอีกครั้ง ขณะที่คนฟังได้แต่พยายามนั่งทำตัวลีบติดกับประตูให้มากที่สุด



สำหรับกระทิงดื้อตัวนี้แล้วมันไม่จบลงแค่นี้อย่างแน่นอน มันจะพุ่งชนไปเรื่อยๆ จนกว่าเป้าหมายนั้นจะพัง และก็แน่นอนแล้วว่าตอนนี้เป้าหมายที่กระทิงดื้อตัวนี้กำลังเล็งอยู่ก็คืออติกันต์ อดีตน้องชายเพื่อนคนนี้นี่แหละ…

ทันทีที่รถคันโตจอดสนิท อติกันต์ก็กระโดดลงจากรถโดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองหรือกล่าวคำขอบคุณแม้แต่น้อย

“ตามมาทำไม กลับบ้านไปเลยไป!” อติกันต์เอ่ยด้วยความไม่พอใจ พยายามจะดึงมือที่ถูกเกาะกุมเอาไว้ออก

“ไม่กลับครับ ธุระของพี่ยังไม่จบ” ยิ่งได้ยินเสียง ยิ่งได้เห็นหน้าคนตรงหน้าอติกันต์ก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ธุระอะไรอีก? ปล่อยกันต์นะพี่ยุ ปล่อยดิว่ะ บอกให้ปล่อย!!”

“เสียงดังอะไรกัน กันต์แกล้งพี่เขาอีกแล้วเหรอลูก” คุณากรผู้เป็นพ่อเดินออกมาจากบ้านหลังจากได้ยินเสียงดังเข้า

“สวัสดีครับคุณพ่อ / พ่ออ่ะ!!”

“ไหว้พระเถอะ มาๆ เข้าบ้านก่อนมากันเหนื่อยๆ” คุณากรยกมือขึ้นรับไหว้ พลางเอ่ยปากชวนคนที่ขับรถมาส่งลูกชายของตัวเองเข้าบ้าน ขณะที่สายตาก็เหลือบมองคนที่ยื้อยุดกันอยู่เป็นระยะๆ

“ทำไมพ่อกลับบ้านเร็วล่ะครับวันนี้ ปล่อยกันต์ได้แล้วพี่ยุ!”

“พ่อเหนื่อยก็เลยแอบแวบกลับมาก่อน” ผู้เป็นพ่อทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โยกตัวโปรด หยิบน้ำขึ้นมาจิบแก้กระหาย ขณะที่อชรายุทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นแทนที่จะนั่งบนโซฟาตามปกติ

“พ่อครับ ผมมีเรื่องจะขออนุญาตครับ” คุณากรพยักหน้ารับเจ้าตัวจึงเริ่มพูดต่อ

“ผมชอบอติกันต์ครับ ผมขออนุญาตคุณพ่อจีบน้องได้ไหมครับ?” คนถูกพาดพิงถึงกับอยู่ไม่สุข เขาไม่คิดว่าอชรายุจะกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดกับพ่อของเขา แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มร่า ถึงยังไงพ่อเขาก็คงไม่ยอมอยู่แล้ว ที่นี้เขาก็จะหลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ นี่เสียที

“หืม… ก็เอาสิ ถ้าจีบเจ้ากันต์ติดน่ะนะ” อติกันต์หุบยิ้มแทบจะทันที ตาที่โตอยู่แล้วกลับยิ่งโตขึ้นไปอีกหลายเท่า ขาเรียวรีบเดินหนีไปอยู่หลังเก้าอี้โยก ทันทีที่ตั้งสติได้เจ้าตัวก็โวยวายผู้เป็นพ่อเสียยกใหญ่

“พ่ออนุญาตได้ไงเล่า ปฏิเสธไปสิ! ผู้ชายคนนี้เขาจะจีบลูกชายพ่อนะ!!”

“รู้แล้วพ่อไม่ได้หูหนวกนี่ก็ฟังอยู่เมื่อกี้นี้ แต่ความรักของวัยรุ่นพ่อจะไปห้ามได้ยังไงล่ะ ไม่ให้คนเขารักกันบาปหนักนะลูก” ผู้เป็นพ่อมีสีหน้าราวกับกำลังดื่มด่ำในรสพระธรรม ไม่ได้สังเกตว่าลูกชายตัวเองบีบเก้าอี้ไม้ตัวโปรดจนแทบจะหลุดติดมือออกมาขณะที่สมองก็พยายามคิดหาทางรอด

“แต่… แต่… พ่อจะไม่ได้อุ้มหลานนะ พ่อยอมได้เหรอไม่ได้อุ้มหลานเลยนะ!” อติกันต์เอ่ยเสียงสูง

“หลานเหรอ? ไม่เป็นไรนี่พ่อยังมีเจ้าเอกอยู่อีกคน พี่ชายเราน่ะลืมแล้วเหรอ แต่ถ้าไม่มีหลานก็ดีเหมือนกันนะ พ่อเองก็แก่แล้ว แค่เลี้ยงเราพ่อก็เหนื่อยเหมือนเลี้ยงหลานสักสิบคนแล้วหละ”

“พ่ออ่ะ!! นี่พ่อจะปล่อยให้กันต์ไปอยู่ในมือผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ!” อติกันต์ชี้นิ้วไปทางผู้ชายคนที่ว่าด้วยท่าทีโมโห แต่กลับโดนผู้เป็นพ่อเอ่ยกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ อีกครั้ง

“เอาน่าๆ เขาแค่ขอจีบเฉยๆ ไม่ได้จะเอาเราเป็นเมียซะที่ไหน เราไม่ชอบเขาก็อย่าให้เขาจีบติดสิ” อชรายุพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำพูดนั้น มือยาวเอื้อมไปคว้านิ้วที่กำลังชี้ตัวเองเอาไว้จนคนโดยจับถึงกับสะดุ้งแล้วออกแรงดึงทันที

“พ่ออ่ะ!!! โว้ยปล่อยเลยไอ้พี่ยุ!!” ไม่พูดเปล่า อติกันต์กระแทกส้นเท้าลงไปบนฝ่าเท้าคนจับเต็มรัก แล้วเดินหนีขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว

“เป็นยังไงล่ะ ลูกพ่อดุนะยุ” คุณากรหันมาพูดกับคนที่จับหลังเท้าตัวเองไปมา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมจะใช้ความดื้อกำราบความดุให้ดูครับพ่อ” อชรายุเงยหน้าขึ้นมาตอบพลางยกยิ้มเล็กน้อย

ปัง!!!!

เสียงประตูที่ถูกกระแทกปิดลงราวกับจะตอบรับคำท้านั้น




หลังจากเข้าห้องมาได้อติกันต์ก็ระบายอารมณ์ลงกับหมอนข้างที่ใช้กอดนอนทุกคืน ความรู้สึกโมโหและน้อยใจแล่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้เพราะเขาไม่สามารถทำอะไรคนคนนั้นได้เลย กระทั่งผู้เป็นพ่อก็ยังไม่เข้าข้างเขาเลยแม้แต่น้อย…

พอได้ระบายอารมณ์จนเหนื่อยความรู้สึกสับสนกลับผุดขึ้นมาในใจอย่างเบาบาง เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะเชื่อในสิ่งที่อชรายุบอกตนเองหรือไม่ แล้วสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดว่าอชรายุมีใจให้พี่ชายของตนมันคือความเชื่อที่ผิดอย่างนั้นหรือ ไม่หรอก เพื่อนเขายังไม่เห็นมีใครทำให้เขาเหมือนที่อชรายุทำให้พี่ชายตนเลยสักคน แล้วเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปในเมื่อเขาไม่สามารถตอบรับความรู้สึกที่อชรายุมีให้เขาได้

อติกันต์เอนตัวลงบนเตียงอย่างหาทางออกไม่ได้ ในตอนนี้เขาแค่อยากหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทรา เพื่อจะตื่นขึ้นมาพบว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น

แต่ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งไม่ให้เขาได้นอนอย่างสงบ

กลิ่นหอมๆ ของอาหารเล็ดลอดเข้ามาภายในห้อง อติกันต์ลืมตาแทบจะในทันที แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น…

“กันต์ครับ พี่ทำข้าวผัดกุ้งตัวโตๆ มาให้ ออกมากินเร็ว” เสียงของคนที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดดังอยู่หน้าประตู คิดจะเอาอาหารมาล่อเขาขอบอกว่าเร็วไปร้อยปี เขาโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ!

“ใครจะไปอยากกินกัน รีบๆ เอาไปทิ้งเลยไป๊!” อติกันต์ตะโกนตอบตามแรงอารมณ์ จนคนที่อยู่ข้างนอกเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“กันต์จะออกมาดีๆ ไหมครับ?”

“ไม่ออก!!” ออกไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่อติกันต์น่ะสิ

แกร๊ก! สิ้นเสียงบานประตูก็เปิดออกจนคนที่นอนอยู่บนเตียงกระเด้งตัวขึ้นมายืนด้วยความตกใจ

“เฮ้ย!! พี่ยุเข้ามาได้ไง?!” ทันทีที่สมองประมวลผลได้อติกันต์ก็ตะโกนออกไปเต็มเสียง

“พ่อ!!!!!!!!”

“เบาๆ สิครับ คุณพ่อดูทีวีอยู่นะ” อชรายุเอามือข้างที่เหลือยกขึ้นมาจรดริมฝีปากเป็นเชิงดุ แล้วเดินเข้ามาใกล้

“โกรธพี่เหรอครับกันต์?” อชรายุเอ่ยถามคนที่นั่งหันหลังให้อยู่เตียง

“ไม่ได้โกรธ แต่กันต์แค่ไม่เข้าใจพี่ยุ อยู่ดีๆ จะมาชอบกันต์ได้ไง? อยู่กันมาตั้งกี่ปีพี่ยุพึ่งจะมาชอบกันต์ตอนนี้เนี่ยนะ? ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย” อติกันต์เอ่ยถามพลางขมวดคิ้วมุ่น

“มีสิ เหตุผลง่ายๆ ก็คือพี่ชอบกันต์ อยู่ใกล้ๆ แล้วก็มีความสุข เห็นกันต์ยิ้มพี่ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ เนี๊ยะพอพี่รู้ใจตัวเองปุ๊บพี่ก็บึ่งรถมารับกันต์ปั๊บเลยเห็นไหม?” คนพูดยังคงพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ราวกับกำลังพูดถึงกิจวัตรประจำวันของตัวเองอยู่ ขณะวางอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเตียง

“กันต์ว่าพี่ยุไปทบทวนความรู้สึกตัวเองให้ดีก่อนดีกว่านะ มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้”

“พี่ทบทวนความรู้สึกสิบกว่าปีที่อยู่กับกันต์มาหมดแล้ว แล้วพี่ก็พบว่าพี่ชอบกันต์ พี่ไม่ได้คาดหวังหรือเรียกร้องอะไร พี่แค่อยากให้กันต์รับรู้ความรู้สึกพี่ก็เท่านั้นเอง” อติกันต์อยากเอ่ยถามถึงความรู้สึกของคนตรงหน้าที่มีต่อมีชายตนเอง แต่ก็ทำได้เพียงแค่อ้าปากออก แล้วก็หุบลงอีกครั้งเท่านั้น

“ไม่ต้องรีบร้อนตอบอะไรพี่ตอนนี้หรอกกันต์ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ให้โอกาสพี่หน่อยนะครับ… ยังไงก็ตาม… อย่างน้อยก็ทานอาหารด้วยนะ พี่จะกลับแล้วล่ะอยู่นานๆ เดี๋ยวกันต์จะอารมณ์ไม่ดีเสียเปล่าๆ อย่าลืมทานนะครับ” อชรายุเอ่ยด้วยน้ำเสียงเว้าวอนแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้อติกันต์นั่งจมอยู่กับความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่นานนักเพราะกลิ่นอาหารที่อบอวลอยู่ดึงความคิดของเขาไปเสียหมด

อติกันต์หยิบจานข้าวใบโตพร้อมช้อนขึ้นมา ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับข้าวผัดกุ้งของโปรดความคิดทั้งหมดของเขาก็มลายหายไป…



นิสัยของอชรายุที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนสารภาพหรือหลังจากนั้น ทำให้อติกันต์สามารถวางตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยังคงไปเที่ยว พูดคุย และไปรับไปส่งกันตามปกติ ถึงแม้จะมีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาแทน เช่น คำพูดชวนเลี่ยน การบอกรักหน้าตาย แล้วก็แอบหาเศษหาเลยกับร่างกายของอติกันต์บ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น และนั้นทำให้ความสัมพันธ์แปลกๆ ระหว่างอชรายุกับอติกันต์ดำเนินมาได้จนถึงปัจจุบัน










“ฮัลโหลพี่เอก ทำไมไม่มาทำงาน” อติกันต์โทรศัพท์หาไปพี่ชายหลังจากเปิดประตูเข้าไปหาแต่กลับไม่พบเจ้าตัวอย่างที่ควรจะเป็น

“ไม่สบายเนี่ยนะ! กันต์ไม่เชื่อหรอก เขาบอกว่าคนบ้าจะไม่ป่วยนะ”

“ให้กันต์ไปเยี่ยมไหม? เดี๋ยวซื้อยากับของกินเข้าไปฝาก”

“โอเค พักผ่อนไปนะ กันต์ไม่กวนและ” ถ้าหวังว่าคนอย่างอติกันต์จะยอมเชื่อง่ายๆ ล่ะก็คิดผิดซะแล้วล่ะ

ผ่านไปไม่นานอติกันต์ก็สามารถหาเรื่องแวบออกมาจากที่ทำงานจนได้ เขาแวะซื้ออาหารนิดหน่อยเพราะคิดว่าพี่ชายของตนเองคงจะป่วยการเมือง เนื่องจากปกติแล้วเอกภักดิ์เป็นคนที่ค่อนข้างขยันทำงาน เรียกว่าเป็นมนุษย์บ้างานก็คงไม่ผิดนัก พี่ชายแทบจะไม่เคยลาหยุดเลย แต่วันนี้มาแปลกบอกว่าป่วยด้วยน้ำเสียงที่แค่ฟังก็รู้ว่าแกล้งทำ และเขานี่แหละที่จะสืบหาเหตุผลนั้นเอง



รถสปอร์ตสีแดงจอดเทียบใต้คอนโดหรูแห่งหนึ่ง อติกันต์ยื่นถุงขนมที่ซื้อติดมือมาให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก่อนจะเดินไปกดลิฟท์ด้วยความมั่นใจหลังจากเห็นรถสีเขียวคุ้นตาจอดอยู่

ไม่นานนักประตูลิฟท์ก็เปิดออก นิ้วเรียวกดเลข 12 ด้วยความเคยชิน ไฟในลิฟท์กระพริบช้าๆ บอกจำนวนชั้นที่มันเคลื่อนตัวผ่าน

ติ๊ง!

ชายหนุ่มร่างสูงเดินตรงไปยังห้องหมายเลข 126 อย่างไม่รีบร้อน ในมือมีถุงอาหารและคีย์การ์ดสีขาวที่ขยับไปมาตามจังหวะการเดิน

มือเรียวทาบแผ่นการ์ดสีขาวที่บริเวณประตู มันส่งเสียงร้องเบาๆ แล้วประตูก็ถูกเปิดออก…

ทันใดนั้นก็มีร่างๆ กระโดดเข้ามากอดจนอติกันต์จนเซไปชนกับขอบประตู

“พี่เอก” ร่างนั้นส่งเสียงเรียกขณะที่ยังกอดอติกันต์เอาไว้แน่น

ทันทีที่เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนที่กอดอยู่ไม่ใช่เอกภักดิ์เจ้าตัวก็ส่งเสียงร้องออกมาพร้อมๆ กับคนที่ถูกกอด

“อ๊ากกกกกกกกก” เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังแว่วมาตามทางเดิน เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังแว่วมาตามทางเดิน วายุภัคที่กอดอติกันต์เอาไว้แน่น และอติกันต์ที่มีวายุภัคห้อยอยู่บนตัวเหมือนลูกลิงหันไปมองทางต้นเสียง




“พี่เอก นี่ใคร!” ทั้งสองยกมือขึ้นชี้หน้าฝ่ายตรงข้าม แล้วพร้อมใจกันหันหน้ามามองเอกภักดิ์ที่วิ่งมาหยุดอยู่หน้าห้องเป็นตาเดียว…









 sunny 
ปล่อยท่านชายอติกันต์ออกมาเวิ่นบ้าง รู้สึกจะเก็บกดมานานค่ะ จัดซะชุดใหญ่เลย


แก้ไขล่าสุดโดย เลื่อมประภัสสร เมื่อ Thu May 01, 2014 11:40 am, ทั้งหมด 2 ครั้ง
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 3 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 3

ตั้งหัวข้อ by หงส์ดิน Mon Apr 14, 2014 11:08 pm

คู่ปรับคู่ใหม่รึเปล่าาา  แย่งพี่ชายกัน 5555
หงส์ดิน
หงส์ดิน
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 32
Join date : 07/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 3 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 3

ตั้งหัวข้อ by หมึกจีน Tue Apr 15, 2014 12:12 am

นึกภาพออกเลย ลูกลิงกระโดดเกาะต้นไม้ หุๆ แหม อีกฝ่ายก็ภูตน้อยขี้อ้อน อีกฝ่ายก็บราคอนติดพี่ชาย อย่างนี้เลือกไม่ถูกเลยสินะคะพี่เอก (ระวังอีตาพี่ยุหึงเอานะ หุ ๆ)
หมึกจีน
หมึกจีน
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 81
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 3 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 3

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Wed Apr 16, 2014 5:33 pm

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด #ตะโกนเสียงแหบแห้งเพราะพี่ยุ

แหม เจอกันเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 3 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 3

ตั้งหัวข้อ by 13cotton13 Thu May 01, 2014 1:00 pm

น้องกันต์นี่หวงพี่ชายจริงๆนะ
เจอน้องวาผู้น่ารักเข้าไปยังไงคงต้องยอมยกคุณพี่ชายให้น้องวาแหละน่า 55
13cotton13
13cotton13
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 129
Join date : 03/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 3 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 3

ตั้งหัวข้อ by Sier Mon Jun 02, 2014 1:31 pm

แอบปันใจไปให้พี่ยุล่ะ ^^ กว่าน้องกันต์จะยอม อีกนานไหมน่อ >_<~

ปล. รู้สึกเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยต่อกับต่อที่แล้วเท่าไรอะ

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ