กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Fairy Tell - บทที่ 13

4 posters

Go down

Fairy Tell - บทที่ 13 Empty Fairy Tell - บทที่ 13

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Sun May 18, 2014 12:11 am

บทที่ 13


                บริเวณชายป่าเกิดเส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างป่าเบญจพรรณของแดนภูตซึ่งเป็นป่าที่ต้นไม้มีการผลัดใบตามธรรมชาติเมื่อถึงเวลา กับป่าดิบชื้นที่ต้นไม้ไม่มีการผลัดใบทำให้แสงแดดยากแก่การส่องสว่างลงมายังพื้นดินด้านล่าง พื้นที่ป่าทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ก่อให้เกิดร่มเงามืดครึ้มไปทั่วทั้งผืนป่าจนได้ชื่อว่าอนธการที่หมายถึงความมืด ในตอนกลางวันป่าทั้งสองแห่งจะสามารถมองเห็นเขตแดนได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อถึงเวลาพลบค่ำการแยกแยะเขตแดนบริเวณชายป่ากลับลำบากยิ่งนักสำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญเส้นทาง
 
                ป่าทั้งสองแห่งมีอุณหภูมิ พันธุ์พืช และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในขณะที่ป่าแดนภูตอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลหมากรากไม้อยู่ตลอดเกือบทั้งปี ฝั่งป่าอนธการกลับมีแต่พืชผลที่ไม่สามารถรับประทานได้เสียเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงมีบางครั้งที่ฝั่งป่าอนธการคิดจะแย่งชิงดินแดนภูตมาเป็นของตน ถึงแม้ว่าโอกาสชนะนั้นจะดูริบหรี่ก็ตาม และครั้งนี้เหตุผลหนึ่งที่ผู้นำแห่งป่าอนธการทุ่มเทเวลาถึงสองปีเต็มในการส่องสุ่มกำลังไพร่พลก็เป็นเพราะต้องการกำราบเหล่าภูตทั้งหลายและแย่งชิงดินแดนเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในดินแดนของตนได้อิ่มหนำสำราญกันเสียที หลังจากต้องกินทุกอย่างที่พบเพื่อประทังชีวิตและล่าสัตว์ที่เดินผ่านหรือพลัดหลงเข้ามาเป็นอาหาร
 
                ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากันในดินแดนที่ตนถือกำเนิด ไม่มีใครก้าวไปข้างหน้าแม้สักก้าว ด้วยรู้ดีว่าเมื่อใดที่เพลี่ยงพล้ำเข้าไปในแดนของอีกฝ่ายพละกำลังจะลดลงกึ่งหนึ่งและไม่สามารถใช้เวทย์ได้ราวกับถูกใครบางคนสาปเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นสิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งผู้นำแห่งป่าอนธการได้อีก
 
                เวตาลยืนอยู่แนวหน้าในฝั่งป่าอนธการ รู้ร่างที่มองเพียงผิวเผินคงไม่ต่างจากค้างคาวผีมากมายนัก ดวงตากลมถลนจ้องมองหน้าเหล่าภูตที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว จมูกของมันยาวและคุ้มงอราวกับตะขอ ขณะที่ริมฝีปากอ้ากว้างออกจากกันจนเห็นซี่ฟันที่แหลมคม เช่นเดียวกับกรงเล็บที่ยื่นยาวออกมา แขนและขาของมันดูสั้นกว่าพวกภูตอยู่เกือบครึ่ง ปีกสีดำเหมือนค้างคาวกางอยู่ด้านข้างลำตัวในท่าเตรียมพร้อม ด้านหลังปรากฏสิ่งที่ดูคล้ายกับหางของแพะที่ยังโตไม่เต็มวัย
 
                ด้านหลังของเหล่าเวตาลมีสินธพกุญชรยืนเด่นเป็นสง่า เรือนกายของมันมีลักษณะคล้ายกับม้าเพียงแต่ผิวและขนทั้งกายกลับเป็นสีเขียวมรกต กีบเท้าทั้งสี่ข้างเป็นสีนิล ไม่ว่าจะมองสินธพกุญชรจากมุมไหนก็คงเห็นเป็นม้าอย่างไม่ผิดเพี้ยนแม้กระทั่งหางเป็นพวง ติดอยู่ก็เพียงแค่ศีรษะของมันที่มีงวงและงายื่นยาวออกมา ใบหูใหญ่โตแบบช้างโบกกระพืออยู่เนืองๆ และสิ่งนี้เองที่ทำให้รูปร่างโดยรวมของมันดูน่าขบขันเสียมากกว่าน่าเกรงขาม ราวกับมีใครจงใจย่อขนาดศีรษะของช้างมาใส่บนตัวม้าอย่างไรอย่างนั้น
 
                ด้านบนของไพร่พลแห่งป่าอนธการปรากฏร่างของอสุรวายุพักตร์กระพือปีกบินฉวัดเฉวียนไปมา ดวงตาที่กลมโตของมันดูดุดัน เขี้ยวแหลมโค้งยาวโผล่พ้นออกมาบริเวณริมฝีปากทั้งสองข้าง ครึ่งตัวบนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแลดูกำยำ ราวกับภูตที่ชื่นชอบการใช้พละกำลัง ครึ่งตัวล่างของมันที่มีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับนกอินทรี ท่อนขาแข็งแรงและทรงพลังรวมไปถึงกรงเล็บแหลมน่ากลัวประดับเอาไว้ที่ปลายเท้าทั้งสองข้าง บริเวณกึ่งกลางกองไพร่พลทั้งหลายมีบุรุษผู้หนึ่งที่ดูโดดเด่นเป็นสง่าด้วยอาภรณ์สีดำตลอดทั้งร่าง ผิวที่โผล่พ้นออกมาเป็นสีน้ำผึ้งแลดูเนียนละเอียด นัยน์ตาสีเขียวมรกตแวววาว และหูเล็กแหลมเรียวเช่นเดียวกับพวกภูต บนศีรษะมีเขายาวสีดำสนิทราวกับเครื่องประดับชิ้นงาม เช่นเดียวกับปีกด้านหลังที่ทำให้ดูน่ากลัวและน่าเกรงขาม พร้อมกับหางยาวปลายแหลม เมื่อเจ้าตัวป้องปากโห่ร้องไพร่พลแห่งป่าอนธการทั้งหลายก็กรูกันเข้าไปหาฝั่งตรงข้ามที่ยืนห่างไกลออกไป
 
                ทันทีที่ฝ่าเท้าของไพร่พลตนแรกแห่งป่าอนธการเหยียบย่างเข้ามาในแดนภูต ลูกธนูก็พุ่งเข้าหาพวกมันราวห่าฝน แต่ละดอกปักลงในจุดที่ทำให้เจ้าของร่างไม่สามารถจะเคลื่อนไหวได้อีกอย่างแม่นยำและหนักหน่วง ถึงกระนั้นจำนวนของไพร่พลที่บุกตะลุยเข้ามาก็ทำให้พวกภูตต้องถอยร่นลงไปอีกหลายคืบในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ผู้เป็นนายนำกำลังภูตเข้าโรมรันกับศัตรู นกฮูกหิมะตัวโตก็บินโฉบเข้าต่อกรกับอสุรวายุพักตร์หลายตน ภูตที่เหลือทำหน้าที่แบ่งกันร่ายเวทย์ใส่ฝั่งตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง โดยมีภูตส่วนหนึ่งที่คอยสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก เมื่อเห็นภูตตนไหนได้รับบาดเจ็บก็จะรีบบินตรงเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
 
                การวางแผนทั้งหมดล้วนมาจากจอมทัพและบุตรผู้มีดวงตาสีบุษราคัมที่องค์ราชาให้ความไว้วางใจ กลยุทธ์ในคราวนี้เน้นให้ภูตแต่ละตนคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเป็นสำคัญ และเลือกที่จะจัดการฝ่ายตรงข้ามด้วยการหยุดการเคลื่อนไหวมากกว่าเจตนาที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามต้องดับสิ้นไป
 
                เอกภักดิ์ร่ายเวทย์ที่ได้รับการฝึกฝนมา และทำการดัดแปลงด้วยตนเองบ้างบางส่วน ภูตหนุ่มอัญเชิญพลังของพระธรณีและพระคงคามาใช้รวมกันทำให้เกิดบ่อโคลนขนาดใหญ่ ฝ่ายตรงข้ามที่บินไม่ได้จึงเคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบาก
 
                ฮึ ดวงตาสีบุษราคัมงั้นรึ เป็นดวงตาที่ดีนี่ แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะในลำคอราวกับเจอของเล่นที่ถูกใจ
 
                เนื่องจากภูตที่มีดวงตาสีบุษราคัมนับว่าพบได้ยากยิ่งในแดนภูต บางครั้งในหนึ่งพันปีภูตอาจไม่มีภูตตนใดที่มีดวงตาสีนี้เลยก็เป็นได้ ภูตที่เป็นเจ้าของดวงตาสีบุษราคัมมักจะมีพลังที่สูงส่งกว่าภูตดวงตาสีอื่นๆ และสามารถใช้พลังได้ทั้งจากพระอัคคี พระคงคา พระพาย และพระธรณีในตนเดียวกัน
 
                พยับหมอกขยับปีกแรงๆ เพียงสองทีก็เกิดลมรุนแรงพัดจากฝั่งอนธการพุ่งตรงมายังภูตหนุ่มที่ยืนร่ายเวทย์อยู่ แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสกายของเป้าหมายก็โดนสายลมอีกลูกต้านเอาไว้เสียก่อน ถึงแม้ว่าลมส่วนมากจะพัดผ่านการต้านทานนั้นไปได้ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภูตหนุ่มอีก
 
                ไอ้งูเฒ่าสันดานเสีย! เจ้ามีนิสัยชอบลอบกัดนักหรือไร?!ภูตที่มีดวงตาสีมรกตเฉกเช่นเดียวกันเอ่ยว่าอย่างเจ็บแสบด้วยรู้ดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นใคร
 
                ไอ้เด็กเวร นี่เจ้ายังมีชีวิตรอดมาอีกอย่างนั้นรึ ลมอีกลูกพัดเข้าหาร่างเล็กอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะโดนตอบโต้กลับไปโดยเอกภักดิ์
 
                อย่ายุ่งกับเขา! ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าแตะต้องคู่ของข้าเป็นอันขาด!!เอกภักดิ์ประกาศกร้าวพลางร่ายเวทย์ไฟและลมใส่ฝั่งตรงข้าม สายลมที่โหมกระหนำช่วยให้อัคคีมีพลังเพิ่มเป็นเท่าทวี แต่พยับหมอกที่มากประสบการณ์กว่ากลับโดนแค่เพียงถากๆ เท่านั้น ยังไม่ทันร่ายเวทย์ตอบโต้กลับไป พยับหมอกก็เห็นสิ่งที่เป็นเหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เขายกไพร่พลมาในครั้งนี้
 
                ไอ้ภูตงี่เง่าไสหัวไปให้พ้น แล้วส่งตัววัลยาณีมาให้ข้า!พยับหมอกบินตรงเข้าไปหาเป้าหมายจนเข้ามาอยู่ในเขตแดนภูตโดยไม่รู้ตัว แต่กระนั้นพยับหมอกก็ได้หาหวั่นเกรงไม่
 
                ไม่มีทางเสียหรอกไอ้งูชั่ว! ข้าไม่มีวันส่งวัลยาณีให้งูชั่วช้าเยี่ยงเจ้า!!ร่างเล็กบินรี่ตรงเข้ามาขัดขวาง พยับหมอกส่งเสียงในลำคอด้วยความรำคาญหมายจะจัดการร่างที่อยู่ตรงหน้าไปให้พ้นๆ หางแหลมพุ่งตรงเข้าหาแต่ก็โดนเปลวเพลิงเผาผลาญเข้าเสียก่อน เอกภักดิ์ดึงให้ร่างเล็กมาอยู่ด้านหลังแล้วเอ่ยดุ
 
                ท่านเอกภักดิ์ วายุภัคหลบไปก่อนเถิด ในเมื่อข้าเป็นคนเริ่ม ข้าจะเป็นคนจบเรื่องทั้งหมดด้วยตัวของข้าเอง วัลยาณีเอ่ยเสียงหอบ พลางวิ่งตรงเข้าไปหาพยับหมอกที่พุ่งตรงเข้ามา ขณะที่เอกภักดิ์พยายามดึงตัวคนรักที่โวยวายไม่ให้พุ่งออกไปอีกครั้ง แต่ก็พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือเสมอถ้าวัลยาณีต้องการ
 
                มาแล้วหรือวัลยาณี พยับหมอกกระตุกรอยยิ้มเอ่ยทักทาย ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นปีกที่งดงามของภูตสาวหายไป แต่แล้วก็ต้องละลายตาเมื่อวัลยาณีส่งเปลวเพลิงมาหาแทนคำทักทาย
 
                เจ้ากับข้าเรามาดับสิ้นไปพร้อมกันเถิดพยับหมอก วัลยาณีพุ่งเข้าใส่ร่างตรงหน้าอย่างไม่ลังเล เธอไม่มีความเกรงกลัวหลงเหลืออีกต่อไป มือหนึ่งง้างมีดขึ้นสูงแล้วจ้วงแทง ขณะที่อีกมือทำหน้าที่ปล่อยเปลวเพลิงออกไปอย่างไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นพยับหมอกกลับสามารถปัดป้องได้อย่างง่ายดายราวกับกำลังเล่นกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน
 
                เจ้าไม่ห่วงบุตรเจ้าหรืออย่างไรวัลยาณี?วายุภัคตะโกนเสียงดังเพื่อเตือนสติเพื่อนรัก แต่กลับดึงสติของอีกคนไปแทน
 
                เจ้าอย่าลืมสัญญาที่ทำกับข้าไว้ล่ะวายุภัค เจ้าต้องเลี้ยงดูเขาให้เติบโตขึ้นมาอย่างดีแทนข้า มือเรียวจ้วงแทงคนที่เปิดช่องโหว่ลงไปเต็มแรง มีดยาวปักลงไปบนลาดไหล่ด้านขวาจนเกือบมิดด้าม พยับหมอกส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด แต่ก็หาได้ใส่ใจบาดแผลของตนเองไม่ เขาพุ่งตรงเข้าไปจับร่างตรงหน้าเอาไว้แน่นพลางเอ่ยถาม
 
                บุตรหรือ? นี่เจ้ามีบุตรอย่างนั้นหรือ?น้ำเสียงที่เอ่ยถามด้วยความแปลกประหลาดใจเจือปนเอาไว้ด้วยความยินดีเล็กๆ
 
                ไม่เกี่ยวกับเจ้า ปล่อยข้า!วัลยาณีพยายามขืนตัวหนีคนที่บาดเจ็บแต่กลับมีพละกำลังอย่างมหาศาล
 
                เกี่ยวสิ ข้าเป็นบิตุรงค์ของเขามิใช่หรือไร?
 
                ไม่มีทาง งูทุเรศอย่างเจ้าไม่มีทางเป็นบิตุรงค์ของบุตรข้าได้เด็ดขาด วัลยาณีเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด ขณะพยายามตรงเข้าทำร้ายร่างที่อยู่ตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับสร้างได้เพียงบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเท่านั้น
 
                หึหึ อย่าหลอกข้าเสียให้ยากเลยวัลยาณี ในเมื่อเจ้าอภิเษกกับข้าแล้วบุตรนั่นจะเป็นของใครได้นอกจากข้า วัลยาณีนิ่งงั้นไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะเริ่มตอบโต้อีกครั้ง
 
                เจ้าพูดจาเลอะเลือนอันใด!? ข้าไม่เคยอภิเษกกับเจ้าเสียหน่อย!
 
                ถ้าเจ้าจะลองนึกย้อนกลับไปในครั้งแรกที่เจ้าเจอข้า น้ำสีแดงที่เจ้าบอกว่าอร่อยนักหนา น้ำนั่นก็คือน้ำที่ผสมเลือดของเจ้ากับข้า เจ้ามิรู้หรอกหรือว่าพิธีอภิเษกของป่าอนธการจำเป็นต้องดื่มเลือดของคู่ชีวิต สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลที่วัลยาณีสามารถเข้าออกป่าอนธการได้อย่างง่ายดายโดยไม่เคยได้รับอันตรายใดๆ แม้ไม่มีพยับหมอกอยู่ข้างกาย เพราะผืนป่าและสิ่งมีชีวิตในป่าทั้งหลายต่างรับรู้ได้ถึงโลหิตของผู้ปกครองที่ไหลเวียนอยู่ภายในของภูตสาว
 
                วัลยาณีกรีดร้องออกมาด้วยความรวดร้าว ยิ่งเห็นว่าตนไม่สามารถทำอันตรายอะไรร่างที่อยู่ตรงหน้าใด เธอก็เลือกที่จะเปลี่ยนเป้าหมาย ด้านมีดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดพุ่งตรงเข้าหาตัวเองอย่างไม่ลังเล แต่กลับไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจปรารถนา มีดด้ามยาวลอยกระเด็นข้ามกลับไปยังป่าอนธการ ตามมาด้วยเสียงเย็นที่เอ่ยขึ้นริมใบหูอ่อนนุ่ม
 
                ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าดับสิ้นหรอกวัลยาณี ข้าจะรับเจ้ากับบุตรไปอยู่กับข้าที่ป่าอนธการ แขนแกร่งโอบกอดภูตไร้ปีกที่เอาไว้จนแน่น
 
                ข้าไม่ไป ปล่อยข้านะ ปล่อยให้ข้าดับสิ้นไปเถอะพยับหมอก เลิกทรมานข้าเสียที หยาดน้ำตาหลั่งรินอย่างคนที่หมดสิ้นหนทาง พยับหมอกเหลือบมองคนในอ้อมกอดอย่างเจ็บปวด เขากล่าวคำขอโทษเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อกำเนิดขึ้นมา พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
 
                ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้จริงๆ วัลยาณีใช้แรงทั้งหมดพยายามขืนตัวออกจากอ้อมอกนั้น พลางตะโกนให้ฝ่ายตรงข้ามปล่อยตนไป ไม่รับฟังสิ่งใดๆ ที่พยับหมอกพยายามพูดอีกต่อไป 
 
                ข้ารักเจ้าวัลยาณี!!สิ้นเสียงตะโกนก้องของบุรุษร่างดำเสียงสู้รบบริเวณชายป่าก็พร้อมใจกันเงียบลง เหลือเพียงดวงตาอยากรู้อยากเห็นว่าผู้ใดที่ตะโกนบอกรักท่ามกลางสนามรบแห่งนี้ พยับหมอกเอ่ยย้ำคำเดิมขณะที่วัลยาณียืนนิ่งเหมือนภูตที่ไร้ดวงจิตภายในกาย พยับหมอกดึงภูตสาวเข้ามากอดไว้อีกครั้งโดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างแม้แต่น้อย แล้วเอกภักดิ์ที่อยู่ใกล้มากที่สุดก็เอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า
 
                ข้าขออภัยที่ขัดจังหวะ แต่ข้าอยากให้ท่านช่วยบอกไพร่พลทั้งหมดให้กลับไปยังเขตแดนของท่านเสียก่อน เพราะดูแล้วข้าว่าท่านคงมีเรื่องต้องพูดคุยกับวัลยาณีอีกนาน พยับหมอกเหลือบมองคนในอ้อมกอดอีกครั้งแล้วพยักหน้ารับ ไม่นานนักไพร่พลแห่งป่าอนธการก็ถอยกลับเข้าไปในเขตแดนของตนเองด้วยความงุนงงและติดจะขุ่นเคืองพยับหมอกอยู่ไม่น้อยแต่กลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้ พวกภูตที่เหลือช่วยกันพาภูตที่ได้รับบาดเจ็บแยกย้ายกันไปรับการรักษา
 
 
                องค์ราชาบินตรงเข้ามาใกล้ ยื่นอาวุธในมือส่งต่อให้จอมทัพแล้วผายมือเชิญพยับหมอกไปยังต้นไม้ใหญ่ ขณะที่ภูตตนอื่นบินล้อมรอบองค์ราชาเพื่อคอยระวังความปลอดภัย
 
 
                ข้าว่าท่านควรไปทำแผลให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าหรือไม่?เอกภักดิ์เอ่ยขึ้นเมื่อเลือดข้นยังไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง
 
                ปล่อยให้มันดับสิ้นไปเลยยิ่งดี ไปทำแผลให้คนอย่างมันทำไมกัน วัลยาณีเจ้าน่าจะแทงเข้าไปที่หัวใจมันเสียเลย ไม่น่า...วายุภัคเอ่ยด้วยความโมโห ขณะที่กั้นวัลยาณีเอาไว้ด้านหลัง แต่เพียงแค่เอกภักดิ์ทำตาดุใส่เท่านั้นร่างเล็กก็ปิดปากเงียบสนิททันที
               
                วสุนธรานำกล่องไม้ที่ใส่อุปกรณ์ทำแผลเข้ามาให้แล้วขอตัวออกไปดูแลภูตตนอื่นที่ได้รับบาดเจ็บต่อ องค์รานีกล่าวขอบคุณวสุนธราแล้วเปิดกล่องไม้นั้นออกหมายจะทำแผลให้ แต่กลับโดนพยับหมอกดึงกล่องนั้นไปเสียก่อน เขาดันกล่องไม้นั้นไปด้านหน้าวัลยาณี
 
                ข้าอยากให้วัลยาณีทำแผลให้ข้าได้หรือไม่?วัลยาณีก้มหน้านิ่งด้วยความสับสน ขณะที่วายุภัคที่โดนดุไปก่อนหน้าทำไม้ทำมือปฏิเสธเต็มที่จนโดนองค์ราชาที่กำลังถอดเกราะอ่อนออกเอ่ยดุเข้าให้อีกรอบ
 
                เจ้าจะประพฤติตนให้สมเป็นบุตรข้าหน่อยมิได้หรือวายุภัค ร่างเล็กทำหน้ามุ่ยขณะพยายามนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่มิวายส่งสายตาอาฆาตไปทางพยับหมอกอยู่ตลอดเวลา
 
                รออยู่สักพักเมื่อเห็นวัลยาณียังคงนิ่งเงียบ พยับหมอกก็ดึงกล่องไม้นั้นมาทำแผลให้ตนเองด้วยความยากลำบาก ภูตที่เหลือได้แต่จ้องมองภาพตรงหน้าพลางส่ายหน้าให้กับความหัวดื้อของผู้เป็นใหญ่แห่งป่าอนธการ ด้วยรู้ดีว่าหากยื่นมือเข้าไปช่วยมิวายคงโดนเอ่ยปฏิเสธกลับมาอีกครั้งเป็นแน่
 
                ถึงแม้ร่างกายของพยับหมอกจะสามารถสมานบาดแผลได้เร็วกว่าภูตทั่วๆ ไป แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีบาดแผลนั้นก็ใช่ว่าจะหายได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาดแผลฉกรรจ์เยี่ยงนี้ เลือดหยดแล้วหยดเล่าจึงหยดลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาขยับปากแผลก็ยิ่งกว้างมากขึ้น
 
                ผ่านไปครู่ใหญ่พยับหมอกก็ยังไม่สามารถทำแผลได้ด้วยตนเองได้สำเร็จ ขณะที่ความอ่อนเพลียปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างชัดเจน จนในที่สุดวัลยาณีก็ดึงกล่องไม้นั้นเข้าหาตนเองอย่างเชื่องช้าด้วยมือที่สั่นเทา แล้วลุกเดินเข้าไปหาชายผู้สวมอาภรณ์ดำ
 
                องค์ราชาจับมือองค์รานีเอาไว้แล้วพากันออกไปนอกห้อง ขณะที่เอกภักดิ์ต้องลากคนร่างเล็กออกไปอย่างยากลำบาก จนในที่สุดก็ต้องรวบตัวเอาไว้ในอ้อมแขนแทน หลงเหลือเพียงแต่ภูตหัวดื้อทั้งสองในห้อง เสียงเอ่ยขอโทษดังเล็ดลอดออกมาอีกครั้งก่อนที่บานประตูจะถูกปิดลง
 
 
 
 
                ไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่พูดคุยหรือตกลงกันอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทางที่ดี อาจเป็นเพราะทั้งคู่นั้นมีความเหมือนกันเสียจนน่ากลัว และยังอภิเษกกันแล้ว จึงทำให้วัลยาณีสามารถเข้าใจสิ่งที่พยับหมอกทำลงไปได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ เพียงแค่รู้จักลดทิฐิและคำพูดที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องเจ็บปวดลง เลือกใช้ถ้อยคำแห่งการยอมรับผิด และคำกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ สิ่งที่สื่อออกมาจึงสามารถเข้าถึงดวงจิตของผู้ฟังได้อย่างไม่ยากเย็นนัก รวมไปถึงตัวช่วยชั้นดีอย่างความรู้สึกดีๆ และความผูกพันที่ทั้งคู่มีร่วมกันมาตลอดหลายปีภูต แต่ถึงกระนั้นดวงจิตที่ถูกทำร้ายอย่างบอบช้ำ และความเชื่อใจที่ถูกฉีกกระชากลงด้วยคำพูดร้ายๆ เพียงไม่กี่คำก็ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ยาวนานนัก
 
 
                ไม่นานนักพยับหมอกก็เข้ามาเอ่ยขอขมาแด่บุพการีของวัลยาณี เขาเอื้อนเอ่ยถึงความรู้สึกที่ตนเองปิดบังเอาไว้มานาน และกล่าวขอโอกาสในการดูแลวัลยาณีเพื่อชดเชยกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ
 
                พสุนธราร้องไห้จ้าเมื่อบิตุรงค์อุ้มเอาไว้ในอ้อมอก ขณะที่พยับหมอกได้แต่ทำอะไรไม่ถูกจนเผลอเอ่ยดุบุตรชายเสียงเขียวให้หยุดงอแงเสียที พสุนธราจึงยิ่งส่งเสียงร้องออกมาด้วยความกลัว วัลยาณีตรงเข้าไปดึงบุตรชายเอามาไว้ในอ้อมอกพลางเอ่ยเรียกขวัญอยู่เพียงครู่พสุนธราก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมา แต่ทันทีที่พยับหมอกขยับเข้าไปใกล้ พสุนธราก็เริ่มเบะปากอีกครั้งจนวัลยาณีต้องไล่พยับหมอกให้ไปอยู่ที่มุมห้องเสีย
 
                พยับหมอกเทียวไปเทียวมาระหว่างป่าอนธการกับบ้านของวัลยาณีเป็นประจำอยู่ร่วมหกปีภูตวัลยาณีก็เริ่มใจอ่อน ขณะที่ป่าอนธการก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ตามที่เอกภักดิ์ได้เสนอข้อคิดเห็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายแก่องค์ราชาและพยับหมอก
 
                ไพร่พลทั้งหลายช่วยกันเด็ดใบไม้ที่มีขนาดใหญ่ออกเพื่อให้แสงสว่างสามารถส่องลงมายังผืนป่าด้านล่างได้ และต้นไม้บางส่วนก็ถูกโค่นลงแล้วนำมาสร้างเป็นที่พักพิงที่แข็งแรงทนทานแทนการพักอยู่ตามถ้ำเฉกเช่นที่เคยเป็นมา ฝั่งภูตก็คอยช่วยเหลือด้วยการนำใบไม้ที่เด็ดออกมาทำเป็นหลังคาที่มีความคงทนและแข็งแรงจากการเคลือบด้วยกาวภูตสูตรพิเศษ
 
                ผลหมากรากไม้จากดินแดนภูตที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือถูกขนส่งไปยังฝั่งป่าอธนการในทุกๆ เดือน ขณะที่ตัวแทนไพร่พลในป่าอนธการออกมาเรียนรู้วิธีการเพาะปลูกจากพวกภูต พวกภูตก็เข้าไปเก็บสมุนไพรที่หายากในป่าอนธการเป็นการแลกเปลี่ยน นานๆ ทีก็นัดรวมพลกันไล่เตะฟุตบอลที่ทำมาจากลูกมะพร้าวที่หุ้มด้วยใบไม้เพื่อช่วยลดความแข็งลง โดยมีวายุภัคที่นำกีฬาชนิดนี้มาเผยแพร่ในแดนภูตเป็นกรรมการ แต่ละทีมจะมีผู้เล่นจากทั้งป่าอนธการและแดนภูตคละกัน และมีข้อห้ามในการใช้ปีกเพื่อทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน
 
                วัลยาณีเก็บเสื้อผ้าบางส่วนไปไว้ในที่พักของพยับหมอกที่ได้รับการปรับปรุงเสียใหม่ ในช่วงกลางวันวัลยาณีมักจะมาอยู่ที่โรงรักษาและอยู่กับพสุนธราในแดนภูต ส่วนในตอนกลางคืนก็จะกลับไปยังป่าอนธการ วัลยาณีได้รับการดูแลและปรนนิบัติอย่างดีจากพยับหมอกที่ยอมทำให้ทุกอย่างที่วัลยาณีต้องการ ไม่ว่าวัลยาณีอยากไปไหนพยับหมอกก็จะพาไป ไม่ว่าวัลยาณีอยากทานอะไรพยับหมอกก็จะหามาให้ทาน แต่ก็ไม่วายโดนวายุภัคเอ่ยถ้อยคำจิกกัดอยู่ร่ำไป พยับหมอกกับวายุภัคจึงมักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่เสมอแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
 
                พสุนธรายังคงกลัวบิตุรงค์ของตนเองอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าพยับหมอกจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม คงเป็นเพราะดวงจิตน้อยๆ ดวงนี้สามารถรับรู้ความรู้สึกของมาตุเรศตนเองได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ พสุนธราจึงไม่ยอมเข้าหาพยับหมอกอย่างง่ายดายนัก เผลอทีไรก็มักไปซุกตัวอยู่ด้านหลังของมาตุเรศเสมอ พสุนธราจึงพักอาศัยอยู่ในแดนภูตตลอดเวลาในช่วง 24 ปีภูตแรกของชีวิต โดยพักอาศัยอยู่กับปักษธรและเจตนิพัทธ์ แต่บ่อยครั้งนักที่วายุภัคจะชักชวนเด็กน้อยให้ไปนอนค้างด้วยกัน จวบจนย่างเข้าปีที่ 25 พสุนธราก็เริ่มยอมไปพักในป่าอนธการเดือนละครั้ง และค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นตามลำดับ
 
                ภูตตัวน้อยเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ตามแบบฉบับของภูตที่ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจนทุกๆ 12 ปีภูต แต่ถึงกระนั้นความคิดความอ่านของภูตก็มักจะพัฒนาล้ำหน้ากว่าร่างกายอยู่เสมอ พสุนธราเป็นภูตตัวน้อยที่ขี้อายและค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว ต้องเอ่ยถามเสียหลายประโยคเจ้าตัวจึงจะยอมเอื้อเอ่ยให้ได้ยินเสียงสักคำ โดยเฉพาะในกรณีที่หนักเช่นพยับหมอกพสุนธราก็ไม่หือไม่อือเลยสักคำ และการได้เห็นพยับหมอกสิ้นท่าก็นับเป็นสิ่งหนึ่งที่วายุภัคชื่นชอบที่สุด ซึ่งดูจากสถานการณ์แล้วพยับหมอกคงต้องสู้รบปรบมือกับผู้เป็นบุตรไปอีกนาน

                
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 13 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 13

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Mon May 19, 2014 5:36 pm

อ่านแล้วน้ำตาจิไหล แม้จะเป็นตอนก่อนจบ แต่ก็นับว่าแฮปปี้สุดๆ แล้ว (เทียบกับหลายๆ ตอนที่ผ่านมา) TvT
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 13 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 13

ตั้งหัวข้อ by Sier Mon Jun 02, 2014 4:19 pm

กว่าจะเข้าใจกันได้ต้องเกือบตายกันสินะ
แล้วคุณพยับหมอก... ถ้าไม่รู้ว่ามีลูก ก็ยังทำสงครามต่อใช่ไหมนั้น
แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเผ่าชัดๆ (ถึงจะเป็นการฝืนใจก็เถอะ...)

รอดูตอบจบคะ

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 13 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 13

ตั้งหัวข้อ by หมึกจีน Mon Jun 09, 2014 6:16 pm

ก็ยังดีที่ลงเอยกันด้วยความเข้าใจ ลูกจะได้ไม่กำพร้าพ่อไม่ก็แม่เนาะ หุ ๆ

แสดงว่าเฮียงูแกก็เลี้ยงต้อยหญิงมาตั้งแต่เด็กอ่ะดิ กินเด็กนะป๋างู ร้ายใช่เล่น หึ ๆ ...
หมึกจีน
หมึกจีน
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 81
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ