กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Fairy Tell - บทที่ 1

+3
น้ำไหล
ฝุ่นแดง
เลื่อมประภัสสร
7 posters

Go down

Fairy Tell - บทที่ 1 Empty Fairy Tell - บทที่ 1

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Thu Apr 10, 2014 12:31 am

บทที่ 1


ดวงตาที่ได้รูปเหมือนเมล็ดอัลมอนด์กำลังจับจ้องภาพตรงหน้าด้วยความตึงเครียด เหงื่อเม็ดโตไหลผ่านบริเวณหางตาทำเอาเจ้าตัวต้องยกหลังมือขึ้นมาปาดทิ้งด้วยความรำคาญอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเริ่มขยับตัวจากพุ่มไม้แถวนั้นเข้าไปใกล้เป้าหมายให้มากที่สุดโดยไม่ให้รู้ตัว แต่ทันทีที่สังเกตได้ว่าตัวเองอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับไปกอดบุพการีอีกครั้ง เจ้าตัวก็รีบตะโกนร้องบอกออกไปทันที

“หยุด! อย่าทับข้า!! ข้ายังไม่อยากตาย!!!!” ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะปิดประตูรถลงก่อนที่จะกวาดสายตาไปรอบบริเวณ

“ฟู่ว เกือบไป ข้าคิดว่าข้าจะไม่รอดเสียแล้ว ท่านเกือบฆ่าข้าแล้วนะ ท่านรู้ตัวบ้างหรือไม่?”

“นั่นใครน่ะ?! ออกมานะ!!” เอกภักดิ์ถามด้วยความหวาดระแวง

“ถึงแม้จะผ่านไปสักกี่ร้อยปี นิสัยของท่านกลับไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ นะ” ร่างเล็กส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะขยับตัวมาอยู่ด้านหน้า

“มนุษย์เอ๋ย สวัสดี! ข้าอยู่นี่ไงล่ะ” ร่างเล็กพยายามฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรมากที่สุดแล้วส่งไปให้คนตัวโตที่คงจะพยายามทำตาให้โตมากที่สุดในชีวิตอย่างไม่ตั้งใจอยู่

“เฮ้ย! ปีศาจหิ่งห้อย!! นี่แยกเขี้ยวแบบนั้นแปลว่านายจะกัดฉันเหรอ?!” คำพูดและท่าทางที่บอกว่าคนตรงหน้าคงจะตบเขาให้ตายคามือถ้าเขาเผลอขยับเข้าไปใกล้อีกนิดเดียว

“โอ้หิ่งห้อย! ให้เวตาลกัดข้าเถอะ... ฟังข้านะ ประการแรกข้าจะไม่กัดท่านแน่นอน และประการที่ 2 ข้าไม่ใช่หิ่งห้อย หรือปีศาจหิ่งห้อย หรืออะไรเทือกๆ นั้น ท่านเข้าใจข้าแล้วใช่หรือไม่?” เอกภักดิ์พยักหน้าส่งๆ ไปทั้งที่คิ้วเข้มยังคงขมวดมุ่นเหมือนพยายามใช้ความคิดตีความสิ่งที่ได้ยินอยู่

ภูตน้อยแกล้งทำเป็นบินขยับตัวไปมาเบาๆ เมื่อเห็นคนตรงหน้าจมอยู่กับความคิดของตัวเองจึงแอบใช้จังหวะนั้น บินด้วยความเร็วแล้วใช้มือแตะไปที่ร่างกายของมนุษย์ตัวโตโดยไม่ได้ขออนุญาต ก่อนจะเพ่งกระแสจิตของตนเพื่อยืนยันบางเรื่อง แล้วกลับมาฉีกยิ้มอยู่ตรงหน้าร่างสูงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“แล้วนายเป็นตัวอะไร? ถ้าไม่ใช่หิ่งห้อยแล้วทำไมถึงมีแสง? ทำไมถึงพูดได้? แล้วมาที่นี่มีวัตถุประสงค์อะไร?” เอกภักดิ์ซักไซร้สิ่งมีชีวิตเรืองแสงตรงหน้าราวกับสอบสวนพยานปากสำคัญในคดีฆาตกรรม

“ข้า เอ่อ... ข้าเป็นภูตประจำตัวของท่าน และโดยปกติแล้วภูตมักจะแสงล้อมรอบกายหาได้เป็นหิ่งห้อยอย่างที่ท่านว่ามาไม่ และที่ข้าพูดได้เพราะข้ามิได้โดนเย็บปาก"

"ที่ข้ามาที่นี่ เพราะ… ข้าจะคอยปกป้องท่านให้พ้นจากเคราะห์ร้าย และความโชคร้ายทั้งมวล ฟังดูดีใช่ไหมเล่าท่าน? ตัวข้านั้นมีนามว่า วายุภัค ส่วนนามของท่านข้าทราบดีอยู่แล้ว ท่านคือ เอกภักดิ์”

“คุณรู้ชื่อของผมได้ยังไงกัน?” ถึงคำพูดและสรรพนามที่ใช้เรียกร่างเล็กจะเปลี่ยนแทบจะในทันทีหลังจากได้ฟังถ้อยคำจากภูตน้อย แต่เจ้าตัวก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความระแวงอย่างชัดเจน

“ก็ข้าเป็นภูตประจำตัวของท่านไงล่ะ เหตุใดข้าจะไม่ทราบนามของท่านกันเล่า”

“จริงเหรอครับ? แล้วทำไมผมถึงไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยล่ะ?”

“แล้วท่านเคยพบเห็นภูตตนอื่นมาก่อนหน้านี้หรือไม่เล่า?” เอกภักดิ์ทำท่านึกอย่างจริงจังอยู่สักพัก แล้วเลือกที่จะส่ายหัวออกมาเบาๆ แทนคำตอบ

“ที่ท่านเห็นข้า เพราะข้าเลือกที่จะปรากฏกายให้ท่านเห็นข้าต่างหากเล่า มิเช่นนั้นท่านคงไม่มีทางมองเห็นข้าเป็นเด็ดขาด แต่ก็มีวิธีในการมองเห็นพวกข้าอยู่เช่นกัน ท่านต้องการทราบหรือไม่เล่า?"

"อยากสิครับ" เอกภักดิ์ตอบออกไปทันทีแทบไม่ต้องคิดด้วยนิสัยอยากรู้อยากเห็น แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเขาไม่รู้ว่าภูตตรงหน้าจะทำอย่างไรกับเขาบ้างถ้าเขาเอ่ยคำว่าไม่ออกไป ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าภูตน้อยจะบอกเขาทำไมก็ตามที

"แต่ถ้าข้าบอกท่านแล้ว ท่านห้ามนำไปบอกใครเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะสาปแช่งท่าน” ภูตน้อยพยายามทำหน้าโหด โฉด และชั่วร้ายให้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้

“ผมไม่บอกใครหรอกครับ ว่าแต่ภูตประจำตัวสาปแช่งได้ด้วยเหรอครับ?”

“แน่นอน แล้วท่านประสงค์จะทดสอบคำสาปแช่งดูของข้าดูหรือไม่เล่า?” ร่างสูงส่ายหน้ายิกๆ ขณะที่ภูตน้อยยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่คิดว่าตนสามารถทำให้คนอื่นกลัวได้สำเร็จ

ภูตน้อยยืดอกขึ้นสูง แขนทั้งสองข้างขัดกันไว้บริเวณอกอย่างวางมาด ภูตน้อยวายุภัคบินไปบินมาอย่างช้าๆ แล้วเริ่มพูด

“ปกติแล้วพวกมนุษย์จะมองไม่เห็นภูตเพราะมนุษย์เหล่านั้นมิได้เชื่อถือในเรื่องของภูตอย่างไรเล่า เมื่อไม่มีความเชื่อในตัวพวกข้าแล้วพวกเขาก็จะมองไม่เห็นพวกข้าไปโดยปริยาย และตามธรรมเนียมปฏิบัติของภูตเมื่อต้องลงมายังโลกมนุษย์ พวกภูตก็มักร่ายมนต์กำบังตนจากสายตามนุษย์เพื่อป้องกันตนเอง” ดวงตาที่เหมือนเมล็ดอัลมอนด์แอบเหล่มอง เมื่อเห็นว่าเอกภักดิ์ยังคงสนใจอยู่ก็ทำเป็นกระแอมไอเล็กน้อย เขาจะไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่าที่เอกภักดิ์มองเห็นตนเองนั้นเป็นเพราะเขาลืมร่ายมนต์กำบังตนนี่แหละ

“แต่ก็มีอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้มองเห็นภูตที่กำบังตนอยู่ได้ ด้วยการมองผ่านก้อนศิลาที่เกิดรูจากการกระทำของกระแสธารา และที่สำคัญคือจะต้องเก็บก้อนศิลานี้ในบริเวณกลางธารธาราที่บริสุทธิ์”

"เพราะอย่างนี้เองคนถึงไม่ค่อยเห็นพวกภูต… แล้วคุณมาบอกผมแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอครับถ้าเกิดความลับนี้รั่วไหลออกไปแล้ว…" ภูตน้อยรู้สึกได้ถึงหยดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาพร้อมๆ กับภาพที่บุพการีสั่งขังลืมเขาในถ้ำมืดมิด ก่อนจะรีบเอ่ยขัดคำพูดของเอกภักดิ์เพราะไม่อยากจินตนาการภาพของตัวเองไปไกลกว่านี้

"ข้าก็จะสาปแช่งท่านอย่างไรเล่า! ข้าเอ่ยไปแล้วไม่ใช่หรือไร? ภูตอย่างข้าพูดจริงทำจริงนะท่าน!"

"ที่ข้าเล่าให้ท่านฟังเพราะข้าเป็นภูตประจำตัวของท่าน และขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้เมื่อสักครู่ด้วย" ภูตน้อยบินมาใกล้ๆ แล้วค่อยๆ วางเท้าลงบนบ่าของร่างสูงหมายจะพักปีกให้หายเมื่อยล้าบ้าง แต่ทันทีที่เท้าสัมผัสกับบ่าแกร่งภูตน้อยก็ต้องขยับปีกขึ้นอีกครั้งเพราะความตกใจของร่างสูงจนภูตน้อยเกือบหล่นลงมา

"นี่! ข้าไม่กัดท่านหรอกน่าข้าให้คำมั่นไปแล้วอย่างไรเล่า ข้าขอพักบนบ่าท่านได้หรือไม่? ท่านรู้หรือไม่ว่าการขยับปีกนานๆ แบบนี้ข้าก็เมื่อยปีกเป็นเหมือนกันนะท่าน" ภูตน้อยเอ่ยอย่างหมดความอดทน

"เอามือท่านมา… ยืนมือของท่านออกมาเร็วๆ เดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง!" ภูตน้อยเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะไม่เคยมีใครขัดใจเขามาก่อน ยกเว้นก็แต่บุพการีอันเป็นที่รักเท่านั้น




ภูตน้อยยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำตามที่สั่ง แล้วค่อยๆ บินลงมาหยุดอยู่บนฝ่ามือกว้าง ก่อนจะย่อตัวลง พลางประกบมือข้างซ้ายของตนเองลงบนฝ่ามือของเอกภักดิ์

"ด้วยนามแห่งข้า วายุภัค ขอให้พระพายเป็นพยานต่อคำมั่นสัญญาของข้าในครั้งนี้ ตราบเท่าที่ข้าอยู่บนโลกมนุษย์แห่งนี้ข้าจะไม่กัด หรือทำร้ายให้มนุษย์นาม เอกภักดิ์ ต้องได้รับบาดเจ็บเป็นอันขาด" สิ้นคำของวายุภัคก็มีลมอุ่นพัดโชยอยู่รอบตัวของคู่สัญญาก่อนจะผละจากไปราวกับหมดหน้าที่ของตน

"ท่าน นี่ท่าน! ท่านเอกภักดิ์!!" ภูตน้อยเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่หลายครั้งจนแทบจะกลายเป็นการตะโกนอยู่รอมร่อ

"ห๊ะ! ครับ?" เมื่อกี้เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นรอบกายโดยเฉพาะที่ฝ่ามือ จนหัวใจของเขาถึงกับเต้นแรงขึ้น คงจะเป็นเพราะความน่ามหัศจรรย์ของสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี่เอง

"ไหนๆ ข้าก็ทำสัญญากับท่านแล้ว ท่านคงจะไว้ใจข้าได้แล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นข้าขอรบกวนท่านสักหน่อยได้หรือไม่?" เอกภักดิ์ขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม

เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่ตอบสักทีภูตน้อยที่ใจร้อนจึงรีบเอ่ยความประสงค์ออกไป

“คือ… ข้าขอพักพิงอยู่ที่แหล่งอาศัยของท่านชั่วคราวได้หรือไม่ เอ่อ… พอดีว่าที่อยู่ของข้าบนโลกมนุษย์กำลังซ่อมแซมอยู่ ถ้าไม่เป็นการรบกวนท่านจนเกินไป”

ภูตจะมาพักอยู่ที่คอนโดเขาเนี่ยนะ เขาเพิ่งรู้ว่าภูตต้องการที่พักด้วย ดูอย่างในเรื่องซินเดอเรลล่าสิ นางฟ้าแม่ทูนหัวยังแค่แวบไปแวบมาเลยไม่เห็นต้องการที่พักซักหน่อย และที่สำคัญมันรบกวนเขาน่ะสิ รบกวนอย่างมากเสียด้วย เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเขาแม้แต่น้อย เขาจะต้องเอ่ยปฏิเสธออกไป!

"เอ่อ… ได้สิครับ คุณตัวเล็กแค่นี้คงไม่เป็นการรบกวนหรอก แล้วคุณคงทานไม่เยอะเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ" คงไม่มีใครกล้าขัดความต้องการของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่ไม่มีเขียนเอาไว้ในตำราหรอกจริงไหม และเมื่อกี้เขาก็พึ่งเห็นกับตาว่าภูตตนนี้เรียกลมมาเป็นพยานคำพูดตัวเองได้ ถ้าเขาขัดขืนขึ้นมาแล้วโดนเป่าให้ปลิวออกไปนอกโลกจะทำยังไงล่ะ

"ไม่หรอก ข้าทานนิดเดียวเท่านั้นแหละ ข้าว่ารีบไปกันเถิดท่าน ข้าเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว" นิ้วที่ไขว้กันอยู่เมื่อครู่คลายออกจากกันอย่างช้าๆ กินเยอะงั้นรึ ไม่หรอก ก็แค่เคยชนะการแข่งขันกินมาแล้ว 12 ปีซ้อนเท่านั้นเอง และเห็นทีว่าภูตน้อยตนนี้คงจะไม่บอกข้อมูลนี้แก่มนุษย์ตรงหน้าอย่างแน่นอน

"ก็ดีครับ ผมก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน แต่คุณคงต้องขึ้นรถผมไปนะ"

“รถรึ? มันคือสิ่งที่เกือบทับข้าตายเมื่อสักครู่ใช่หรือไม่?” ภูตน้อยเอ่ยน้ำเสียงหวาดระแวง พลางมองไปยังสิ่งที่เกือบจะพรากเอาชีวิตของตนไป  

“ผมรับรองว่ามันจะไม่ทับคุณอีกแล้ว ถ้าคุณทำตามที่ผมบอกนะ” พูดจบเอกภักดิ์ก็เดินนำภูตน้อยไปยังเจ้าเขียวที่จอดทิ้งเอาไว้




หลังจากรถหยุดสนิท มือยาวก็คว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนเบาะด้านข้าง ก่อนจะใช้มือข้างที่เหลือเชื้อเชิญแขกจำเป็นขึ้นมาบนบ่า แล้วออกเดินไปยังห้องพักของตัวเอง แล้วเอกภักดิ์ก็ได้รับหน้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างนอกจากการเป็นพาหนะชั่วคราว นั้นคือการเป็นไกด์ที่ต้องคอยตอบคำถามจากภูตน้อยที่ทำตาลุกวาวไปตลอดทาง

"คุณอยากทานอะไรล่ะ?" หลังจากเข้ามาในห้องเอกภักดิ์ก็เอ่ยถามขึ้น

"เอ่อ… ข้าไม่รู้ว่าพวกมนุษย์ทานอะไรกันบ้าง ท่านทำอะไรมาให้ข้าก็ได้ ข้าคงจะทานได้ทุกสิ่งนั้นแหละในเมื่อพวกท่านยังสามารถทานได้ ส่วนของที่ข้าชอบก็คงจะเป็นชอบของสดๆ ผักสดๆ ผลไม้สดๆ พวกนี้แหละที่ข้าชอบที่สุดเลย อ๋อ เกือบลืมแหนะข้าไม่ทานเนื้อสัตว์นะ"

"งั้นเดี๋ยวผมทำสลัดผัก กับน้ำสลัดบีทรูทแล้วกันนะครับ" เอกภักดิ์เสนอชื่อเมนูขึ้นมาจากวัตถุดิบที่เหลืออยู่ในตู้เย็น

“ข้าทานอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ โอ้… แท่งเหล็กยักษ์นี่มันคืออะไรหรือท่านเย็นดีจริงๆ ราวกับถ้ำแห่งเหมันต์เลย” ภูตน้อยพุ่งเข้าไปหาตู้เย็นราวกับได้ของเล่นใหม่

“มันคือตู้เย็นครับ เอาไว้สร้างความเย็นเพื่อเก็บของกิน แล้วก็พวกผัก ผลไม้ให้มันสด เก็บได้นานโดยไม่เน่าเสีย” ไม่รู้ว่าภูตน้อยรับฟังเขาอยู่หรือไม่ เพราะตอนนี้วายุภัคแทบจะเอาตัวเอาหลอมรวมกับตู้เย็นไปเสียแล้ว

แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บของถุงพลาสติกที่เอกภักดิ์กำลังแกะ ภูตน้อยก็บินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ และแสดงเจตจำนงอยากช่วยเหลือร่างสูงอย่างแรงกล้า จนในที่สุดเอกภักดิ์ก็มอบหมายงานที่คิดว่าภูตน้อยสามารถทำได้เมื่อสบเข้ากับดวงตาขอร้องแกมบังคับอยู่ในที

วายุภัคถอดรองเท้าคู่จิ๋วออกก่อนจะบินวนขึ้นไปอยู่เหนือกะละมังที่มีผักชนิดต่างๆ ลอยอยู่เสียเกือบเต็ม แล้วเริ่มลงมือล้าง ขัดๆ ถูๆ ผักเหล่านั้นอย่างจริงจัง เมื่อล้างเสร็จก็จะพยายามยกผักขึ้นมาใส่ในชามใบโตที่ตั้งเอาไว้ข้างๆ จนตัวของภูตน้อยเปียกไปเสียเกือบทั้งตัว กว่าจะทำเสร็จทั้งหมดก็เล่นทำเอาภูตน้อยถึงกับต้องนั่งพักเพื่อหอบหายใจ  

"ท่าน… ข้าขอเปิดบานหน้าต่างตรงนี้ชั่วครู่ได้หรือไม่?" ภูตน้อยเอ่ยถามขณะยืนอยู่บริเวณหน้าตาในห้องครัว

"เชิญตามสบายเลยครับ เดี๋ยวผมเปิดให้ดีกว่า" เอกภักดิ์ละมือจากการหั่นผักก่อนจะเดินตรงมาเปิดหน้าต่างให้ ขณะที่ปากกำลังจะเอ่ยบอกให้ระวังตกก็นึกขึ้นมาได้ว่าภูตจิ๋วนี้มีปีก เขาจึงเดินผละออกมาแล้วเริ่มหั่นผักที่เหลือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนแทบจะกลายเป็นผักสับอยู่ในไม่ช้านี้ แต่ดวงตาก็คอยสอดส่องภูตน้อยที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างไปด้วย



วายุภัคยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มขยับปีกเล็กๆ ไปมา เขาลอยตัวค้างอยู่ในอากาศแค่ชั่วพริบตาก็มีลมอุ่นๆ พัดผ่านไปมารอบตัว และเล็ดลอดเข้ามาถึงคนที่กำลังยืนหั่นผักอยู่ด้วย ไม่นานนักลมที่ว่านั้นก็สงบลง ก่อนที่ภูตน้อยจะบินกลับมาหาเพื่อกล่าวขอบคุณ

เอกภักดิ์เองก็สังเกตเห็นขณะเดินไปปิดหน้าต่างว่าชุดที่เปียกแฉะเมื่อสักครู่ของภูตน้อยตอนนี้แห้งสนิทแล้ว

"คุณภูตครับ ถ้าผมขอเรียกชื่อคุณจะเป็นอะไรไหมครับ? ผมไม่รู้จะเรียกคุณว่ายังไงดีน่ะ" เอกภักดิ์เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น จนภูตน้อยที่นั่งแกว่งขาเล่นอยู่ใกล้ๆ หันกลับมามอง และบินเข้ามานั่งลงบนบ่าของเจ้าตัวแทน

"ได้สิท่าน ปกติแล้วในโลกของข้า พวกข้าก็เรียกนามแทนตัวกันเป็นปกติอยู่แล้ว ท่านเรียกข้า วายุภัค ก็ย่อมได้ โลกของท่านมิได้ทำเช่นนั้นหรือ?" ภูตน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"เราเรียกชื่อแทนตัวเหมือนกันครับ แต่เวลาเรียกกันจริงๆ เรามักจะเรียกชื่อเล่น เหมือนชื่อสั้นๆ ที่ถูกตั้งขึ้นมาอีกชื่อเพื่อทำให้เรียกกันได้ง่ายขึ้นน่ะครับ" ยิ่งได้ฟังมากขึ้นภูตน้อยก็ยิ่งเอียงหัวเล็กๆ ไปมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก

"อย่างนั้นรึ ทำไมต้องทำอะไรให้วุ่นวายด้วยนะ พวกข้าไม่มี นามที่ 2 นามที่ 3 อะไรอย่างที่ท่านว่ามาหรอก ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ถูกเรียกขานว่า วายุภัค มาตลอด แล้วท่านมีนามอื่นๆ ว่าอะไรรึ"

"อ๋อ ชื่อ เอก ครับ มาจากชื่อจริง เอกภักดิ์ นั่นแหละครับ แค่ย่อให้มันสั้นลงเฉยๆ คุณจะเรียกผมว่าเอกก็ได้นะ น่าจะดีกว่าท่าน ผมฟังแล้วมันไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่"

"เอกรึ ได้สิ ข้าจะเรียกท่านว่าเอก นี่ท่าน เอ่อ… เอกตั้งนามให้ข้าบ้างได้หรือไม่ ข้าอยากมีนามเหมือนพวกมนุษย์ที่ใช้เรียกกันบ้าง" ภูตน้อยกระพริบตาปริบๆ ด้วยความคาดหวังราวกับเด็กที่รอแกะของเล่นชิ้นใหม่ออกจากกล่อง

"อืม… เอาเป็น วา ดีไหมครับ? ย่อมาจาก วายุภัค ชื่อของคุณเอง คุณจะได้จำได้ง่ายๆ" ถึงแม้ตอนแรกเอกภักดิ์ตั้งใจจะตั้งชื่อ วิน ให้ แต่คิดไปคิดมาแล้วเขาคิดว่าว่าควรจะตั้งชื่อง่ายๆ ให้กับคนตรงหน้าคงจะดีกว่า

"วางั้นรึ? อีกนามของข้าสินะ ขอบใจท่าน…เอกมากนะ ถ้าข้ากลับไปที่โลกภูต ข้าจะเอาไปอวดเพื่อนๆ ของข้าให้อิจฉาเล่น" ภูตน้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปีกเล็กๆ ขยับบินไปบินมาด้วยความดีใจ

"แล้ววาจะกลับเมื่อไหร่เหรอครับ?" ทันใดนั้นเอกภักดิ์รู้สึกได้ถึงการลงจอดของภูตน้อยที่ดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง

"ท่านอยากไล่ข้าไปขนาดนั้นเชียวรึ?"

"ไม่ใช่หรอกครับ เห็นวาพูดถึง ผมก็แค่ถามเฉยๆ"

"ถ้าจะให้ข้าพูดตามจริง ข้าก็ยังไม่รู้ช่วงเวลาที่แน่นอนเช่นกัน แต่ท่านไม่ต้องห่วงนะข้าคงไม่รบกวนท่านนานหรอก" น้ำเสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมาทำเอาคนที่ถามแทบอยากจะตบปากตัวเองสักหลายที

"ผมขอโทษถ้าทำให้วารู้สึกไม่ดี ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นนะ ผมถามไปเพราะแค่อยากจะรู้เฉยๆ" เอกภักดิ์เอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิด

"อืม… ไม่เป็นไรหรอก" น้ำเสียงที่ตอบรับกลับมาทำให้รู้ว่าคนตรงหน้ายังอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก




หลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปสักพัก เอกภักดิ์ก็ทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้งด้วยการเอ่ยถามถึงอายุของฝ่ายตรงข้าม ภูตน้อยบินตรงมาหาพลางพูดคุยอย่างอารมณ์ดีราวกับลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปหมดสิ้น

อายุ 240 ปีของภูตน้อยทำเอาคนเอ่ยถามถึงกับไปไม่เป็นอีกรอบ เอกภักดิ์มองหน้าภูตจิ๋วนิ่งในหัวได้แต่คิดเปรียบเทียบกับมนุษย์อายุ 240 ปี คงจะไม่มีหน้าตาเด็กได้ขนาดนี้อย่างแน่นอน

เมื่อเห็นเขานิ่งไปนานๆ ภูตน้อยจึงอธิบายให้เขาฟังว่าสามารถเปรียบเทียบอายุของภูตกับมนุษย์ได้ อืม… ก็คงเหมือนที่ใช้เปรียบเทียบอายุคนกับสุนัขอย่างนั้นล่ะมั้ง

วายุภัคได้อธิบายถึงเวลาในโลกภูตว่าเดินเร็วกว่ามนุษย์ โดยระยะเวลา 1 เดือนในโลกมนุษย์เทียบเท่ากับ 1 ปีในโลกภูตเลยทีเดียว และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภูตมีการเติบโตที่ช้ากว่ามนุษย์ปกติ

การเติบโตของพวกภูตนั้นจะต้องรอให้มีอายุครบ 12 ปี จึงจะถือว่าเติบโตครบ 1 รอบช่วงอายุ และจะทำพิธีการผ่านช่วงอายุในปีที่ 12 เหมือนกับการที่มนุษย์ต้องรอให้มีอายุครบ 12 เดือน หรือ 1 ปีนั่นเอง ดังนั้นถ้าเปรียบเทียบภูตที่มีอายุ 240 ปีอย่างวายุภัคแล้ว ภูตน้อยตนนี้ก็จะมีอายุเท่ากับมนุษย์ในวัย 20 ปี ซึ่งอายุน้อยกว่าเขาถึง 5 ปี

"ถ้าอย่างนั้นท่านก็อายุมากกว่าข้าน่ะสิ แล้วปกติโลกของท่านเรียกคนที่อายุมากกว่าว่าอะไรล่ะ?"

"เราจะเรียกคนที่อายุมากกว่าว่า พี่ ถ้าเป็นผู้ชายเราก็จะเรียกพี่ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงเราก็จะเรียกพี่สาว หรือเราอาจจะใช้คำว่าพี่ แล้วตามด้วยชื่อก็ได้เหมือนกันครับ" ชายหนุ่มตอบคำถามไปเรื่อยๆ จนรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคุณครูผู้รอบรู้ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันเป็นคำถามทั่วๆ ไปเท่านั้น

"ก็คล้ายๆ กับโลกภูตของข้าเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นท่านต้องการให้ข้าเรียกท่านว่าพี่ไหม เอ่อ… พี่เอก แบบนี้ใช่หรือไม่?" ภูตน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัย และพยายามที่จะปรับตัวให้เหมือนกับพวกมนุษย์ให้มากที่สุด ราวกับได้ทุนมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมบนโลกยังไงยังงั้น

"เอาสิครับ แบบนี้คุ้นหูกว่าเยอะเลย งั้นวาเรียกพี่ว่า พี่เอก แล้วพี่ก็จะเรียก วา แบบนี้โอเคไหม?"

"โอเค?" ภูตน้อยเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ บนโลกใบนี้ชักจะมีสิ่งต่างๆ ให้เขาต้องเรียนรู้มากเกินไปแล้วนะ ตั้งแต่เขามาถึงเขาเรียนรู้ไปกี่เรื่องแล้วล่ะเนี่ย

"โอเค ก็หมายถึงว่า ดี หรือใช่ มักจะใช้เป็นคำตอบรับน่ะ ตกลงเราเรียกกันแบบนี้ดีไหมวา ได้หรือเปล่าครับ"

"เอ่อ… โอเค ได้สิ… พี่เอก ต่อไปนี้ข้าจะเรียกท่านว่าพี่เอก แล้ว…พี่เอกก็จะเรียกข้าว่าวา ข้าเก่งใช่ไหมล่ะ ข้าเข้าใจหมดเลยนะ" ภูตน้อยเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจจนคุณครูจำเป็นต้องกลั้นหัวเราะเสียแทบแย่

"เก่งมากๆ เลยครับ แล้วถ้าวาแทนตัวเองว่าวา วาจะเก่งกว่านี้อีกนะรู้ไหมครับ?"

"จริงรึ!? อย่างนั้นพี่เอกจะให้ข้า เอ้ย วาแทนตัวเองว่า วา ใช่หรือไม่พี่เอก?" เอกภักดิ์ส่งเสียงตอบรับในลำคอพลางพยักหน้าให้อย่างเอ็นดู

ภูตน้อยวายุภัคตอนนี้ทำให้เขาอดที่จะนึกถึงอติกันต์ตอนเด็กๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

"วารบกวนพี่เอกช่วยทำอาหารให้เร็วกว่านี้หน่อยได้หรือไม่? วาหิวจนจะทานปักษาได้หลายตัวแล้วนะ"

"ครับๆ จะเสร็จแล้วครับ วาไปนั่งรอพี่ที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวพี่ยกไปให้นะ"




ไม่นานนักมื้ออาหารที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของเอกภักดิ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ฝั่งตรงข้ามของเขามีภูตตัวน้อยนั่งอยู่ในชามใบโต ตรงหน้าของภูตน้อยมีผักต่างๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จนขนาดใกล้เคียงกับปากเล็กๆ นั่น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังใหญ่กว่าอยู่ดี บริเวณรอบปากจึงเต็มไปด้วยรอยน้ำสลัดสีแดงจางๆ มือทั้ง 2 ข้างที่ใช้หยิบจับยิ่งไม่ต้องพูดถึง ภูตน้อยตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากเด็ก 2 ขวบเท่าไหร่นัก

วายุภัคกินผักสลัดชามโตตรงหน้าจนเกลี้ยง ก่อนจะถูกเอกภักดิ์บังคับให้มาล้างมือ ล้างหน้าเสียจนสะอาดจึงยอมปล่อยออกมาจากบริเวณอ้างล้างจาน แล้วร่างสูงก็เดินตรงมาที่ตู้เย็นโดยมีวาบินตามมาไม่ห่าง มือยาวหยิบกระดาษสีสันสดใสออกมาแล้วลงมือเขียนอย่างรวดเร็ว

ใบนึงเขียนว่า
อาหารที่วาไม่ทาน – เนื้อสัตว์

ส่วนอีกใบเขียนว่า
ต้องซื้อผัก และผลไม้มาเพิ่ม (เยอะๆ)

"โอ้โห!! วาไม่ยักรู้ว่าพี่เอกมีเวทมนตร์ด้วย" ภูตน้อยเอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยรู้เลยว่ามนุษย์สามารถใช้เวทมนตร์ได้ด้วย

"เวทมนตร์อะไรเหรอครับวา?" คนเอ่ยถามว่างงแล้ว คนจะตอบกลับงงเสียยิ่งกว่า

"ก็ที่พี่เอกทำอยู่นี่อย่างไรเล่า เนี่ยๆ พี่เอกทำให้กระดาษแผ่นนี้ติดกับแท่งเหล็กยักษ์ อะไรน๊า… อ๋อ ตู้เย็น" พอได้ฟังเอกภักดิ์ก็แทบถึงบางอ้อ

"กระดาษนี่นะเหรอ ไม่ใช่เวทมนตร์หรอกวา มันเรียกว่าโพสต์อิท วาอยากลองติดดูบ้างไหมล่ะ?" ภูตน้อยจับกระดาษแผ่นโตที่ถูกยื่นมาให้เอาไว้เสียแน่น แล้วลองทำตามที่คนตัวโตบอกดู พอทำได้ก็ส่งเสียงดังออกมาด้วยความดีใจ

"โอ้ โอ้ โอ้! ดูสิพี่เอก วาทำให้มันติดได้ด้วยล่ะ พี่เอกไปเอาของวิเศษนี้มาจากที่ใดกัน ดูสิๆ วาดึงออกมาแล้วติดเข้าไปใหม่ได้ด้วยล่ะ ว้าวววว"

"กระดาษนี่เขาเรียกว่าโพสต์อิท ตรงนี้มันเป็นแถบกาวอย่างอ่อน เลยทำให้เราสามารถนำกระดาษแผ่นนี้ไปติดที่ไหนก็ได้ เมื่อลอกออกมาสิ่งที่เราติดก็ไม่เป็นรอย แถมยังติดซ้ำได้อีกด้วยนะ"

"โห พวกมนุษย์นี่เก่งจังเลยพี่เอก ต่างจากกาวที่โลกภูตลิบลับเลย กาวที่โลกภูตถ้าติดกับสิ่งใดแล้วจะติดแน่นทนทานเป็นร้อยๆ ปีเลยล่ะ ดึงออกมาง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก" ภูตน้อยนึกถึงผลสอบวิชาพฤกษศาสตร์ที่เขาพยายามจะนำไปซ่อนที่ปัจจุบันยังคงติดอยู่ที่ฝาผนังในห้องของเขาเด่นเป็นสง่า แทนที่จะเป็นรูปภาพปักษาลวดลายงดงามที่เขาวาด

"งั้นวานั่งเล่นโพสต์อิทรอพี่ตรงนั้นไปก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ล้างจานแป็บเดียวแล้วจะมาเตรียมที่นอนให้วา"

"โอเค" เอกภักดิ์ยิ้มน้อยๆ กับคำตอบรับของวายุภัค


หลังจากล้างจานเสร็จเอกภักดิ์ก็เดินตรงมายังโซฟาหมายจะให้ภูตน้อยอาบน้ำล้างตัวก่อนเข้านอน แต่เมื่อเห็นภูตน้อยนอนสงบนิ่งอยู่บนหมอนรองหลังใบเล็ก เขาก็คงจะทำตัวใจร้ายปลุกภูตน้อยตนนี้ขึ้นมาไม่ได้แน่ๆ

เอกภักดิ์ยืนมองภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ แสงนวลตาที่เปล่งออกมาจากภูตตัวน้อยทำให้เขารู้สึกสงบและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เขาละลายตาออกมาจากภาพตรงหน้าแล้วเริ่มมองหาสิ่งที่จะนำมาทำเป็นที่นอนสำหรับภูตน้อยตนนี้ เพราะเขาคงไม่กล้าที่จะเอาภูตตัวเท่ากล่องไม้ขีดไฟสองกล่องไปนอนบนเตียงกับเขาด้วยหรอก ขืนกลิ้งไปทับภูตตายขึ้นมาเขาจะทำยังไงล่ะ จะบาปมากกว่าฆ่ามดตายมากแค่ไหนกัน

เอกภักดิ์เลือกตะกร้าใบใหญ่ขึ้นมาใบหนึ่ง แล้วนำหมอนใบโตนุ่มนิ่มมายัดใส่ลงไปในตะกร้าจนเกือบเต็ม เหลือขอบตะกร้าเอาไว้เล็กน้อยกันภูตน้อยดิ้นแล้วพลัดตกลงมา มองไปมองมาแล้วก็ไม่ต่างจากตะกร้าแมวเท่าไหร่นัก

เอกภักดิ์หยิบโพสต์อิทออกจากตัววายุภัค ช้อนตัวภูตน้อยขึ้นมา แล้วค่อยๆ วางลงในตะกร้าที่เตรียมเอาไว้เมื่อสักครู่ นำผ้าขนหนูผืนเล็กมาห่มเอาไว้เบาๆ แทนผ้าห่มเป็นที่เรียบร้อย จึงพลิกตัวกลับมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาด


-------------------------------------------------------------------



คลิกๆ แต๊กๆๆๆ คลิก

มือเรียวเปลี่ยนตำแหน่งเป้าหมายจากเม้าส์ที่จับอยู่ มาใช้ทุบไหล่ตัวเองเบาๆ ก่อนจะบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยล้าจากการทำรายงานโครงการออกบูธเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าในบริษัทในงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใกล้จะถึงนี้

มือเรียวกลับมาจับเม้าส์อีกครั้งแล้วคลิกที่รูปวงกลม 4 สี เพื่อนำมาเขาไปสู่สิ่งที่เขาจะทำเป็นประจำอยู่ทุกคืน หน้าต่างที่คุ้นเคยปรากฏให้เห็นบนหน้าจอ เขาตรวจเช็คงานที่คนในแผนกส่งมาให้และจัดการเซฟไฟล์ลงในแฟลชไดรฟ์ของตัวเอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นอีเมลที่คุ้นเคย

อชรายุ

อชรายุ ที่แปลว่า อายุยืน ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าตัวยิ่งนัก ไม่ต้องทักก็มา แต่ถ้าทักเมื่อไหร่จะโผล่มาไวยิ่งกว่าเดิม


ด้านล่างยังมีอีเมลของคนที่ชื่อ อชรายุ อีกมากมาย แต่ทุกฉบับล้วนแล้วแต่ถูกเปิดอ่านแล้วทั้งนั้น เหลือก็เพียงฉบับที่เพิ่งถูกส่งเข้ามาวันนี้เท่านั้นที่ยังคงเป็นตัวหน้าสีน้ำเงินอยู่ มือเรียวรีบกดเปิดอ่านทันทีด้วยนิสัยที่ไม่ชอบทำอะไรค้างๆ คาๆ

ทันทีที่คลิกเข้าไปภาพผู้ชายร่างสูงที่นอนตะแคงขวาอยู่บนที่นอนก็ปรากฏขึ้น มือด้านขวาถูกวางแนบไปตลอดความยาวของหมอนหนุน ริมฝีปากที่เคยได้รูปบัดนี้กลายเป็นปากจู๋ๆ เหมือนเด็กหนุ่มในซีรี่ย์ดัง เจ้าของวลีเด็ด "ถ้าโอเคให้ทำปากจู๋" หึหึ แต่ปากแบบเนี๊ยะมันน่าจะตีให้ยุบเข้าทั้งปากไปเลยมากกว่า มีข้อความ 'นอนหลับฝันถึงพี่ด้วยนะคนดี' ถูกเขียนอยู่ใต้รูปใบนั้น

คนอ่านได้แต่ฉีกยิ้มกว้าง แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูจะน่ากลัวเสียมากกว่าเป็นรอยยิ้มจากความยินดี

คนอ่าน กดส่งข้อความกลับพร้อมแนบรูปมีดที่เพิ่งค้นหาได้จากอินเทอร์เน็ตลงไปตามด้วยข้อความชวนเสียวสันหลัง 'ได้สิครับ งั้นคืนนี้กันต์จะฝันว่าได้เสียบพี่นะ หึหึ' แล้วกดปุ่ม Send อย่างอารมณ์ดี

ไม่นานนักโทรศัพท์ประจำตัวก็ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ บ่งบอกให้เจ้าของรู้ว่ามีข้อความเข้ามาทางแอพพลิเคชั่นที่เจ้าตัวใช้สื่อสารกับคนอื่นๆ อยู่เป็นประจำ


Acharayu
ถ้าเป็นกันต์พี่ยอมให้เสียบ -3- AM 0:59

Atikan
พี่ยุ! ถ้าส่งรูปแบบนี้มาในเมลกันต์อีกกันต์จะตั้งเป็นสแปมเมลแล้วนะ AM 0:59

Acharayu
ไม่เป็นไร พี่จะสมัครเมลใหม่แล้วส่งมาหากันต์อีกเรื่อยๆ กันก็รู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นคนยังไง AM 1:00

Atikan
เป็นคนโรคจิตนะสิ แค่นี้นะพี่ยุขี้เกียจพิมพ์เมื่อยนิ้ว จะไปนอนแล้ว AM 1:02

Atikan
รีบๆ ไสหัวไปนอนได้แล้วไอ้พี่ยุ AM 1:05

Atikan
Fairy Tell - บทที่ 1 2ppwrgg AM 1:05

Acharayu
Fairy Tell - บทที่ 1 2iifhug  AM 1:05

Acharayu
ฝันดีครับคนดีของพี่ พี่จะไปนอนแล้วจริงๆ สาบาน AM 1:06


-------------------------------------------------------------------


เอกภักดิ์ไม่ใช่คนขี้เซา แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะตื่นได้ง่ายนักถ้ายังนอนไม่เต็มอิ่ม แต่เช้านี้เขากลับตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดายเพราะเสียงบางอย่างที่แว่วมาให้ได้ยิน

“ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยข้าที ท่าน!! พี่เอก พี่เอกช่วยวาด้วย!!!!” เอกภักดิ์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย นั่งเรียกสติเข้าร่างตัวเองอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ภาพเมื่อคืนจะกลับเข้ามาในหัวราวกับเล่นภาพยนตร์ด้วยสปีดคูณสี่

“พี่เอก!! ช่วยวาด้วย!” เสียงที่ได้ยินอีกครั้งดึงสติของเขาให้กลับมาอยู่กับโลกปัจจุบันได้ไม่ยาก ดวงตากลมโตมองไปยังตะกร้าใบใหญ่ที่เป็นที่พักพิงของภูตน้อยเมื่อคืน แต่บัดนี้กลับว่างเปล่าเสียแล้ว…




 sunny 
เป็นการแต่งที่เครียดมากค่ะ รู้สึกกดดันตัวเองสุดๆ เพราะปกติแต่งเสร็จก็ช่าง ไม่เสร็จก็ช่าง
แถมพอดีช่วงนี้งานเข้าแล้วก็เลยคิดอะไรไม่ค่อยจะออก ไอ้ที่ไม่ต้องการคิดออกจัง ส่วนที่ต้องการจะคิดออกเงียบกริ๊บเลยค่ะ
ตอนนี้อาจจะเวิ่นเว้อไปเล็กน้อย ติชมได้เต็มที่เลยค่ะ แต่ถามว่าจะแก้ได้ไหม อีกเรื่องนะคะ ^^ แต่จะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย เลื่อมประภัสสร เมื่อ Tue May 13, 2014 9:41 am, ทั้งหมด 9 ครั้ง (Reason for editing : พยายามอีดิทแล้วล้มเหลว TOT มีปัญหากับมันเหลือเกิน)
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 1 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 1

ตั้งหัวข้อ by ฝุ่นแดง Thu Apr 10, 2014 1:10 am

มาถึงตอนนี้ชอบคู่น้องกันต์น่ะ
ชอบคนช่างตื้อ อยากให้ได้อยากให้โดน (เสียบ) ไว ๆ

ฮา...

ภูติเล็ก หนูวา น่ารักจังเลยค่ะ อยากได้บ้างจัง
ฝุ่นแดง
ฝุ่นแดง
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 49
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 1 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 1

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Thu Apr 10, 2014 9:22 am

วาน่ารัก -///-
พี่น้องคู่นี้นี่...... ฮึ่ยยยยยยยย #จิกหมอนรัวๆ
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 1 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 1

ตั้งหัวข้อ by มอคราม Mon Apr 14, 2014 5:54 pm

วา น่ารักมากอ่ะ  รู้สึกเป็นเรื่องที่เเปลกหายาก น่าลอง น่าค้นหา โฮะๆๆๆ
มอคราม
มอคราม
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 141
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 1 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 1

ตั้งหัวข้อ by wazabikung Sat Apr 26, 2014 10:26 am

ทำไมเรารู้สึกว่าพี่เอกดูไม่ค่อยตกใจเท่าไรตอนเจอน้องวาจิ๋วเลยคะ-,-?
แต่น้องวาน่ารัก เด็กน้อยอยากรู้มากๆ (แอบหมันเขี้ยว อยากหยิกแก้ม 555+)

wazabikung
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 24
Join date : 22/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 1 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 1

ตั้งหัวข้อ by 13cotton13 Thu May 01, 2014 12:52 pm

วานี่ดูเป็นภูติน้อยมากเลยนะ
นี่หากพี่เอกเป็นคนไม่จริงใจนี่เสร็จแน่ๆเลย
13cotton13
13cotton13
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 129
Join date : 03/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 1 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 1

ตั้งหัวข้อ by Sier Mon Jun 02, 2014 12:55 pm

น้องวาน่ารักจังเลย >_<~
อาจจะเพราะไม่ได้อ่านนิยายที่มีคำยากๆ(?)มานาน... หลายๆคำถึงกับต้องไปเปิดหาคำแปลเลยทีเีดยว T^T

คู่น้องกันต์ก็น่ารักไม่แพ้กัน/

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ