กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


Fairy Tell - บทที่ 12

4 posters

Go down

Fairy Tell - บทที่ 12 Empty Fairy Tell - บทที่ 12

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Tue May 13, 2014 10:31 am

บทที่ 12


                ชายหนุ่มร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ พลางใช้มือแตะบริเวณอกด้านซ้ายแล้วผายมือมาด้านหน้าตามแบบฉบับการทักทายของภูต ดวงจิตสีดำทั้งหลายหาสนใจคำทักทายดังกล่าวไม่ พวกมันตรงเข้าไปรุมล้อมร่างนั้นไว้จนแทบมิด เสียงด่าทอและสาปแช่งดังก้องอยู่ในอากาศ ทันใดนั้นเสียงนุ่มทุ้มที่เป็นเอกลักษณ์ก็ดังกังวานกลบเสียงเหล่านั้นจนสิ้น
 
                ข้ามาขอดวงจิตของคู่ทางจิตวิญญาณของข้าคืน และส่งพวกเจ้าทั้งหลายกลับคืนไปเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอีกครั้ง สิ้นเสียงนั้นเกิดแสงสว่างวาบกำจายไปทั่ว ความมืดมิดพยายามหลีกหลีซ่อนเร้นแต่เมื่อสัมผัสกับแสงนั้นมันก็สลายหายไป ชายผู้นั้นเดินเข้ามาหาแล้วช้อนร่างของเขาขึ้นอย่างง่ายดาย
 
                วาตื่นเถอะครับ พี่มารับแล้ว เขาส่งเสียงครางอื้อในลำคอตอบกลับไปอย่างรำคาญ ขณะสัมผัสได้ถึงเสียงหอบหายใจที่หนักหน่วงของคนที่พยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ
 
                กลับบ้านเรากันนะครับ เขาพยักหน้าตอบรับไปอย่างนั้น ตอนนี้จะให้เขาไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่ที่เหน็บหนาวนี่ แต่สิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดคงหนีไม่พ้นห้องนอนที่มีเตียงนุ่มๆ อยู่
 
                ร่างบางหลับตาพริ้ม พลางยกยิ้มอย่างมีความสุข เพราะนี่ถือเป็นฝันดีที่สุดตั้งแต่เขาหลุดเข้ามาอยู่ในโลกมืดมิดนี้ ถ้าดวงจิตดวงไหนกล้ามาปลุกเขาล่ะก็ เขาจะไม่เล่าอะไรให้พวกมันฟังอีกเลยคอยดูสิ!!
 
 
 
                วายุภัคตื่นเถิด น้ำเสียงแว่วหวานแสนคุ้นหูดังขึ้น เสียงนั้นฟังดูเหมือนมาตุเรศของเขาไม่มีผิดเพี้ยน พลางนึกโมโหดวงจิตทั้งหลายที่ดูจะเหิมเกริมกว่าทุกครั้ง วายุภัคลืมตาขึ้นหมายจะจัดการเรียงตัว แต่แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้หยาดน้ำตาแห่งความยินดีเอ่อล้นออกมา
 
                ท่านพี่ วายุภัคฟื้นแล้ว!มือนวลเนียนหันไปจับแขนแกร่งที่อยู่ด้านข้าง
 
                มาตุเรศ บิตุรงค์ ท่านจอมทัพ ท่านวสุนธรา ท่านปักษธร ท่านเจตนิพัทธ์ ท่านอาจารย์ วัลยาณี วายุภัคเอ่ยชื่อของคนที่ยืนรายล้อมและส่งรอยยิ้มมาให้เขาอยู่ตอนนี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา สายตาเรียวเหลือบไปเห็นอีกร่างที่เขารักอย่างสุดหัวใจ
 
                ธุวดารา! แกก็มาด้วยเหรอ เจ้านกส่งเสียงฮู้เบาๆ ตอบรับอยู่นอกหน้าต่าง ก่อนที่ผู้เป็นอาจารย์จะกระแอมไอขึ้นมา
 
                ศิษย์ข้า เจ้าหลงลืมใครบางคนไปหรือไม่?วายุภัคขมวดคิ้วอย่างงุนงงพลางหันไปมองด้านหลังของตนตามที่ผู้เป็นอาจารย์ชี้
 
                พี่เอก!!?ภูตน้อยเบิกตาโต เมื่อคนที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะมาอยู่ที่นี่มากที่สุดกลับปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขา  วายุภัคโถมร่างเข้าไปหาแล้วกอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แปลกประหลาดไปจากเดิม
 
                พี่เอกมีปีกเหรอ!! นี่ใช่พี่เอกจริงหรือเปล่าเนี่ย หรือท่านเป็นฝาแฝด หูท่านแหลมเหมือนข้าด้วย แถมตาของท่านยังเป็นสี... สีบุษราคัมเหรอเนี่ย!!!วายุภัคปีนขึ้นไปบนตัวอีกฝ่ายลูบคลำจุดนู้นทีจุดนี้ทีจนโดนผู้เป็นอาจารย์เขกเข้าที่ศีรษะจึงจะสงบเสงี่ยมลงได้ วายุภัคโอดครวญพลางลูบศีรษะปอยๆ
 
                ลองใช้ดวงจิตของเจ้าดูสิวายุภัค แล้วบอกข้าทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเจ้า ใช่เอกภักดิ์ที่เจ้ารู้จักหรือไม่ วายุภัคเอื้อมมือซ้ายไปสัมผัสแผ่นอกหนาด้านซ้าย ก่อนจะโผเข้ากอดร่างชุ่มเหงื่อนั้นอีกครั้งด้วยความยินดี เจ้าตัวโบกมือเพียงเล็กน้อยสายลมเย็นๆ ก็พัดกรูกันเข้ามา
 
                ใช่สิท่านอาจารย์ ข้าจำหัวใจดวงนี้ได้ ภูตที่เหลือได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ยกเว้นก็แต่วัลยาณีที่กำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้ ความรู้สึกผิดแล่นเข้าจู่โจมราวกับคลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่า ปักษธรที่เห็นอาการของบุตรีจึงเอ่ยขึ้น
 
                ดูท่าพวกเขาคงมีเรื่องต้องพูดคุยกัน ข้าว่าพวกเราน่าจะปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกันตามลำพังน่าจะดีนะ ภูตที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนั้นก่อนทยอยออกจากห้องไป ปักษธรและเจตนิพัทธ์โอบกอดร่างของบุตรีไว้ในอ้อมอกแล้วบินออกไป
 
                หากเจ้าพูดคุยกันเสร็จแล้ว ข้าคงต้องรบกวนเจ้าให้ช่วยดูแลเจ้าเด็กดื้อนี้อีกสักพักนะเอกภักดิ์ องค์รานีหันร่างกลับมาเอ่ยต่อเอกภักดิ์ ขณะที่เด็กดื้อเอ่ยท้วงเสียงดัง
 
                เงียบๆ หน่อยสิเจ้า ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าฟื้นขึ้นมาแล้วจะส่งเสียงแสบแก้วหูเยี่ยงนี้ ข้าน่าจะให้เจ้านอนต่อไปอีกนานๆ วายุภัคปิดปากตนเองดังฉับ ไม่วายเอามือป้องปากอีกครั้ง พลางส่ายหน้าปฏิเสธจนเส้นผมกระจาย
 
                เลิกส่ายศีรษะเสียที ข้าเห็นแล้วรำคาญลูกตานัก จงฟังข้าให้ดีวายุภัคต่อไปนี้ข้าจะให้เวลาเจ้า 1 เดือนในการออกไปเที่ยวเล่นอย่างที่เจ้าชื่นชอบเพื่อฟื้นฟูร่างกายที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนมานานของเจ้า และข้าจะถือโอกาสนี้ให้เจ้าพาเอกภักดิ์ไปแนะนำสถานที่ต่างๆ รอบดินแดนภูต เจ้าทำได้หรือไม่ หรือจะให้ข้าหาภูตตนอื่น...ยังพูดไม่ทันจบวายุภัคก็รีบเอ่ยขัดขึ้นมา
 
                ข้าทำได้ท่านอาจารย์ อย่าเป็นห่วงไปเลย เรื่องแค่นี้เชื่อปีกวายุภัคได้เลย ผู้เป็นอาจารย์พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่บานประตูจะถูกปิดลง
 
 
 
                พี่เอก วาอึดอัดนะ ร่างเล็กดิ้นอยู่ในอ้อมกอด ลมหายใจอุ่นสัมผัสใบหูแหลมจนเจ้าตัวหัวเราะคิก
 
              พี่ขอโทษนะครับที่ตอนแรกจำวาไม่ได้ วาเคยมาหาพี่ตอนเด็กใช่ไหมครับ แต่ตอนนั้นวาเหมือนหิ่งห้อยจริงๆ นะตัวเล็กกว่านี้ตั้งเยอะแหนะ คนพูดทำท่าทางประกอบเมื่อนึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์ที่หลั่งไหลเข้ามาตอนอยู่ภายในถ้ำรัตนชาติ
 
                คำก็หิ่งห้อย สองคำก็หิ่งห้อย เดี๋ยววาสั่งให้พวกหิ่งห้อยมากินพี่เอกซะเลยดีไหม วายุภัคว่าพลางแยกเขี้ยวขู่
 
                วาจะใจร้ายทำกับพี่ได้ลงคอเชียวเหรอครับ เอกภักดิ์อมลมเข้าปากจนแก้มพอง เบะปากออกพองาม แล้วใช้ดวงตากลมๆ คู่นั้นจ้องมองคนในอ้อมกอด
 
                วาไม่ทำจริงๆ หรอกน่า ใครจะกล้าทำร้ายคนที่ช่วยชีวิตตัวเองลงล่ะ แต่จริงๆ แล้วพี่เอกไม่ควรมาช่วยวาเลย 
 
                ถ้าพี่เอกไม่คิดจะช่วยวา วาก็ไม่เคยคิดต่อว่าพี่เอกแม้เพียงครึ่งคำ เป็นเพราะวา วาทำให้พี่เอกต้องลงไปอยู่บนโลกมนุษย์ ทำให้พี่เอกต้องเสียใจ ทำให้ท่านจอมทัพและท่านวสุนธราต้องเสียใจด้วย เอกภักดิ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด
 
                พี่ไม่โกรธวาหรอกรู้ไหมครับ เพราะพี่รู้ว่าวาไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างมันก็ทำให้พี่ได้เจอกับคนดีๆ ตั้งมากมายที่รักแล้วก็เป็นห่วงพี่ และที่สำคัญที่สุดมันก็ทำให้พี่รู้ว่าวารักพี่ขนาดไหนไงครับ เลือดแล่นขึ้นมากองกันอยู่บนใบหน้าขาวเนียนขณะเอ่ยปากปฏิเสธข้อกล่าวหา
 
                พะพี่เอกมั่วแล้ว วาไม่เคยพูดว่ารักพี่เอกเสียหน่อย
 
                แล้วใครกันน๊ารอพี่มาตั้งนานแหนะ แถมทำตัวเป็นเด็กดีไม่ยอมหนีไปมีคนอื่นด้วยสิ วารู้จักไหมครับพี่ว่าจะชดเชยให้เขาซะหน่อย วายุภัคหันขวับพลางทำตาแวววาวเมื่อได้ยินคำว่าชดเชย
 
                จริงเหรอ พี่เอกจะชดเชยให้จริงๆ เหรอ?
 
                จริงสิครับ พี่เคยโกหกซะที่ไหนล่ะ ว่าแต่เขาอยู่ไหนน๊า?เอกภักดิ์ว่าพลางมองหาไปรอบห้อง
 
                นี่ไงๆ วานี่ไง ถึงวาจะไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไง แต่วารอพี่เอกมาตลอดเลยนะ อืม ถ้าเอาตั้งแต่พี่เอกเป็นไข่ก็ 240 ปีภูต แต่ถ้าตั้งแต่พี่เอกลงไปอยู่โลกมนุษย์ก็ 204 ปีภูตแหนะ วายุภัคโบกไม้โบกมือไปมา
 
                นานจริงๆ ด้วยสิ ขอบคุณที่รอพี่นะครับวา ส่วนเรื่องความรัก พี่ว่าเราค่อยๆ เรียนรู้ไปด้วยกันดีไหม อะแฮ่ม แต่อย่างแรกที่เราต้องเรียนรู้คือการแสดงความรักต่อกันด้วยการจูบ กระซิบเสียงแผ่วแล้วร่างสูงโน้มใบหน้าลงไปหาร่างเล็กที่พยายามปัดป้องเต็มที่ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อจนน่ากัดให้จมเขี้ยวเสียหลายที
 
                เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อน พี่เอกยังไม่บอกเลยว่าจะชดเชยให้วายังไง วายุภัคดิ้นรนเอาตัวรอด สิ่งที่คิดว่าอยากจะได้รับการชดเชยกระจัดกระจายหายไปหมดเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
 
                ให้พี่จูบก่อนสิ แล้วเดี๋ยวพี่จะบอก คนพูดหรี่ตาอย่างเจ้าเล่ห์
 
                เอ่อ ไม่เป็นไรวาไม่อยากรู้แล้ว มะไม่ต้องชดเชยให้วาก็ได้ ปล่อยวาอื้อออออ คำห้ามปรามนั้นไร้ผลโดยสิ้นเชิง
 
 
 
 
                หลังจากที่วายุภัคฟื้นได้ไม่นาน การพิจารณาเรื่องของวัลยาณีก็เริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ เพราะจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีใครในโลกภูตรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวายุภัค ผู้เป็นอาจารย์บอกกับภูตตนอื่นเพียงแค่ว่าเขาได้มอบหมายงานให้วายุภัคไปทำเท่านั้น และถึงแม้ว่าจะไม่มีใครติดใจเอาความวัลยาณีมากมายอะไร โดยเฉพาะวายุภัคที่ถึงแม้ภูตสาวจะทำให้ตนเกือบดับสิ้น กลับไม่คิดแค้นเคืองแม้เพียงน้อย แต่สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้วัลยาณีรู้สึกผิดมากขึ้น จนในที่สุดเธอก็ขอรับโทษที่หนักที่สุดเพื่อเป็นการลบล้างความผิดของตนเอง เพราะเธอรู้ว่าถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้คงจะติดอยู่ภายในใจของเธอตลอดไป และต่อให้เธอจะคอยดูแลวายุภัคตลอดช่วงสองปีภูตที่ผ่านมา แต่มันกลับไม่สามารถลบล้างความรู้สึกผิดในใจได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งได้เห็นภาพผู้เป็นสหายนอนนิ่งเธอก็ยิ่งเจ็บปวด
 
                วันถัดมาวัลยาณีก็เข้าไปอาศัยอยู่ในสถานที่จองจำที่แสนมืดมิด ถึงแม้ทุกคนจะแวะมาเยี่ยมเยียนและคอยจุดคบไฟเพื่อให้ห้องนั้นสว่างไสวอยู่เสมอ แต่เมื่อทุกคนจากไป วัลยาณีก็จะดับไฟนั้นด้วยมือของเธอเอง จวบจนความง่วงงุนเข้าครอบงำวัลยาณีกลับไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิทเลยแม้เพียงสักคืน โดยเฉพาะเวลาที่เธอเห็นดวงหน้าของพยับหมอกที่มองตรงมาที่เธอด้วยดวงตาสีมรกตแสนเกรียวกราด ฝันร้ายนี้คอยหลอกหลอนเธอตลอดระยะเวลาสองปีภูตที่ผ่านมา
 
                วัลยาณีมักจะร่ำไห้อยู่ตรงซอกมุมของห้องในยามค่ำคืน และยามลืมตาตื่นโดยปราศจากหยาดน้ำตาเธอมักจะเหม่อมองซี่เหล็กขนาดใหญ่ที่กักขังเธอไว้อยู่เสมอ ยิ้มเยาะให้กับความโง่เขลาเบาปัญญาของตนเอง เธอเริ่มพูดน้อยลง กินน้อยลง และเหม่อมองมากขึ้น เธอก็รู้ว่าชีวิตของภูตที่ตรอมใจคงไม่ยืนยาวเท่าไรนัก แต่ถึงกระนั้นเธอกลับหยี่ระต่อการดับสิ้นที่คืบคลายเข้าใกล้เธอทุกขณะ จนกระทั่งเมื่อสัมผัสได้ถึงดวงจิตอันบางเบาอีกดวงภายในกายของเธอเอง วัลยาณีกรีดร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า มือที่เริ่มแห้งและหยาบกร้านเหยียดชูขึ้นตรงหมายจะทำร้ายตัวเองและดวงจิตที่อยู่ภายใน วายุภัคที่เปิดประตูเข้ามาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งตรงเข้ามา และเพียงแค่เอกภักดิ์ใช้มือสัมผัสแม่กุญแจเท่านั้นมันก็หลุดออกอย่างง่ายดาย  วายุภัคโอบกอดวัลยาณีที่กำลังสะอื้นอย่างหนักเอาไว้ในอ้อมแขน
 
 
 
 
                วายุภัคตัดสินใจให้วัลยาณีเลือกว่าจะอยู่กับเขา หรือจะกลับไปหาบุพการี แต่ถึงอย่างไรเขาจะไม่มีวันให้เธอกลับลงไปอยู่ในห้องที่มืดมิดนั้นอีกแล้ว และคงไม่มีใครค้านถ้าได้รู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
 
                วัลยาณีเชื่อข้าสิ ภูตที่กำเนิดออกมาจะต้องน่ารักเป็นแน่ นี่ๆ เจ้าให้ข้าเป็นบิตุรงค์บุญธรรมได้หรือไม่?วายุภัคเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นภูตสาวทำหน้าเศร้า และเขาก็รู้ว่าเธอคงกำลังคิดว่าสิ่งที่อยู่ในตัวของเธอคือปีศาจที่ชั่วร้ายเฉกเช่นคนที่ทำร้ายเธอ แต่วายุภัคหาเชื่อเช่นนั้นไม่ เขาเชื่อว่าธรรมชาติจะไม่โหดร้ายกับวัลยาณีเช่นนั้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริงดวงจิตที่อยู่ในกายของวัลยาณีก็บริสุทธิ์ และไม่สมควรที่จะต้องมารับเคราะห์กรรมใดๆ
 
                ข้าว่าเจ้าลองถามคนข้างกายเจ้าดูก่อนเถิด วัลยาณีพยักเพยิดอย่างอ่อนแรงไปทางเจ้าของดวงตาสีบุษราคัมคู่สวยที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่
 
                เอ่อ... ข้าเป็นบิตุรงค์บุญธรรมได้หรือไม่พี่เอก ร่างเล็กหันไปถามพลางขยิบตาเป็นการใหญ่ เพราะไม่อยากให้วัลยาณีต้องเป็นทุกข์มากไปกว่านี้ 
 
                เจ้าเจ็บตารึวายุภัค และแน่นอนว่าคำตอบของข้าคือไม่ บิตุรงค์บุญธรรมนั้นให้ข้าเป็นเถิด ส่วนเจ้าเป็นมาตุรงค์บุญธรรมแทนก็แล้วกัน เอกภักดิ์เอ่ยเย้าจึงโดนมือเล็กหยิกเข้าที่สีข้างอย่างไม่ปรานีปราศัย ทำเอาต้องเบี่ยงตัวหลบเป็นพัลวัน
 
                ของแบบนี้มันไม่ได้วัดกันที่รูปร่างหรือความสูงเสียหน่อย ถ้าภูตน้อยของวัลยาณีกำเนิดออกมาข้าจะให้เขาเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ว่าใครจะได้เป็นบิตุรงค์บุญธรรม!นิ้วเรียวจิ้มจึกๆ เข้าที่อกตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนไปจิ้มที่อกหนาอย่างท้าทาย แต่แค่ชั่วพริบตาก็โดนรวบตัวเข้าไปอ้อมแขนแกร่งเสียแล้ว
 

                ปะ...ปล่อยข้านะพี่เอก!! นี่วัลยาณีเจ้าไม่คิดจะช่วยข้าบ้างหรือไร วัลยาณียืนยิ้มเศร้าๆ อยู่ด้านข้าง ถึงแม้เธอจะดีใจที่สหายรักของเธอมีความสุข แต่ขณะเดียวกันเธอกลับรู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่ต้องเผชิญจากการเลือกของตนเอง เธอคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับความสุขเช่นนี้เป็นแน่
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 12 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 12

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Tue May 13, 2014 10:33 am

                วายุภัคมักจะพาเอกภักดิ์ไปยังสถานที่ต่างๆ ในแดนภูต และเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้ให้ฟัง ทั้งประเพณี หรือสิ่งที่ภูตกระทำ ออกไปฝึกฝนการบิน และการใช้เวทย์ด้วยกันบ้าง บางครั้งก็ไปทักทายเหล่าหนอนตัวโตที่ทำหน้าที่ดูแลตำราทั้งหลายในหอตำรา แล้ววายุภัคก็มักจะหอบหนังสือกองโตมาให้ร่างสูงอ่านราวกับจะกลั่นแกล้ง หรือไม่ก็ไปนั่งพักผ่อนแถวสระมรกตด้วยกัน พลางทานอาหารฝีมือเอกภักดิ์ แต่วันนี้วายุภัคพาเอกภักดิ์มายังลานดินกว้างที่ปกติจะถูกใช้เป็นลานฝึกบินของเหล่าภูตกลับมีการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดในฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวนี้
 
                บนลานกว้างปรากฏร่างของภูตเด็กมากมายในชุดหลากสีสันราวกับดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ แววตาของพวกเขาดูมุ่งมั่นขณะกระชับเถาวัลย์ในมือแน่น เมื่อใบไม้สีแดงใบโตร่วงลงสัมผัสพื้นดิน ทั้งหมดก็ออกตัวจากเส้นสีขาวที่ขีดเอาไว้ หอยทากหลายสิบตัวเบียดเสียดแย่งชิงตำแหน่งผู้นำกันอย่างกระชั้นชิด เสียงกระดองกระแทกกันไปมาจากการขับเคี่ยว แต่ละตัวผลัดกันนำผลัดกันตามอย่างไม่มีใครยอมใคร
 
                ทันทีที่หอยทากตัวแรกยืดหนวดของมันผ่านเส้นที่ขีดไว้เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น ภูตตัวน้อยที่อยู่บนหลังยืดอกขึ้นสูงขณะขี่มันไปรอบๆ ด้วยความภาคภูมิ
 
                วายุภัคคุยโอ้อวดให้คนข้างกายฟังไม่หยุดถึงหอยทากตัวโตที่ตนเคยเลี้ยงและนำชัยชนะมาให้หลายครั้งขณะบินเข้าไปในป่าเพื่อเก็บผลไม้ ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงโรงรักษา วายุภัคบินตรงเข้าไปหาวัลยาณีที่กำลังบดสมุนไพรอยู่ ปากเล็กๆ คู่นั้นเล่าเรื่องการแข่งขันหอยทากให้ฟังอย่างออกรสออกชาติ พลางบ่นเสียดายที่วัลยาณีไม่ยอมตามไปดูแม้ว่าจะได้รับอนุญาตแล้วก็ตาม
 
 
                โรงรักษาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่องค์รานีสร้างขึ้นเพื่อคอยดูแลรักษาภูตที่เจ็บป่วย โดยมีวสุนธราคอยดูแลและแบ่งหน้าที่ให้แต่ละตนทำอย่างเหมาะสม หลังจากรู้ว่าวัลยาณีมีอีกหนึ่งดวงจิตที่เติบโตอยู่ภายใน องค์รานีจึงเสนอให้วัลยาณีมาคอยให้ความช่วยเหลือภูตที่ทำงานในนี้แทนการรับโทษภายในห้องมืดมิด นอกจากจะได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้วยังเป็นการฟื้นฟูจิตใจของวัลยาณีอีกทางหนึ่งด้วย
 
                พี่เอกเอาตะกร้ามานี่เร็วๆ สิ ข้าจะให้วัลยาณีทาน เจ้าต้องทานของที่มีประโยชน์เยอะๆ  รู้ไหม ข้าเพิ่งไปเก็บชมพู่มาจากต้นเลยนะ ถืออยู่ทำไมเล่าทานสิหลานข้าจะได้โตไวๆ วายุภัคคะยั้นคะยอคนตรงหน้าไม่หยุด ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นภูตอีกตนบินมาหยิบสมุนไพรแถวนั้น
 
                ท่านวสุนธรา ข้าขอโทษที่มารบกวนพวกท่านนะ วายุภัคเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจที่เขาแวะมารบกวนแทบทุกวัน
 
                ไม่หรอก ตามสบายเถิดองค์ชาย วันนี้ภูตที่เจ็บป่วยก็หาเยอะไม่ ข้ากำลังคิดว่าควรจะให้วัลยาณีพักผ่อนเยอะๆ เสียหน่อยก็คงดี ดูเหมือนช่วงนี้นางจะเพลียง่าย สงสัยภูตตัวน้อยคงอยากจะออกมาดูโลกเสียแล้วกระมัง วสุนธราเอ่ยเย้า วัลยาณียกยิ้มนิดๆ เธอเองก็อยากจะให้ดวงจิตอีกดวงก่อกำเนิดเสียทีเหมือนกัน เธอจะได้หมดห่วง และไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดอีก
 
                วสุนธรากลับเข้าไปด้านในแล้ว โดยมีบุตรชายช่วยถือของกลับเข้าไปด้วย วัลยาณีเอื้อมไปจับมือคนที่เธอเคยทำร้ายเอาไว้แน่น แล้วเอ่ยขอร้อง
 
                วายุภัคข้าขออะไรเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่?วายุภัควางชมพู่ที่เอามาฝากในมือลง รีบเคี้ยวชิ้นที่อยู่ในปากจนหมด แล้วนั่งฟังตัวตรงอย่างตั้งใจ   
 
                ได้สิ เจ้าอยากได้อะไรบอกข้าได้เลยนะ 
 
                ข้าอยากฝากภูตตัวน้อยของข้าเอาไว้กับเจ้าจะได้หรือไม่ เผื่อสักวันข้าเป็นอะไรไป...
 
                อย่าพูดอย่างนั้นสิ ข้ายินดีรับฝากภูตตัวน้อยของเจ้าอยู่แล้ว ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าจะเป็นบิตุรงค์บุญธรรมให้เอง เจ้าจะต้องอยู่กับเขาไปนานๆ เฝ้ามองเขาเติบโตขึ้นทุกวันๆ และใช้ชีวิตอยู่กับเขาอย่างมีความสุขนะวัลยาณี ได้ไหม? ถือว่าข้าขอร้องเจ้า
 
                ข้า... อ๊ะ! วายุภัค ข้าคิดว่าข้าต้องไปถ้ำรัตนชาติเสียแล้วล่ะ วัลยาณีลุกขึ้นแล้วก้าวเดินออกไป
 
                เดี๋ยวสิเจ้าจะเดินไปไหน พี่เอกๆ ท่านวสุนธรา มาตรงนี้เร็วเข้า ข้าคิดว่าภูตน้อยจะออกมาดูโลกอย่างที่ท่านบอกแล้ว!!เอกภักดิ์บินรี่ออกมาช้อนร่างภูตสาวไร้ปีกไว้ในอ้อมแขน เพิ่มความเร็วขึ้นตรงไปยังถ้ำรัตนชาติที่เจ้าตัวเคยไปทันที ถึงแม้ว่าตามธรรมเนียมภูตแล้วผู้ที่จะให้กำเนิดจำเป็นต้องเดินทางมายังถ้ำรัตนชาติด้วยตนเอง แต่เมื่อวัลยาณีสูญเสียปีกไปจากอาการตรอมใจที่กัดกินปีกของเธอ การให้ภูตตนอื่นช่วยพาไปก็น่าจะเป็นข้อยกเว้นได้
 
 
 
                วายุภัคนอนเฝ้าอยู่ด้านหน้าถ้ำถึงสามวันสามคืน ในคืนที่สี่วัลยาณีก็เดินอุ้มไข่สีนิลออกมาอย่างอ่อนเพลีย เพราะต้องใช้พลังจากดวงจิตในการขับเคลื่อนให้ไข่ออกมาจากร่างกายของตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่เจ็บปวดเหมือนการให้กำเนิดทารกของโลกมนุษย์ แต่ก็นับว่าสูญเสียพลังในกายไปไม่แตกต่างกัน ปักษธรและเจตนิพัทธ์จึงช่วยกันดูแลบุตรีอย่างเต็มที่เฉกเช่นที่ผ่านมา แต่คราวนี้ดูจะมากกว่าก่อนไปถ้ำรัตนชาติอยู่เสียหน่อย วัลยาณีจึงแทบไม่มีโอกาสได้กระดิกตัวไปไกลเกินกว่าเตียงของตนเองเลยสักครั้ง
 
                วายุภัคมักจะแวะมาหาวัลยาณีและนั่งจ้องไข่ใบโตอยู่เป็นเวลานาน สักพักก็ยกขึ้นมาโอบกอดไม่ก็พูดคุยบ้าง
 
                วายุภัค ถ้าไข่ของวัลยาณีแตกขึ้นมาเจ้าต้องชดใช้นะ เอกภักดิ์กระซิบขู่เสียงเย็นจนวายุภัคตกใจ แล้ววางไข่ใบโตกลับลงไปในตะกร้านิ่ม แต่ก็ยังไม่วายใช้มือเล็กๆ ลูบไข่เล่นไปมา
 
                เจ้าภูตน้อยออกมาให้ข้าเห็นหน้าเร็วๆ เถิดนะ รู้บ้างหรือไม่ว่ามาตุเรศของเจ้าคิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว อยู่ในไข่นานๆ ก็ใช่ว่าเจ้าจะมีเวทย์ที่แข็งแกร่งดังที่เขาล่ำลือกันเสียหน่อย รีบๆ ออกมาเถิด อย่าทำตัวขี้เกียจอยู่แต่ในไข่เหมือนภูตบางตนเลยนะ เอกภักดิ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับจามออกมาเสียเสียงดัง
 
 
                ไม่กี่วันหลังจากนั้นไข่สีนิลใบโตก็เริ่มเปล่งแสงออกมา วายุภัคบินมาจับจองที่เป็นคนแรกเพื่อรอดูการขานนามที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ลืมเผื่อที่ใกล้ตัวเอาไว้ให้มาตุเรศของเจ้าภูตน้อยที่กำลังจะออกมาด้วย วัลยาณีวิ่งมาถึงหลังจากนั้นได้ไม่นาน เธอใช้ฝ่ามือสัมผัสไปตามเปลือกไข่จนทั่วแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะ วัลยาณีหลับตาลงเพียงชั่วครู่ก็เกิดลำแสงสว่างจ้าขึ้น ผืนดินที่อยู่ข้างใต้ส่งเสียงครืดคราดพลางสั่นไหว สิ่งของในที่พักโยกไปตามแรงที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ก่อนที่ทั้งหมดจะกลับคืนสู่ความสงบดังเดิม
 
                วัลยาณีเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วเอ่ยนามของบุตร พสุนธรา ที่หมายถึง ผืนแผ่นดิน
 
                ภูตตัวน้อยปรากฏกายให้เห็นเป็นครั้งแรกอย่างเขินอาย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงจะหนีไม่พ้นผิวกายสีน้ำผึ้งที่ดูเข้มกว่าสีผิวของภูตทั่วๆ ไปอย่างเห็นได้ชัด เรือนผมสีดำสนิทและนัยน์ตาสีอำพันเข้มใต้คิ้วหนาบ่งบอกถึงพลังแห่งพระธรณีที่ไหลวนอยู่ภายในกาย จมูกโด่งเป็นสันสอดรับกับริมฝีปากหยักที่ตอนนี้เริ่มจะเปลี่ยนเป็นเบะออกอย่างช้าๆ ไม่นานเกินรอเสียงร้องไห้จ้าก็ดังไปทั่วบริเวณ
 
 
 

                วันต่อมาขณะที่กำลังเดินไปยังโรงรักษาวัลยาณีก็สังเกตเห็นถึงจำนวนภูตตามทางที่ลดน้อยลงไปกว่าครึ่ง ไม่มีเด็กๆ ออกมาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเหมือนทุกวัน ที่พักปิดเงียบเสียจนน่าสงสัย แต่ไม่ว่าเธอจะถามคนที่ผ่านไปผ่านมาสักเท่าไหร่กลับไม่มีภูตที่ตอบเหมือนกันเลยสักตนเดียว เธอมองหาปักษาที่บินผ่านมาใช้มือสัมผัสใบที่ลำตัวของมันอยู่เพียงสักครู่ ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างพลางหยิบฉวยมีดในที่พักของภูตตนหนึ่งออกมา แล้วหมุนตัววิ่งตรงไปทางฝั่งขวาของแดนภูตอย่างสุดกำลังเท่าที่ขาทั้งคู่ของเธอจะสามารถทำได้
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 12 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 12

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Mon May 19, 2014 5:24 pm

วาฟื้นแย๊ววววววววววววว #ชูมือขึ้นแล้วหมุนๆ (?)
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 12 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 12

ตั้งหัวข้อ by Sier Mon Jun 02, 2014 4:06 pm

สนุกมากเลยคะ บทคู่หลักแอบน้อยไปนิด (แบบว่าอยากอ่านเยอะกว่านี้อะ)

ตอนนี้มีหลายจุดที่อ่านแล้วมึน ประมาณว่าตกลงจะเอายังไงกันแน่

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

Fairy Tell - บทที่ 12 Empty Re: Fairy Tell - บทที่ 12

ตั้งหัวข้อ by หมึกจีน Mon Jun 09, 2014 6:10 pm

เค้านึกว่าลูกวัลยาณีจะออกมาเป็น งูมีปีกบินได้เสียอีก!! หุ ๆ

ท้ายตอนดูเหมือนจะมีเหตุการณ์ระทึกทิ้งท้ายแฮะ ไปอ่านต่อ!
หมึกจีน
หมึกจีน
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 81
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ