กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3

5 posters

Go down

ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3 Empty ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3

ตั้งหัวข้อ by หมึกจีน Fri Apr 11, 2014 12:18 am


ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3



พิริยะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ภาพฝันประหลาดที่ได้เห็นยามเผลอหลับเมื่อครู่ กลับดูเลือนรางไม่แจ่มชัด แม้ว่าเขาจะเพิ่งตื่นและพยายามคิดถึงมันก็ตามที

"จำไม่ค่อยได้เลยแฮะ...ฝันถึงอะไรกันนะ"

เด็กหนุ่มนิ่งคิดถึงความฝันที่ผ่านมาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะสะดุ้งโหยงได้สติกลับคืนเมื่อพบว่าตนนั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้สี่เสา และมีมุ้งสีขาวโปร่งบางผูกติดอยู่ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยันกายมองไปรอบห้องก็ต้องพบว่า ห้องที่เขาอยู่ไม่ใช่ห้องที่บ้านของเขา แต่เป็นห้องซึ่งก่อสร้างด้วยไม้สัก และตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ราวกับเป็นรีสอร์ทแห่งหนึ่งก็ไม่ปาน

"จริงสิ...เราถูกจับตัวมานี่นะ...อ๊ะ! แล้วพี่วีล่ะ!"

พิริยะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปที่ประตูไม้เพื่อหวังออกไปนอกห้อง แต่พอเขาผลักมันออกไป ก็ต้องพบว่ามันถูกล็อกจากด้านนอก เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาหาทางอื่น ก็เห็นว่ามีระเบียงอยู่ เขารีบเร่งฝีเท้าเปิดบานประตูกระจกก้าวออกไป ทว่าก็ต้องหยุดชะงักพลางกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อพบว่าด้านใต้ระเบียงนั้นเป็นผาชัน และไม่มีทางให้เขาปีนลงไปด้านล่างได้

"บ้าชะมัด...ผู้ชายคนนั้น ต้องการอะไรกันแน่"

พิริยะพึมพำกับตัวเอง เขาเดินกลับไปนั่งขัดสมาธิบนที่นอนอย่างหงุดหงิดแกมกังวล นึกเป็นห่วงพี่ชายของตนเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มนั่งอยู่เช่นนั้นสักพักใหญ่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงคุ้นตาที่ก้าวเข้ามา

"ตื่นนานแล้วหรือ"

พิริยะมองคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยสายตาหวาดหวั่น และนั่นจึงทำให้อีกฝ่ายชะงัก ก่อนจะตีสีหน้าขรึมลงและจับจ้องมองร่างบนเตียงนิ่ง จนเด็กหนุ่มเผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว

"กลัวฉันมากหรือไง..."

เจตต์ที่ทรุดนั่งลงข้างกายอีกฝ่ายบนเตียงใหญ่เอ่ยปากถาม แต่นั่นก็ทำให้คนฟังสะดุ้งและพยายามขยับหนี ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

"อย่าหนีฉัน!"

น้ำเสียงทุ้มที่ตวาดขึ้นทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของอีกฝ่าย เจตต์จ้องมองร่างสั่นเทาที่กำลังก้มหน้าหลบตาเขาอยู่ ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ก่อนจะกระชากร่างโปร่งให้พลิกกลับมาหาตน

"มองฉันสิเทวิกา ...มองฉัน...อย่ากลัวฉัน"

น้ำเสียงทอดอ่อนลงขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำเข้ามา พิริยะนิ่งชะงักตัวแข็งค้างนึกอะไรไม่ออกชั่วขณะ ทว่าเมื่อใบหน้าของเจตต์เข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มก็ค่อย ๆ ปรือตาลง พร้อมพึมพำตอบกลับ

"ผมไม่ใช่เทวิกา..."

ทว่าดูเหมือนเจตต์จะไม่สนในคำพูดนั้น เขาใช้มือข้างหนึ่งช้อนศีรษะของเด็กหนุ่มประคองเอาไว้ ริมฝีปากได้รูปก็บดเบียดจุมพิตเร่าร้อน พิริยะรู้สึกอึดอัดจนต้องเผยอริมฝีปากเพื่อเอ่ยร้องขอให้อีกฝ่ายหยุด แต่นั่นกลับทำให้คนที่รอจังหวะอยู่แล้วสอดลิ้นเข้ามาภายในปากและพัวพันรุกล้ำจนเด็กหนุ่มหายใจเกือบไม่ออก

"อื้อ! ...อือ..."

มือเล็กที่ทุบไหล่หนาให้หยุดเริ่มอ่อนแรง และเปลี่ยนมาเป็นจับไหล่นั้นไว้เพื่อรั้งเป็นที่พึ่ง เนื่องจากเรี่ยวแรงที่เคยมีเริ่มลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ

"ได้โปรด...จำฉันให้ได้สักทีสิ...เทวิกา..."

คนที่ถอนริมฝีปากออกมาและยังคงแตะริมฝีปากแนบชิดเป็นระยะอย่างอ้อยอิ่ง เอ่ยพึมพำขึ้นแผ่วเบา พิริยะปรือตามองและสบตาคมกริบนั้นอย่างสับสน

"ผมไม่ใช่...คนที่ชื่อเทวิกา...อะไรนั่น"

"แต่วิญญาณของเธอ คือเทวิกาของฉัน"

เจตต์ย้ำเสียงเข้ม แล้วจ้องมองนัยน์ตาใสซื่อสั่นระริกที่จ้องมองตอบมายังเขา จากนั้นชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา แล้วตัดสินใจผละออกมาจากร่างบนเตียงนั่น

"พยายามนึกเรื่องของฉันให้ออกหลังจากนี้ให้ได้...เข้าใจนะ"

พิริยะมองตามร่างสูงไปไม่วางตา ก่อนจะนึกถึงเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้

"เดี๋ยว! แล้วพี่ของผมล่ะ!"

เจตต์ชะงักกึก เขาหันกลับมามองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ยิ่งเห็นพิริยะแสดงออกถึงความเป็นห่วงในตัวปรวีร์มากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น

"พี่ของเธอเขาอยู่อีกที่หนึ่ง ไม่ต้องเป็นห่วงเขานักหรอก...แล้วเธอก็อย่าคิดหนีไปไหนล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่รับประกันความปลอดภัยของพี่ชายเธอหรอกนะ"

พูดจบเจตต์ก็ต้องเม้มปากขบกรามแน่น เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของคนบนเตียง ชายหนุ่มสะบัดหน้ากลับมาแล้วเดินออกจากห้องนั้นพร้อมกับปิดประตูดังโครม เสียงสั่งการให้ใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านนอกเฝ้าคนข้างในห้องได้ดี ดังมาถึงเด็กหนุ่ม พิริยะทิ้งตัวลงบนเตียงเอาหน้าซุกหมอนกัดริมฝีปากแรง ๆ พยายามอดกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างเต็มกำลัง ทั้งที่ตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกตึงเครียดสับสนและเป็นกังวลสารพัด จนอยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ เสียเลยด้วยซ้ำ



หลังออกมาจากห้องนอนของพิริยะ เจตต์ก็ตรงมาที่ห้องรับแขกของบ้านพัก ในห้องนั้นมีมือขวาคนสนิทกำลังยืนรอพบเขาอยู่ เจตต์เดินตรงไปนั่งที่โซฟาแล้วสั่งให้คนของตนนั่งตาม ซึ่งเกริกก็โค้งให้ชายหนุ่ม แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม

"พี่ของเด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง ฟื้นหรือยัง"

"ยังครับ แต่ผมให้คนเฝ้าทางเข้าออก เผื่อเอาไว้แล้ว"

เกริกรายงานตามตรง ทำให้คนฟังถอนหายใจเบา ๆ

"ดีแล้ว...ไว้ถ้าเขาฟื้นแล้วสงบสติอารมณ์ได้เมื่อไหร่ ฉันจะไปเล่าความจริงให้เขาฟังอีกที..."

เกริกพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขมวดคิ้วนิด ๆ เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าอ่อนล้าของคนที่นั่งตรงข้ามตน

"เป็นอะไรไปหรือครับคุณเจตต์ ...ดูสีหน้าคุณไม่สู้ดีเอาเสียเลย"

เกริกถามอย่างนึกเป็นห่วง เพราะเมื่อวานตอนที่เจตต์ได้เจอร่างที่กลับชาติมาเกิดใหม่ของอดีตคนรักที่ตายไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนผ่านทางข่าวทีวี ชายหนุ่มยังมีสีหน้ายินดีให้เขาได้เห็นอยู่เลยแท้ ๆ

"เทวิกา...เธอจำฉันไม่ได้เลยสักนิด... แถมยังเอาแต่ห่วงเรื่องพี่ของตัวเองตลอดเวลาอีก"

เกริกชะงัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยตามมา

"ก็เพราะคุณปรวีร์เขาเป็นพี่ชายของคุณพิริยะเขานี่ครับ...พวกเขาจะห่วงใยกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา..."

"แต่ฉันไม่ชอบ! นอกจากฉันแล้ว ฉันไม่ต้องการให้เทวิกาเป็นห่วงผู้ชายคนอื่นหน้าไหนทั้งนั้น!"

เสียงเจตต์ตวาดขึ้นก่อนที่เกริกจะพูดจบประโยค ใบหน้าคมเข้มแสดงถึงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด จนมือขวาคนสนิทต้องลอบถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยเตือนสติเจ้านายของตน

"...คุณเจตต์ครับ ถึงวิญญาณของเด็กคนนั้นจะเป็นคุณเทวิกาคนรักของคุณก็ตาม...แต่เขาก็เติบโตมาในฐานะของเด็กหนุ่มที่ชื่อพิริยะมาเกือบยี่สิบปีนะครับ"

ร่างสูงชะงัก เขาขบกรามแน่นก่อนจะสบถอะไรบางอย่าง แล้วยกมือขึ้นเสยผม เงยหน้าพิงไปกับพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง

"ฉันกลัวเกริก ...กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย...กลัวเขาจะเลือกพี่ตัวเองมากกว่าฉันอีกครั้ง...แล้วก็ทิ้งฉันไปตลอดกาลแบบนั้นอีก"

"แต่คุณปรวีร์ไม่ใช่คนคนนั้นนะครับ คุณเจตต์"

เกริกเอ่ยปลอบ ซึ่งก็ทำให้คนฟังถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้าค่อย ๆ ตามมา

"ใช่...ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่หมอนั่น ...ฉันพอจะมองออกว่าทั้งคู่ผูกพันกันด้วยสายใยของความเป็นพี่น้อง โดยไร้ความรู้สึกอื่นแอบแฝง ...แต่ภาพในอดีตมันก็คอยตามมาหลอกหลอนฉัน ...จนฉันไม่อาจจะไว้วางใจอะไรได้อีกแล้ว"

ชายหนุ่มพึมพำแผ่วเบา ใบหน้าที่เคยดุดันทรงอำนาจ ดูเหนื่อยล้าลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ผิดกับตอนที่เจ้าตัวพยายามทุ่มเทหาคนรักที่มาเกิดใหม่ในครั้งอดีต แต่กลับไม่เจอเบาะแสแม้เพียงน้อยนิด

"ใจเย็น ๆ ครับคุณเจตต์...ยังไงคุณก็ได้คนที่คุณรักกลับคืนมาแล้ว...เรื่องอื่น ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็อย่าเพิ่งไปกังวลมันเลยครับ"

เกริกปลอบเจ้านายของเขาต่อ สักพักเจตต์ก็หลับตาลงครู่ใหญ่ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนน้อย ๆ ที่แทบไม่เคยปรากฏให้คนใต้บังคับบัญชาได้เห็น ให้กับลูกน้องมือขวาของเขา

"ขอบใจนะเกริก...ที่ช่วยพูดให้ฉันสบายใจขึ้นมาได้บ้าง"

"มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ"

เกริกบอกพร้อมกับน้อมศีรษะลงต่ำ จากนั้นเขาจึงขอตัวไปดูปรวีร์ที่อยู่เรือนแยกห่างออกไป ซึ่งเจตต์เองก็เอ่ยปากอนุญาตตามที่อีกฝ่ายขอ และเมื่อลับร่างของมือขวาคนสนิทไปได้สักพัก ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินกลับมายืนจ้องมองยังหน้าห้องที่พิริยะอยู่อีกครั้ง เจ้าตัวยืนนิ่งจ้องอยู่เช่นนั้นสักพัก โดยมีสายตาแปลกใจของลูกน้องซึ่งยืนเฝ้าประตูมองตาปริบ ๆ แต่ถึงแม้ต่อให้สงสัยเพียงใดก็คงทำได้แต่เพียงสงสัยอยู่ในใจเท่านั้น เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที เจตต์ที่ยืนอยู่ก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินจากไปโดยที่ไม่ได้หลุดคำพูดใด ๆ สักคำ ทว่ากลับทำให้คนที่ยืนเฝ้าหน้าห้องรู้สึกเครียดและเกร็ง จนต้องแอบปาดเหงื่อหลังจากที่ผู้เป็นเจ้านายเดินจากไปแล้วเลยทีเดียว



อีกด้านหนึ่งภายในเขตบริเวณพื้นที่อาศัยเดียวกัน ปรวีร์เองก็ได้ฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปเป็นระยะเวลานาน ชายหนุ่มสะบัดศีรษะค่อย ๆ ด้วยความมึนงง เขาหวนระลึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่ตนจะสลบ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งนิ่วหน้าตามมา

"ต้องเป็นฝีมือไอ้หมอนั่นแน่! หนอย...เล่นทีเผลอกันได้"

ชายหนุ่มบ่นด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะเริ่มสังเกตรอบ ๆ ด้าน ตอนนี้เขาอยู่ในห้องนอนสี่เหลี่ยมแคบ ๆ แม้จะมีหน้าต่าง แต่ก็ดันเป็นแบบบานเกล็ดไม้ระแนง ยากที่จะหนีออกไปได้ ทางออกทางเดียวคือประตู ที่ปรวีร์มั่นใจว่ามันคงไม่เปิดรอคอยให้เขาออกไปอย่างอิสระได้ง่ายแน่ ๆ

"อ้าว...ตื่นแล้วหรือครับ คุณปรวีร์"

คนที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยทักทายชายที่นั่งขัดสมาธิบนเตียงอย่างสุภาพ ทำให้ปรวีร์เกิดความรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะคนที่ทักนั้นอายุมากกว่าเขา ซ้ำยังเป็นคนที่จัดการล็อกแขนเขา และน่าจะเป็นคนที่ทำให้เขาสลบจนต้องถูกพามาขังในห้องแบบนี้อีกด้วย

"ดูสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเลยนะครับ ...หรือว่ายังเจ็บที่สันคออยู่"

คำถามที่ตอกย้ำแน่ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นคนลงมือ ทำให้ปรวีร์แค่นยิ้มตอบ เขาพยายามตั้งสติให้ใจเย็น ก่อนจะถามคำถามบางคำออกไป

"พิริยะ น้องชายของผมอยู่ที่ไหน!"

เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากชายสวมสูทแผ่วเบา เจ้าตัวจัดแจงปิดประตูห้อง แล้วเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้เตียง ก่อนจะตอบคำถามนั้นกลับไป

"น้องชายของคุณอยู่ในความดูแลของคุณเจตต์...คุณวางใจได้เลยนะครับ ว่าเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และไม่มีใครจะทำอันตรายน้องชายของคุณได้..."

"นอกจากเจ้านายโรคจิตของคุณสินะ!"

ปรวีร์เสริมให้อย่างหงุดหงิด เพราะหวนคิดถึงตอนที่น้องของตนโดนเจ้านายของอีกฝ่ายบังคับจับจูบต่อหน้าต่อตาของเขา

"หึ ๆ อย่าหลุดปากพูดแบบนี้ต่อหน้าเขาอีกนะครับ...เจ้านายของผมเป็นพวกขี้โมโหง่ายเสียด้วยสิ"

เกริกบอกอย่างนึกขำ แต่ปรวีร์นั้นไม่รู้สึกขำไปด้วย

"ตกลงพวกคุณเป็นใครกันแน่! แล้วทำไมเจ้านายของคุณถึงทำแบบนั้นกับน้องชายของผม....อ๊ะ! หรือว่า..."

ท้ายประโยคปรวีร์มีทีท่าเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างสำคัญขึ้นมาได้ นั่นจึงทำให้เกริกจ้องมองเจ้าตัวอย่างสนใจ พลางรอฟังว่าปรวีร์นั้นจะพูดอะไรอีกต่อไป

"หรือว่าเจ้านายของคุณได้ดูข่าวตอนพีมันถอดเสื้อเล่นน้ำสงกรานต์ แล้วแอบปิ๊งน้องชายของผม จนต้องตามมาดักฉุดกันถึงบ้านแบบนี้....ทุเรศชะมัด หน้าตาก็ออกจะดี แต่ดันเป็นเกย์เฒ่าชอบเด็กเอ๊าะ ๆ หรอกหรือ ... นี่คุณ! ผมจะบอกอะไรให้นะ! เห็นเจ้าพีมันดูน่ารักคล้ายผู้หญิงแบบนั้น แต่มันก็เป็นชายแท้นา! ขอร้องล่ะ! คุณช่วยไปบอกเจ้านายของคุณให้ปล่อยเขาไปเถอะ ...อ๊ะ! นี่ถ้าสเป็คเจ้านายของคุณเขาเป็นเด็กน่ารัก ๆ แบบเจ้าพีล่ะก็ ผมแนะนำให้ได้นะ บาร์ที่ผมทำงานอยู่ มีพวกเด็กหน้าสวย และก็ชอบไม้ป่าเดียวกันเยอะแยะ สนไหมล่ะ! ผมว่าคบกับพวกเดียวกันเอง น่าจะดีกว่าไปบังคับขืนใจคนที่เขาไม่เล่นด้วยนา...เฮ้ย! คุณ! ฟังผมอยู่หรือเปล่า!"

ปรวีร์ตะโกนเรียกคนที่เบือนหน้าหนีหันไปมองอีกทางไม่ยอมสบตาเขาหลังจากฟังเขาพูดมาได้สักพัก แถมยังเอามือปิดปากตัวสั่นนิด ๆ อีกต่างหาก

"หึ...ผมฟังอยู่...ให้ตายเถอะ...ผมว่าเราคงต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกัน ...ก่อนที่คุณเจตต์จะมาพบคุณแล้วล่ะ...ไม่อย่างนั้น...หึ...ผมเดาได้เลยว่าคงได้มีระเบิดลงบ้านนี้แน่...หึ ๆ"

เกริกพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มกำลัง เขาไม่แปลกใจที่ปรวีร์นั้นจะเข้าใจผิด แต่การที่เข้าใจผิดแล้วทำสีหน้าจริงจังอย่างที่ชายหนุ่มเป็นนั้น เขาเองก็เพิ่งจะได้เคยเห็นมาก่อนนี่ล่ะ

"แล้วตกลงคุณจะช่วยพูดให้เจ้านายของคุณปล่อยน้องของผมให้เป็นอิสระได้ไหมเนี่ย!"

ปรวีร์ย้ำถามอย่างเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทุกที เนื่องจากเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกลับหัวเราะในสิ่งที่เขาตั้งใจคิดยื่นเงื่อนไขอย่างจริงจังให้แทนเช่นนั้น

"โอเค ๆ ผมจะช่วยพูดให้ ...แต่ผมไม่รับประกันหรอกนะว่าเจ้านายของผมจะยอมปล่อยน้องชายของคุณไปอย่างที่คุณขอน่ะ"

ปรวีร์นิ่วหน้าแล้วย้อนถามกลับทันควัน

"ทำไม!"

"ก็เพราะว่าน้องชายของคุณน่ะ สำคัญกับเจ้านายของผม เสียยิ่งกว่าที่คุณคิดเอาไว้อีกน่ะสิ... และมันก็ไม่ใช่เรื่องของรักแรกพบแปลก ๆ อย่างที่คุณเข้าใจหรอกนะ..."

ปรวีร์ชะงัก ก่อนจะย้อนถามกลับไปอย่างสงสัยแกมหงุดหงิด

"แล้วมันเป็นแบบไหนกันล่ะ!"

"ผมก็อยากจะเล่าให้คุณฟังอยู่หรอก แต่เจ้านายของผมท่านบอกว่าจะมาอธิบายให้คุณเข้าใจด้วยตนเองในไม่ช้า...เอาเป็นว่าระหว่างนี้คุณก็ทำตัวเป็นแขกที่ดีให้เจ้าบ้านคอยดูแลรับรองง่าย ๆ ไปก่อนแล้วกัน...น้องชายของคุณจะได้ไม่เดือดร้อนไปด้วยยังไงล่ะ"

คำขู่ท้ายประโยคที่ได้ยิน ทำให้ปรวีร์ถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห พลางโพล่งโต้ตอบกลับไป

"ถ้าพวกนายกล้าทำอะไรน้องชายของฉันล่ะก็ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็จะจัดการพวกนายให้ได้ คอยดู!"

"ผมเชื่อว่าคุณทำได้...แต่วางใจเถอะครับ คุณพิริยะจะปลอดภัย และไม่มีอะไรให้คุณต้องเป็นห่วงแน่นอน"

เกริกบอกพร้อมกับโค้งศีรษะให้นิด ๆ แล้วจึงขอตัวจากไป ทิ้งให้ปรวีร์มองตามไปด้วยสายตาหงุดหงิด แต่ถึงกระนั้นประโยคสุดท้ายที่เกริกพูดก็ทำให้เขาพอจะมั่นใจว่า อีกฝ่ายนั้นไม่ได้โกหกตนเรื่องพิริยะ ทว่าแม้จะรู้ว่าน้องชายปลอดภัย แต่ปรวีร์ก็ยังอดห่วงในบางเรื่องไม่ได้อยู่ดี

"ถึงร่างกายเจ้าพีมันจะปลอดภัยก็จริง...แต่พรหมจรรย์ทางประตูหลัง ดูแล้วน่าจะไม่ปลอดภัยแน่...เฮ้อ!"

ปรวีร์บ่นพึมพำกับตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างนึกปลง เพราะต่อให้โวยวายอะไรไป เขาซึ่งถูกจับขังแยกกับน้องชายตอนนี้ ก็คงไปช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี

"โธ่เอ๊ย! พีน้องพี่...เวรกรรมอะไรนักหนา...เมียยังไม่ทันมี กับจะมาได้ผัวเสียก่อน...แล้วนี่ถ้ารอดไปได้ เกิดเจ้าพีมันติดใจหันมาชอบทางนี้แทน ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย...เฮ้อ! ดูท่าทางชาตินี้จะอดอุ้มหลานแน่ฉัน..."

และแม้จะอยู่กันคนละที่ก็ตาม แต่คนที่กำลังนั่งเครียดอยู่อีกห้องหนึ่ง จู่ ๆ ก็กลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ หนาว ๆ ร้อน ๆ ขึ้นมาอย่างบอกสาเหตุไม่ได้ เจ้าตัวนิ่วหน้าและพยายามคิดว่านี่คงจะเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติของร่างกาย โดยไม่ได้คิดเฉลียวใจสักนิดเลยว่า ตอนนี้ผู้เป็นพี่ชายของเขานั้น กำลังจินตนาการยัดเยียดให้ตัวเขาได้สามีเป็นตัวเป็นตนไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง



... TBC ...



มายาวกว่าตอนที่แล้วสักหน่อย... ว่าจะเขียนออกบีบคั้นดราม่าให้มันทั้งตอน แต่แล้วก็อดไม่ได้สักที 555 ก็ถนัดแบบนี้นี่นะ --.
ตอนนี้ก็เริ่มเฉลยอดีตชาติไปอีกนิด ส่วนอีตาพระรอง(ตัวโกง(?)) ก็ยังไม่มีบท ชักเริ่มขี้เกียจให้พี่แกออกโรง 555 (/โดนตัวละครตรบ)

หลังจากนี้เค้าจะอู้แล้วค่ะ ฮ่า ๆ ล้อเล่น ... เอาเป็นว่าจะเขียนไปก่อนก่อนจะยุ่งนะคะ (อาทิตย์สงกรานต์ยุ่งทั้งอาทิตย์เลยค่ะ ท่องเที่ยว ๆ 55)
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่าน และคอมเมนต์ให้ค่ะ

ว่าแต่ ยังมีใครสงสารพี่วี ต่ออีกไหมเนี่ย หลังจากอ่านบทนี้แล้ว....หุๆ

หมึกจีน
หมึกจีน
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 81
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3 Empty Re: ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3

ตั้งหัวข้อ by น้ำไหล Fri Apr 11, 2014 8:31 am

โอ คุณเจตน์มีปมดราม่าเพิ่มขึ้นแล้ว
ปล.ยังคง เอ่อ... สงสารพี่วี นิดนึง? 55555
น้ำไหล
น้ำไหล
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 172
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3 Empty Re: ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3

ตั้งหัวข้อ by น้ำตาลก้นแก้ว Fri Apr 11, 2014 11:14 am

พ...พี่ปรวีร์ 5555555555555 #ขำแปร๊บ ^^
ขอโทษน้องพีด้วย แต่พี่ปรวีร์มันกิ๊วก๊าวใจกว่าจริงๆ แบ๊วไม่มากแต่ท่ายากพี่เยอะ
#ผิด!!

น้ำตาลก้นแก้ว
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 16
Join date : 08/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3 Empty Re: ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Mon Apr 14, 2014 7:51 pm

ยังสงสารพี่วีอยู่ค่ะ คิดว่าเมื่อไหร่น๊อจะมีคนมาดูแลพี่วีแบบนี้บ้าง อย่าปล่อยให้พี่วีจินตนาการไปไกลเลยค่ะ มันไม่เท่าประสบการณ์จริง
คุณเกริกสนใจเอาไปดูแลเล่นไหมคะ หึหึ

เที่ยวให้สนุกนะคะคุณหมึกจีน ^^
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3 Empty Re: ตามรัก...ตราบนิรันดร์ : ตอนที่ 3

ตั้งหัวข้อ by 13cotton13 Sat Apr 19, 2014 1:37 pm

พี่วีร์นี่ช่างเป็นพี่ชายที่ดีจริงๆอ่ะ
อยากให้ได้เจอคนดีๆมาดูแลพี่วีร์จัง 555
13cotton13
13cotton13
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 129
Join date : 03/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ