ค้นหา
Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm
» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm
» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm
» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm
» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm
» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm
» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm
» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm
» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm
» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm
» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm
» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm
» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am
» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am
» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am
» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am
» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am
» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am
» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am
» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am
Zero-sum game 2 - 40%
3 posters
หน้า 1 จาก 1
Zero-sum game 2 - 40%
บทที่ 2
ดิษยะกระแอมไอเสเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำแอปเปิ้ลออกมารินใส่แก้วดื่ม
...อะไรดลใจให้พูดแบบนั้นออกไปวะไอ้เร็น!...เขาก่นด่าตัวเองในใจแต่ก็เงี่ยหูรอฟังคำตอบอย่างคาดหวัง
“แล้วตกลงพี่เร็นอยากกินพิซซ่าหน้าอะไรดีครับ?”
“หน้าที่เป็นพวกซีฟู้ดก็ได้” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่จริง ๆ รู้สึกดีไม่น้อยที่อีกฝ่ายยอมเรียกพี่อย่างง่ายดาย “อย่าลืมไอติมพี่แล้วกัน”
ปกติดิษยะแทนตนเองว่าพี่กับรุ่นน้องมาก็ไม่น้อยแต่เมื่อใช้กับเรียวตะแล้วเขากลับรู้สึกแตกต่างเล็กน้อย
“ได้ครับ แล้วถ้าวนิลลาหมดเอารสอะไรครับ?”
“สตรอเบอร์รี่”
“รับทราบครับ งั้นผมเอาคุกกี้ไปวางก่อนนะครับ” เสียงฝีเท้าเดินจากไป เขาห้ามรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาไม่ได้ อืม...บางทีการมีน้องชายเพิ่มมาอีกคนอาจจะไม่ใช่เรื่องแย่นัก...ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วนี่นะ
ทางด้านของเรียวตะเองก็มีรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าเช่นกัน
“วนิลลากับสตรอเบอร์รี่เนี่ยนะ...ฮึ ๆ” เขากลั้นหัวเราะ ไม่นึกเลยว่าพี่ชายมาดขรึมของเขาจะมีมุมน่ารักแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย เป็นคนน่าสนใจจริง ๆ
เมื่อเด็กหนุ่มเดินกลับที่โซฟาก็เห็นมารุทนั่งอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“พี่แซ็คกินคุกกี้รองท้องก่อนเดี๋ยวผมสั่งพิซซ่ามา” เรียวตะกล่าว
ทนายหนุ่มพยักหนารับไม่กล่าวอะไรรอจนกระทั่งสั่งพิซซ่าเสร็จจึงเอ่ยปากขึ้นว่า
“เมื่อกี้แอลโทรมาบอกว่ามันคอนเฟิร์มจะมากันทั้งบ้านเลย”
เรียวตะชะงักมือที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า “…เหรอครับ”
“…หมอนั่นไม่ยอมเลิกง่าย ๆ หรอก…แจ้งตำรวจมั้ย?” มารุทถามเสียงเครียด
“ไม่ครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าหลับตาลงก้มหน้ากุมมือวางไว้บนเข่า
“พี่บอกแล้วไงว่าให้ขอร้องคุณดิษยะเขาให้มันจบ ๆ ไป ถึงจะยังไม่รู้นิสัยนักแต่ก็ยังดีกว่าต้องมานั่งเครียดแบบนี้นะเรียว”
“ถ้าพี่เร็นไม่ยอมไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมไม่อยากไปบังคับพี่เขา”
“โธ่เว้ย พ่อนายคิดอะไรอยู่ตอนนั้นถึงได้ยอมลงชื่อกันนะ!”
“ยังไงถ้าต้องไปจริง ๆ ผมจะระวังตัวครับ สัญญาว่าจะพกเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ใต้หมอนล็อกกุญแจห้องนอนตลอดแน่ ๆ”
ดิษยะที่กำลังจะเดินออกจากห้องครัวชะงักเท้าไว้ คิ้วเข้มขมวดมุ่น…นี่มันเรื่องอะไรกัน?...
เขามาทันประโยคที่มารุทบอกให้เรียวตะบอกอะไรสักอย่างกับเขา บอกอะไร? พ่อไปลงชื่ออะไรไว้ถึงทำให้เรียวตะจะต้องไป? ดิษยะตระหนักถึงความอันตรายที่แฝงอยู่ในบทสนทนานั้น เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกี่ยวข้องกับวันเปิดพินัยกรรมแน่ ๆ
เขาตัดสินใจเงียบเพื่อเก็บข้อมูลต่อแต่ปรากฎว่าทั้งสองคนนั่งนิ่งไม่พูดอะไรต่อเลยเขาจึงเดินลงน้ำหนักเป็นพิเศษแล้วแสร้งตีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คุกกี้รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ? เจ้านี้ผมเพิ่งลองซื้อมาครั้งแรกไม่รู้จะถูกปากกันมั้ย” เขานั่งลงที่เดิม
ทั้งสองส่งยิ้มให้เขาก่อนที่ทนายหนุ่มจะเป็คนกล่าวว่า
“ไม่เลวเลยครับ” มารุทยิ้มการค้า “เอ้อ เมื่อครู่เรียวตะสั่งพิซซ่าไปแล้วนะครับเดี๋ยวผมช่วยออกครึ่งหนึ่ง” ทำท่าจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาแต่เขาห้ามไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยงเองถือว่าเป็นการขอบคุณที่คุณช่วยดูแลเรียวตะ”
ทนายหนุ่มยังคงยิ้มน้อย ๆ แต่มุมปากกระตุกตอนที่เขาเอ่ยคำว่าดูแลออกไป
คงจะสงสัยว่าเขาได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่หรือไม่จึงถามกลับมาว่า “ทำไมคุณดิษยะถึงคิดว่าผมดูแลเรียวตะล่ะครับ?”
“ถ้าไม่สนิทระดับนึงผมไม่คิดว่าเรียวตะจะเรียกคุณว่าพี่หรอกครับ” เขากล่าว “ถึงขนาดเรียกทั้งพี่ทั้งชื่อเล่นผมเลยคิดเอาเองน่ะครับว่าพวกคุณคงสนิทกันพอควร”
เรียวตะที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกล่าวขึ้นว่า “ใช่ครับ พี่แซ็คทำงานกับพ่อมาตั้งแต่ผมยังเด็กเลยสนิทกันน่ะครับ”
ดิษยะร้องอ้อ ยิ้มแบบธุรกิจส่งให้มารุท “ถ้าอย่างนั้นผมก็วางใจหน่อยว่าน้องผมมีคนดูแล ขอบคุณนะครับ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองกลับมาที่เขาอย่างครุ่นคิดทว่าเขาไม่สนใจหันไปชวนน้องชายคุยแทนถึงเรื่องทั่ว ๆ ไปเช่นโรงเรียนและคณะที่อยากจะเข้าจนกระทั่งพิซซ่ามาส่ง
บทสนทนาระหว่างพวกเขาตลอดมื้ออาหารเป็นไปอย่างราบรื่นหากนั่นเป็นเพียงในความรู้สึกของเรียวตะเท่านั้น สำหรับชายหนุ่มสองคนต่างรู้ว่ามันเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
หลังทานอาหารเสร็จเตรียมจะกลับไปมารุทก็บอกให้เรียวตะไปรอที่รถก่อนแล้วจึงหันมาคุยกับเขาด้วยสายตาจริงจัง “ถ้าคุณอยากจะรู้ความจริงก็โทรมาหาผมคืนนี้ตอนสองทุ่มแล้วกันครับ แต่ถ้าไม่…ผมก็จะถือว่าคุณไม่สนใจในพินัยกรรม” ทนายหนุ่มเว้นช่วง “และเรียวตะจริง ๆ”
แล้วทั้งสองก็จากไปทิ้งให้ดิษยะตกอยู่ในห้วงความคิดเพียงลำพัง
ดิษยะกระแอมไอเสเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำแอปเปิ้ลออกมารินใส่แก้วดื่ม
...อะไรดลใจให้พูดแบบนั้นออกไปวะไอ้เร็น!...เขาก่นด่าตัวเองในใจแต่ก็เงี่ยหูรอฟังคำตอบอย่างคาดหวัง
“แล้วตกลงพี่เร็นอยากกินพิซซ่าหน้าอะไรดีครับ?”
“หน้าที่เป็นพวกซีฟู้ดก็ได้” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่จริง ๆ รู้สึกดีไม่น้อยที่อีกฝ่ายยอมเรียกพี่อย่างง่ายดาย “อย่าลืมไอติมพี่แล้วกัน”
ปกติดิษยะแทนตนเองว่าพี่กับรุ่นน้องมาก็ไม่น้อยแต่เมื่อใช้กับเรียวตะแล้วเขากลับรู้สึกแตกต่างเล็กน้อย
“ได้ครับ แล้วถ้าวนิลลาหมดเอารสอะไรครับ?”
“สตรอเบอร์รี่”
“รับทราบครับ งั้นผมเอาคุกกี้ไปวางก่อนนะครับ” เสียงฝีเท้าเดินจากไป เขาห้ามรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาไม่ได้ อืม...บางทีการมีน้องชายเพิ่มมาอีกคนอาจจะไม่ใช่เรื่องแย่นัก...ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วนี่นะ
ทางด้านของเรียวตะเองก็มีรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าเช่นกัน
“วนิลลากับสตรอเบอร์รี่เนี่ยนะ...ฮึ ๆ” เขากลั้นหัวเราะ ไม่นึกเลยว่าพี่ชายมาดขรึมของเขาจะมีมุมน่ารักแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย เป็นคนน่าสนใจจริง ๆ
เมื่อเด็กหนุ่มเดินกลับที่โซฟาก็เห็นมารุทนั่งอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“พี่แซ็คกินคุกกี้รองท้องก่อนเดี๋ยวผมสั่งพิซซ่ามา” เรียวตะกล่าว
ทนายหนุ่มพยักหนารับไม่กล่าวอะไรรอจนกระทั่งสั่งพิซซ่าเสร็จจึงเอ่ยปากขึ้นว่า
“เมื่อกี้แอลโทรมาบอกว่ามันคอนเฟิร์มจะมากันทั้งบ้านเลย”
เรียวตะชะงักมือที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า “…เหรอครับ”
“…หมอนั่นไม่ยอมเลิกง่าย ๆ หรอก…แจ้งตำรวจมั้ย?” มารุทถามเสียงเครียด
“ไม่ครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าหลับตาลงก้มหน้ากุมมือวางไว้บนเข่า
“พี่บอกแล้วไงว่าให้ขอร้องคุณดิษยะเขาให้มันจบ ๆ ไป ถึงจะยังไม่รู้นิสัยนักแต่ก็ยังดีกว่าต้องมานั่งเครียดแบบนี้นะเรียว”
“ถ้าพี่เร็นไม่ยอมไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมไม่อยากไปบังคับพี่เขา”
“โธ่เว้ย พ่อนายคิดอะไรอยู่ตอนนั้นถึงได้ยอมลงชื่อกันนะ!”
“ยังไงถ้าต้องไปจริง ๆ ผมจะระวังตัวครับ สัญญาว่าจะพกเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ใต้หมอนล็อกกุญแจห้องนอนตลอดแน่ ๆ”
ดิษยะที่กำลังจะเดินออกจากห้องครัวชะงักเท้าไว้ คิ้วเข้มขมวดมุ่น…นี่มันเรื่องอะไรกัน?...
เขามาทันประโยคที่มารุทบอกให้เรียวตะบอกอะไรสักอย่างกับเขา บอกอะไร? พ่อไปลงชื่ออะไรไว้ถึงทำให้เรียวตะจะต้องไป? ดิษยะตระหนักถึงความอันตรายที่แฝงอยู่ในบทสนทนานั้น เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกี่ยวข้องกับวันเปิดพินัยกรรมแน่ ๆ
เขาตัดสินใจเงียบเพื่อเก็บข้อมูลต่อแต่ปรากฎว่าทั้งสองคนนั่งนิ่งไม่พูดอะไรต่อเลยเขาจึงเดินลงน้ำหนักเป็นพิเศษแล้วแสร้งตีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คุกกี้รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ? เจ้านี้ผมเพิ่งลองซื้อมาครั้งแรกไม่รู้จะถูกปากกันมั้ย” เขานั่งลงที่เดิม
ทั้งสองส่งยิ้มให้เขาก่อนที่ทนายหนุ่มจะเป็คนกล่าวว่า
“ไม่เลวเลยครับ” มารุทยิ้มการค้า “เอ้อ เมื่อครู่เรียวตะสั่งพิซซ่าไปแล้วนะครับเดี๋ยวผมช่วยออกครึ่งหนึ่ง” ทำท่าจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาแต่เขาห้ามไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยงเองถือว่าเป็นการขอบคุณที่คุณช่วยดูแลเรียวตะ”
ทนายหนุ่มยังคงยิ้มน้อย ๆ แต่มุมปากกระตุกตอนที่เขาเอ่ยคำว่าดูแลออกไป
คงจะสงสัยว่าเขาได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่หรือไม่จึงถามกลับมาว่า “ทำไมคุณดิษยะถึงคิดว่าผมดูแลเรียวตะล่ะครับ?”
“ถ้าไม่สนิทระดับนึงผมไม่คิดว่าเรียวตะจะเรียกคุณว่าพี่หรอกครับ” เขากล่าว “ถึงขนาดเรียกทั้งพี่ทั้งชื่อเล่นผมเลยคิดเอาเองน่ะครับว่าพวกคุณคงสนิทกันพอควร”
เรียวตะที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกล่าวขึ้นว่า “ใช่ครับ พี่แซ็คทำงานกับพ่อมาตั้งแต่ผมยังเด็กเลยสนิทกันน่ะครับ”
ดิษยะร้องอ้อ ยิ้มแบบธุรกิจส่งให้มารุท “ถ้าอย่างนั้นผมก็วางใจหน่อยว่าน้องผมมีคนดูแล ขอบคุณนะครับ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองกลับมาที่เขาอย่างครุ่นคิดทว่าเขาไม่สนใจหันไปชวนน้องชายคุยแทนถึงเรื่องทั่ว ๆ ไปเช่นโรงเรียนและคณะที่อยากจะเข้าจนกระทั่งพิซซ่ามาส่ง
บทสนทนาระหว่างพวกเขาตลอดมื้ออาหารเป็นไปอย่างราบรื่นหากนั่นเป็นเพียงในความรู้สึกของเรียวตะเท่านั้น สำหรับชายหนุ่มสองคนต่างรู้ว่ามันเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
หลังทานอาหารเสร็จเตรียมจะกลับไปมารุทก็บอกให้เรียวตะไปรอที่รถก่อนแล้วจึงหันมาคุยกับเขาด้วยสายตาจริงจัง “ถ้าคุณอยากจะรู้ความจริงก็โทรมาหาผมคืนนี้ตอนสองทุ่มแล้วกันครับ แต่ถ้าไม่…ผมก็จะถือว่าคุณไม่สนใจในพินัยกรรม” ทนายหนุ่มเว้นช่วง “และเรียวตะจริง ๆ”
แล้วทั้งสองก็จากไปทิ้งให้ดิษยะตกอยู่ในห้วงความคิดเพียงลำพัง
แก้ไขล่าสุดโดย ฟ้าแลบ เมื่อ Sun Apr 20, 2014 1:00 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ฟ้าแลบ- นักเขียน
- จำนวนข้อความ : 23
Join date : 01/04/2014
Re: Zero-sum game 2 - 40%
คุณทนายนี่ดูทันคนนะ
ทันความคิดของพี่เร็นจริงๆ
กะแอ้มน้องป่ะเนี่ยยยยย
ทันความคิดของพี่เร็นจริงๆ
กะแอ้มน้องป่ะเนี่ยยยยย
13cotton13- นักอ่าน
- จำนวนข้อความ : 129
Join date : 03/04/2014
Re: Zero-sum game 2 - 40%
จบได้แบบลงแดงมาก T^T
ปมหลายๆอย่างกำลังโผล่มา
รีบกลับมาต่อเร็วๆนะคะ
เดาว่าคนที่เจอเรียวตะคือแอลหรือเปล่าคะ
ปมหลายๆอย่างกำลังโผล่มา
รีบกลับมาต่อเร็วๆนะคะ
เดาว่าคนที่เจอเรียวตะคือแอลหรือเปล่าคะ
Sier- นักอ่าน
- จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|