กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 3

3 posters

Go down

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 3 Empty ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 3

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Fri Jun 13, 2014 10:18 am

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ 3



มือแกร่งปาดเจลจำนวนมากลงบนเส้นผมสีดำขลับ แล้วลูบปาดไปมาจนมันเรียบเสมอกัน ร่างสูงยืนนิ่งไปสักครู่แล้วลองโยกศีรษะราวกับเป็นนักร้องวงร็อคชื่อดังแต่กระนั้นเส้นผมกลับไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เขายกยิ้มอย่างพอใจ แว่นตากรอบหนาสีดำถูกสวมลงบนใบหน้าโค้งมนได้รูป เขาหลิวตาเล็กน้อยให้คนในกระจกเล็กน้อย ก่อนจะเดินสาวเท้ายาวๆ ไปหน้าประตู สวมรองเท้าหนังสีดำที่ถูกขัดจนขึ้นเงาแล้วเดินออกจากห้องไป
 
ตลอดทางที่เดินจากหอพักไปยังตัวมหาวิทยาลัยชายหนุ่มต้องรับไหว้จากเด็กปีหนึ่งจำนวนมาก จนแทบอยากจะหาเชือกมามัดมือตัวเองเอาไว้ในท่าพนมเป็นการรับไหว้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
 
เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มซึมออกมาจากใต้ผิวหนังชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งอ่อนก็มาถึงตึกของคณะที่อยู่เกือบท้ายสุดของมหาวิทยาลัยพอดี เขาเดินตรงไปซื้อน้ำเปล่าเย็นเฉียบที่ร้านประจำหลังคณะ ก่อนจะปลีกตัวไปนั่งอยู่ในสวนบริเวณคณะที่ห่างไกลจากสายตารุ่นน้อง
 
 
“ไอ้นพ!! มึงมานั่งหลบเด็กเหรอว่ะ!!!” ความดังของเสียงตะโกนที่ดังเข้าไปในหูทำเอาคนที่นั่งตัวแข็งอยู่ถึงกับสะดุ้งจนสุดตัว ขณะที่คนขี้แกล้งได้แต่ยืนหัวเราะงอหายอยู่ข้างๆ ด้วยความสะใจ มือยาวตรงรี่เข้าไปหมายจะจัดการเพื่อนตัวแสบ สายตากลับเหลือบไปเห็นเด็กปีหนึ่งเดินผ่านมาพอดี มือยาวๆ คู่นั้นจึงจำใจเปลี่ยนมาเป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อคลายความเมื่อยล้าแทน
 
“ฮ่าๆๆๆ คำว่าหน้าที่มันค้ำคอมึงเลยทำอะไรกูไม่ได้ล่ะสิ นี่ๆ ปีหน้ามึงไปขอพี่เขาเป็นพี่ระเบียบอีกนะ กูชอบ!!” สายตาดุตวัดมามองเพื่อนตัวเล็กที่ยืนหัวเราะอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะส่งเสียงเย็นลอดไรฟันออกมา
 
“สัด!! มึงชอบก็ไปเป็นเองสิ” นพคุณเหล่ตามองเพื่อนที่พกส่วนสูงมาไม่ถึง 170 ที่ยังคงปล่อยเสียงหัวเราะออกมาทำลายโสตประสาทอย่างต่อเนื่อง
 
“ไอ้นล กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้ามึงไม่มานั่งดีๆ มึงจะไม่มีโอกาสได้นั่งอีกต่อไป”
 
“ก็ได้ๆ เป็นไง กูนั่งเรียบร้อยเหมาะกับการเป็นเพื่อนพี่ระเบียบยัง?” อาคิราพุ่งตัวมานั่งบนโต๊ะ ส่งยิ้มแป้นแล้นไปมา ถึงแม้ในสายตาคนอื่นอาจจะดูน่ารัก แต่ในสายตานพคุณมันกลับดูน่าตบให้คว่ำเสียไม่มี
 
“เฮ้ยๆ นพ มึงเอาสถิติมาให้กูลอกหน่อยดิ ลืมทำว่ะ” คนตัวเล็กส่งเสียงแหลมขึ้นมาอย่างตกใจ รีบเปิดหนังสือเตรียมพร้อมพลางเอื้อมมือตรงไปข้างหน้า
 
“โทษครับ มึงเคยคิดจะทำด้วยตัวเองมั่งไหมว่ะ?
 
“คิด แต่กูไม่ทำ!” อาคิราลอยหน้าลอยตาตอบเพื่อนที่ Learning By Sleeping มาด้วยกันแต่ดันได้คะแนนระดับต้นๆ ของสาขาเสียอย่างนั้น แตกต่างจากเขาที่ยึดหลักความพอเพียง เกรดในแต่ละเทอมจึงพ้นเส้นตายมาไม่มากนัก
               
“มึงก็รู้ว่ากูโง่เลข อย่าเล่นตัวน่ะห่านี่ เอามาเร็วๆ เดี๋ยวกูลอกไม่ทัน” มือเล็กนุ่มนิ่มพยายามแย่งชิงสิ่งของที่ตนเองต้องการจนนพคุณต้องรีบหยิบให้อย่างช่วยไม่ได้ เพราะกลัวว่ากระเป๋าตัวเองจะกลายเป็นซากไปเสียก่อนถ้าตกอยู่ในมือคนตัวแสบข้างหน้า
 
“แล้วตอนสอบมึงจะทำไงว่ะ?
 
“ถามอะไรโง่ๆ ก็ลอกมึงไงไอ้นพ!” อาคิรามองหน้าคนถามอย่างเอือมระอา แล้วก้มหน้าก้มตากับสิ่งที่กำลังจะตัดสินชะตาชีวิตของเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
 
 
 
 
ไม่รู้จะบอกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีที่มีพี่ระเบียบระดับเฮดตามมาจัดระเบียบให้กับรุ่นน้องในสาขาแบบนี้ สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณพลางเอ่ยเสียงดังเมื่อเห็นนิสิตปีหนึ่งบางคนเดินเอื่อยเฉื่อยเข้ามายังสนามหญ้าที่มีแสงของดวงอาทิตย์แผดจ้าอยู่ด้านบน
 
“พวกคุณทุกคนจะต้องคุกเข่ารอเพื่อนจนกว่าพวกเขาจะมากันจนครบ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าพวกที่เดินเข้ามานี่เป็นเพื่อนของพวกคุณหรือไม่ แต่ถ้าใช่เขาคงไม่สนใจความลำบากที่พวกคุณต้องเผชิญอยู่” ยังไม่ทันสิ้นเสียงดีคนที่เดินอยู่ก็รีบเปลี่ยนเป็นวิ่งแทบจะทันที เพราะพวกเขารู้ดีว่าพี่ระเบียบคนนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่หน้าดุ และเสียงที่ทรงอำนาจเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่สามารถสรรหาวิธีลงโทษที่แปลกประหลาดมาลงโทษพวกเขาได้อย่างไม่ยากเย็นเลย
 
ร่างสูงเดินตรงไปหยิบป้ายชื่อสาขาขึ้นมาชู แล้วเอ่ยถาม
 
“ใครเป็นหัวหน้าชั้นปีครับ?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งชูมือขึ้นมาพร้อมเอ่ยรับ นพคุณสาวเท้าเข้าไปหาอย่างเชื่องช้าพลางยื่นป้ายชื่อสาขาให้
 
“ในฐานะที่คุณเป็นหัวหน้าชูป้ายชื่อสาขาเอาไว้จนกว่าเพื่อนของคุณจะมาครบ ตราบใดที่พวกคุณยังไม่สามารถทำให้เพื่อนของพวกคุณมาเข้าร่วมประชุมได้ครบ โทษของพวกคุณก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่สนใจว่าคุณจะใช้วิธีไหน แต่คุณต้องทำให้เพื่อนของพวกคุณมาเข้าร่วมประชุมจนครบทุกคนให้ได้ ทราบไม่ทราบ!” เสียงเข้มเอ่ยช้าๆ ราวกับจะเน้นทุกถ้อยคำให้ติดตรึงเข้าไปภายใน
 
“ทราบค่ะ/ทราบครับ” เด็กปีหนึ่งที่นั่งอยู่ตอบรับก่อนจะกลับไปก้มหน้ามองผืนหญ้า บางคนก็ถอนหายใจออก บางคนก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายออกมาอย่างไม่ปิดบัง
 
ถึงแม้ว่าคราวที่แล้วพวกเด็กขาประจำจะถูกสั่งให้คลานลอดท้องพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นรูปช้างต่างขนาดตามจำนวนคนที่ไม่เข้าประชุม แต่ถึงกระนั้นคนที่เห็นแก่ตัวและไม่เคยสนใจความลำบากของเพื่อนก็ยังคงมีอยู่ดี ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน ใช่ว่ารุ่นเขาจะไม่มีคนแบบนี้เสียเมื่อไหร่ แต่นพคุณก็ยังแอบหวังให้ทุกๆ คนในสาขานึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนอยู่ดี เขาอยากให้คนที่เอาแต่ความสบายของตัวเองเข้าว่าได้รับรู้ว่าการกระทำอันไร้ความรับผิดชอบของตนเองส่งผลให้คนอื่นเดือดร้อนขนาดไหน
 
 
หยาดเหงื่อจำนวนมากหยดลงผืนหญ้าเขียวขจี ความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณหัวเข่าแล่นปราบจนต้องเม้มริมฝีปากเป็นระยะๆ แขนแกร่งที่เคยถือป้ายชื่อสาขาเอาไว้อย่างมั่นคงเริ่มมีการสั่นไหวให้เห็น เสียงเข้มถึงได้ยอมเอ่ยเลิกประชุม ไม่วายทิ้งท้ายด้วยเสียงเย็นๆ เอาไว้อีกประโยค
 
“ผมหวังว่าเย็นนี้จะได้เห็นปีหนึ่งสาขาจิตวิทยาเข้าห้องประชุมครบทุกคนนะครับ สวัสดีครับ”
 
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับ” เด็กปีหนึ่งตอบรับแล้วแยกย้ายกันไปอย่างเหนื่อยอ่อน
 
 
 
 
 
ร่างเล็กของเฮดกองสันทนาการได้แต่ยืนทอดถอนหายใจด้วยความเสียดายอยู่บริเวณประตูด้านข้างของมหาวิทยาลัยหลังเอ่ยปฏิเสธเพื่อนรักที่จะเดินมาส่ง ใจหนึ่งก็ไม่อยากรบกวนเพื่อนที่อยู่คนละทาง แต่อีกใจก็ไม่อยากเดินกลับหอเพียงลำพัง
 
เสื้อสีขาวหลุดออกมาอยู่นอกกางเกงสีดำแนบไปตามลำตัวเพรียวบาง มือเรียวเสยผมชื้นเหงื่อที่ลงมาปรกหน้าออก สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างตัดสินใจได้แล้วออกเดินไปตามทางที่ค่อนข้างมืดมิดอย่างอ่อนแรง แทนการเดินไปตามทางที่สว่างแต่กว่าจะถึงหอต้องใช้เวลานานกว่าเส้นทางสายนี้ถึงสองเท่า
 
เจนจบเคยพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่ด้วยความที่เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง และมักมีปัญหากับการนอน ทั้งจากแสง หรือเสียงที่เข้ามากระทบ ทำให้การต้องอยู่อาศัยกับเพื่อนอีกสามคนภายในห้องเดียวกันเป็นปัญหากับเจนจบเป็นอย่างมาก แค่เสียงทีวี หรือเสียงพูดคุยเพียงแผ่วเบาก็ทำให้เขาไม่สามารถหลับได้อย่างเป็นสุขแล้ว นอกจากนี้มันยังส่งผลต่อการทำงานส่งอาจารย์ และการอ่านหนังสือเตรียมสอบ จนในที่สุดเจนจบต้องร้องขอกับผู้เป็นแม่ และยอมให้หักเงินค่าขนมบางส่วนมาเป็นค่าหอเขาถึงได้ย้ายออกมาอยู่หอพักเพียงคนเดียวอย่างที่ต้องการ
 
ดวงตาเรียวลอบมองข้างทางไปตลอดเวลา พลางนึกกล่าวโทษนิสัยรักสันโดษของตนเองที่ทำให้ต้องมาเช่าหออยู่ห่างไกลมหาวิทยาลัยแบบนี้ แต่กระนั้นก็แลกมาด้วยห้องที่มีขนาดค่อนข้างกว้างและราคาที่ถูกกว่าหอพักที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอย่างมาก
 
ขาเรียวทั้งสองข้างพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มกำลังเพื่อจะได้ผ่านพ้นทางแห่งนี้ไปเสียที พลางสาปแช่งเหล่าพี่ๆ กองสันฯ ที่ให้อยู่ซ้อมเสียจนดึกกว่าทุกวัน ขณะที่สายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นยืนดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ควันขโมงกันอยู่เบื้องหน้าใต้เสาไฟที่ส่งแสงเรืองๆ ออกมา ขาทั้งคู่หยุดชะงักแทบจะทันที ขณะที่ยืนตัดสินใจว่าจะเดินต่อไป หรือย้อนกลับไปทางเดิมดีวัยรุ่นเหล่านั้นก็หันมาเห็นเข้าเสียก่อน วันรุ่นคนหนึ่งเดินตรงรี่เข้ามาหา แล้วพวกที่เหลือก็เดินตามกันมาราวกับได้กลิ่นของเหยื่อที่ไร้หนทางสู้
 
“พวกนายต้องการอะไร? เงินเหรอ? ฉันมีอยู่แค่นี้เองนะ” เจนจบพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น พลางสาวเท้าถอยหลังไปเรื่อยๆ ขณะโบกแบงค์สีเขียวในมือไปมาตามประสาคนที่ไม่ค่อยพกเงินไว้กับตัวเยอะๆ 
 
“ยี่สิบบาทเหรอ? พวกเราไม่ต้องการหรอก แต่อยากได้คนกินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อย” พวกวัยรุ่นหัวเราะอย่างย่ามใจ
 
“พวกนายไปหาคนอื่นดีกว่านะ ฉันกินเหล้าไม่เป็นหรอก แล้วก็ เอ่อ… พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าด้วย โทษทีที่อยู่กินด้วยไม่ได้ ขอตัวก่อนนะ” พูดจบร่างเล็กก็กลับตัววิ่งเต็มฝีเท้ากลับไปยังทางที่มืดมิดสายนั้น
 
“จับมันไว้!!” วัยรุ่นคนหนึ่งเอ่ยร้องเสียงดัง แล้วเสียงฝีเท้าจำนวนมากก็ดังแว่วเข้ามาให้ได้ยิน เสียงนั้นค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลบเสียงหัวใจที่เต้นระรัวไปหมด
 
เจนจบวิ่งเร็วที่สุดในชีวิตเท่าที่เท้าทั้งสองข้างจะทำได้ แต่แล้วกลับถูกแรงมหาศาลดึงเอาไว้เสียก่อน สัมผัสกระด้างและเย็นเยียบบริเวณปากทำให้เขาไม่สามารถจะส่งเสียงใดๆ ออกไปได้ นอกจากเสียงครางอือในลำคอ
 
“เงียบซะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นที่บริเวณใบหู พร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่ไม่ไกลกลับยิ่งทำให้คนที่ถูกดึงรั้งยิ่งออกแรงขัดขืน แต่กระนั้นมันกลับทำได้เพียงแค่สร้างความรำคาญให้เจ้าของแขนแกร่งเสียมากกว่าเสียงดุจึงแว่วมาให้ได้ยิน
 
“อย่าดื้อได้ไหม อยู่นิ่งๆ” เสียงฝีเท้าที่จำนวนมากที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนตัวเล็กเผลอกลั้นลมหายใจแล้วดันตัวไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว อย่างไรซะสู้กับคนคนเดียวก็คงมีโอกาสรอดได้มากกว่า
 
จวบจนกระทั่งเสียงฝีเท้าค่อยๆ เบาลงไปแรงดึงรั้งจึงผ่อนลง เปิดโอกาสให้คนในอ้อมกอดมีโอกาสได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนักแต่ก็สามารถบอกได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
 
“นาย!” เจนจบมีโอกาสได้เพียงแค่ส่งเสียงออกมาเพียงคำเดียวเท่านั้น ก่อนจะโดนคนที่สูงกว่าจับข้อมือเอาไว้จนแน่นแล้วออกแรงลากให้เดินตามไป ทั้งคู่เดินมาได้เพียงไม่นานนักก็พบกับแสงสว่างตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนจำนวนมากยังคงเดินเลือกซื้อหาของกินของใช้กันตามอัธยาศัย ข้อมือที่จับกุมมาตลอดจึงขืนออกโดยอัตโนมัติ คนตัวสูงกว่าเหล่ตามองเล็กน้อยแล้วพยักเพยิดหน้าราวกับจะให้คนตัวเล็กออกเดิน
 
เจนจบเดินนำหน้าโดยมีร่างสูงคอยเดินตามหลังมาอย่างเงียบเชียบราวกับบอดี้การ์ด จนกระทั่งตึกทรงสูงปรากฏขึ้นตรงหน้าเจนจบก็หยุดฝีเท้าลงแล้วหมุนตัวกลับมาหาอีกฝ่ายที่เดินมาเป็นเพื่อนตลอดทาง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรร่างสูงก็เตรียมจะหมุนตัวกลับไปยังทางที่จากมาจนร่างบางต้องรีบคว้าข้อมือเพื่อรั้งเอาไว้เสียก่อน ร่างสูงจึงหันกลับมาอีกครั้ง  คิ้วเข้มๆ ขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ดวงตาดุๆ ที่จ้องมองมาทำเอาคนรั้งถึงกับเอ่ยตะกุกตะกัก
 
“เอ่อ… ขอบคุณที่ช่วยแล้วก็เดินมาเป็นเพื่อนนะ” ร่างสูงพยักหน้าส่งๆ
 
“แล้วหอนายอยู่ไกลไหม ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลา”
 
“ไม่เป็นไรหรอก รีบๆ เข้าไปเหอะมันเริ่มดึกแล้ว” เจนจบพยักหน้ารับ ก่อนจะตะโกนไล่หลังอีกฝ่ายที่เริ่มออกเดิน
 
“เอ่อ… ฝันดีนะ! แล้วก็กลับหอดีๆ ล่ะ!!” นพคุณทำเพียงแค่ยกมือให้แล้วก้าวเท้าเดินไปตามทาง
 
 
 
หลังแทรกตัวเข้ามาในห้องตนเองได้เจนจบก็แทบจะคลานขึ้นไปบนเตียง เขาถอดเสื้อนักศึกษาสีขาวที่มีรอยเปื้อนเล็กน้อยไว้บนพื้นแล้วทอดตัวลงบนเตียง ทันทีที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสลงบนเตียงเจนจบที่ปกติเป็นคนหลับยากกลับเข้าสู่ห้วงนิทราแทบจะในทันที ด้วยตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอนแสงไฟจ้าจึงยังคงเปิดคางเอาไว้แต่กระนั้นแสงดังกล่าวกลับไม่เป็นอุปสรรคในการนอนของเจนจบในครั้งนี้แม้แต่น้อย
 

ในขณะที่เจนจบจมจ่อมอยู่ในห้วงนิทราอย่างเป็นสุข เขากลับไม่มีทางรู้เลยว่าไฟดวงเล็กๆ ที่ไม่ได้ปิดในคืนนั้นจะทำให้ใครอีกคนแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน








--------------------------------------
ชีวิตช่วงนี้วุ่นวายมากค่ะ ยังคงป่วยอยู่เรื่อยๆ อีก แต่งมาแบบมึนๆ งงๆ และถามว่าจะแต่งเรื่องนี้จบทันไหม ไม่แน่ใจเลยสักนิด TOT ฮืออ
น้อมรับคำติชมค่ะ ^^
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 3 Empty Re: ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 3

ตั้งหัวข้อ by memoapp Sat Jun 14, 2014 9:30 pm

ทำไม่หละเปิดไฟทิ้งไว้ ถึงกับให้คนแถวนั้นนิรไม่หลับเลยรึ
เป็นพวกแอบส่องรึป่าวเนี้ย สงสัยๆ

memoapp
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 46
Join date : 04/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 3 Empty Re: ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 3

ตั้งหัวข้อ by Sier Tue Jun 24, 2014 3:44 pm

มีตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ว >_<

ปล. ต่อนี้สั้นจังเลยอะคะ T^T

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ