กิจกรรมสร้างงานให้เป็นเล่ม
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Latest topics
» Who’s the KING? } 16 [END]
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:30 pm

» Who’s The KING? } 15 - Special part form Pramuk.
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:25 pm

» Who’s the KING? } 15
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:23 pm

» Who’s the KING? } 14
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:09 pm

» Who’s the KING? } 13
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 8:01 pm

» Who’s the KING? } 12
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:50 pm

» Who’s the KING? } 11
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 6:40 pm

» Who’s the KING? } 10
by เลื่อมประภัสสร Sat Aug 09, 2014 5:59 pm

» Who’s the KING? } 9
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:39 pm

» Who’s the KING? } 8
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:31 pm

» Who’s the KING? } 7
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 2:19 pm

» Who’s the KING? } 6
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 1:49 pm

» Who’s the KING? } 5
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:57 am

» Who’s the KING? } 4
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #2 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:26 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /ตอนพิเศษ #1
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:13 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /14 (จบ)
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 11:03 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /13
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:54 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /12
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:43 am

» ขอโทษที...คนนี้พี่จองแล้ว /11
by น้ำไหล Wed Jul 30, 2014 10:33 am


ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2

2 posters

Go down

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2 Empty ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Thu May 29, 2014 10:43 pm

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2



                เสียงลมหายใจถูกสูดเข้าปอดดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจะปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาเรียวมองไปรอบห้องที่เปิดไฟสว่างจ้า มือเรียวขยี้ผมตัวเองจนยุ่ง ส่งเสียงครางอือในลำคอเมื่อเห็นเข็มสั้นสีดำบนตัวเรือนชี้อยู่ที่เลขสอง
 
                เขาผลุดลุกขึ้นแล้วสาวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมปอยผมด้านหน้าที่ถูกมัดจนเป็นจุก ใบหน้าเนียนมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่จนทั่ว เสื้อยืดตัวเก่งถูกเลิกขึ้นจนสูง ก่อนจะปรากฏร่องรอยเปียกชื้นเป็นดวงๆ แล้วแว่นตากรอบดำอันโตก็กลับเข้าที่ของมันอีกครั้ง
 
                มือเรียวผลักประตูมุ้งลวดจนมันเปิด แล้วแทรกตัวผ่านช่องว่างนั้นออกมา ดวงตาเรียวมองไปยังความมืดมิดรอบกาย มีเพียงแสงไฟสลัวๆ ที่เล็ดลอดผ่านผืนผ้าม่านของห้องตรงข้ามกันเท่านั้น คิ้วได้รูปจึงทำการขดตัวเข้าหากันอีกครั้ง ในขณะที่คนอื่นหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรารมย์ แต่เขากลับไม่สามารถทำมันได้เสียที
 
                เขายืนมองบรรยากาศโดยรอบอยู่ชั่วครู่ สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดหมายมั่นจะเปล่งเสียงออกมาเพื่อระบายความอึดอัดที่อยู่ภายใน แต่สุดท้ายเขากลับทำเพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปเผชิญความจริงอีกครั้ง
 
                “ลุงคิมใจร้าย!” คนที่ยืนมองหนังสือที่เต็มไปด้วยอักขระแปลกประหลาด และรอยปากกาหลากสีสันเอ่ยบ่นออกมา เขาทรุดตัวลงนั่งที่เดิม แล้วเริ่มขีดๆ เขียนๆ พลางเอ่ยท่องบางอย่างที่จับใจความไม่ได้ ทำวนเวียนอยู่อย่างนั้นจวบจนเข็มสั้นขาประจำชี้ที่เลขสามพอดิบพอดีจึงลากสังขารที่อิดโรยไปนอนแผ่หลาบนเตียงได้สำเร็จ
 
                ขาเรียวเหยียดตรงไปยังปุ่มสีขาว นิ้วเล็กๆ ไขว่คว้าหาสิ่งนั้นราวกับโหยหามานาน ทันทีที่ได้สัมผัสความมืดมิดก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง เจ้าของห้องรีบร้อนเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ภายในเวลาไม่กี่นาที
 
 
 




 
 
                ดวงตาเรียวทำหน้าที่ล็อกเป้าหมาย สองขาขยับเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัว แล้วลงมือขั้นสุดท้ายเพื่อจัดการ
 
                “ฮ่าๆๆๆ ไอ้วินมึงหยุดนะ ฮะๆ ไม่งั้นกูจะฟ้องจารย์คิมว่า แจอิน ฮะๆๆ แอบเอางานไปส่งหลังเส้นตาย ฮ่าๆ” มือเรียวหยุดค้างที่เอวแกร่งชั่วครู่ราวกับเสียดาย ก่อนจะยอมถอยทัพออกมาแต่โดยดี
 
                “เหอะ เรื่องแค่นี้ทำเป็นจะฟ้องจารย์ ไอ้ขี้หูเอ้ย!” บ่นเสร็จเจ้าตัวก็ทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้ที่อยู่ตรงกันข้าม เพราะรู้ว่าเพื่อนตัวโตก็แค่แกล้งขู่ไปอย่างนั้น มือเรียวจึงหยิบหนังสือเล่มโตขึ้นมากางบนโต๊ะ
 
                “กูจะฟ้องจารย์ด้วยว่ามึงเรียกกูว่าขี้หู มึงเอาชื่อที่จารย์แกตั้งใจคิดมาทำบ่นบี้แบบนี้ มึงโดนแน่ครับไอ้แจอิน” อีกฝ่ายยกไหล่ขึ้นพลางทำหน้ายียวนอย่างเหนือกว่า ปิดท้ายด้วยการหยักคิ้วเข้มๆ นั้นให้อีกสองสามที
 
                “ตัวยังกะยักษ์วัดแจ้ง เสือกขี้ฟ้องยิ่งกว่าเด็กอนุบาล… ก็ได้ๆ คุณชายฮีอู ฮีอูนิม ได้โปรดอย่าไปฟ้องท่านอาจารย์ที่รักเลยนะ แค่ต้องสอบวิชาแกเกือบจะทุกคาบประสาทก็จะแดกแล้วเนี่ย” คนพูดทำหน้าเบื่อโลกตามประสาคนเรียนภาษาศาสตร์ เนื่องจากเป็นสาขาที่มีการสอบย่อยบ่อยพอๆ กับการเรียน แถมคะแนนเก็บก็ไม่ค่อยมี สิ่งที่หวังพึ่งและจำเป็นต้องพึ่งจึงมาจากคะแนนสอบเสียเกือบทั้งหมด
 
                “เห็นมึงบ่นทุกที แล้วก็ได้เกือบเต็มทุกทีไม่ใช่เหรอว่ะครับคุณแจอินผู้มีปัญญา” เพื่อนรักเอ่ยประชด
 
                “ห่ารากกูก็อ่านหนังสือป่ะครับ ไม่ได้ทำตัวขี้เกียจล่องลอยไปวันๆ เหมือนมึงนี่ หลี่สาวไปทั่ว” คนพูดพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะคนอื่นๆ ในสาขาก็มักจะคิดแบบเดียวกับเพื่อนรักของเขาที่คิดว่าเขาเก่ง แต่จริงๆ แล้วเขาไม่เก่งเลยสักนิดจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวทั้งเรื่องการเรียน และกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ เพียงแต่ว่าไม่ค่อยมีใครเห็นถึงความพยายามนั้นหรอก เพราะพวกเขามักเห็นแค่ผลลัพธ์สุดท้ายเท่านั้น
 
                “พอๆ ตัดสัญญาณการสื่อสารชั่วคราวกูจะอ่านทวนนี่ยังจำไม่ได้เลย มึงก็อ่านเข้าเดี๋ยวทำคะแนนของลุงได้ต่ำกว่าเกณฑ์มึงซวยแน่ครับคุณเยน” หลังการสื่อสารถูกตัดขาดทั้งคู่ก็เข้าสู่โลกของตนเองจวบจนกระทั่งชายวัยกลางคนเดินออกมาจากลิฟต์ตัวเก่าที่ดูท่าวันนี้จะไม่ศักดิ์สิทธิ์พอทีจะขังคุณลุงแกเอาไว้ข้างในได้อย่างที่นิสิตหลายคนหน้าห้องสอบภาวนา
 
 
 






 
                “เยนนนนนน กูหิว ทั้งเรียนทั้งสอบเหนื่อยจะตายห่า ดูดิสมองแม่งลีบหมดแล้วเนี่ย” คนที่พึ่งออกมาจากห้องส่งเสียงโหยหวนพลางยื่นหัวเข้าไปใกล้ๆ เพื่อนร่างสูงจนโดนผลักออกมา
 
                “อ่อนแอเหลือเกินนะมึงอ่ะ ทีเมื่อคืนเต้นซะยังกับโดนอะไรเข้าสิ่ง เอ้า วันนี้อยากแดกอะไรครับคุณชาย?”
 
                “ข้าวราดผัดผักบุ้งหมูกรอบ ร้านป้ามึนนะ”
 
                “มึงไม่เบื่อเลยใช่มะ แล้วไง?... กูอีกสิ” คนถูกถามพยักหน้าหงึกหงักพลางฉีกยิ้มกว้าง
 
                “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า อีกอย่างค่าโทรศัพท์ก็ยังไม่ได้เติมด้วย นะครับพี่เยนสุดหล่อ พ่อรวย ถูกหวยทุกงวด” เยนมองเพื่อนรักอย่างระอาแล้วหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาเพื่อโทรไปสั่งอาหารเอาไว้ก่อน
 
 
 
 
 
 
 
                “เยนมึงว่ามะ เดี๋ยวนี้กูทำตัวสถุนเก่งขึ้นเยอะเลยนะ” คนพูดยกยิ้มอย่างภาคภูมิ
 
                “ก็ดูด้วยครับว่าคนสอนเป็นใคร แต่กูว่าเดี๋ยวนี้มึงชักจะสถุนกว่ากูล่ะ นานาสัตว์พุ่งมาหากูตลอดนะครับท่านวิน”
 
                “แหมก็มึงสมควรได้รับอ่ะ กูพูดแบบนี้แค่กับมึงเลยนะเยน เพราะมึงมันสถุนตัวพ่อ” มือเล็กๆ ตบไหล่คนตัวสูงกว่าดังป้าบ คนโดนตบได้แต่ปัดมือทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแล้วเอ่ยขึ้น
 
                “ขอโทษ ถึงกูจะสถุนกูก็สถุนอย่างมีสกุลเว้ย ไอ้สัดนี่ด่าผู้มีพระคุณของมึงได้ไงว่ะ” เพื่อนร่างสูงเขม่นตามอง
 
                “ขอโทษคร้าบพี่เยน แต่จะว่าไปหน้าอย่างมึงนี่ไม่เหมาะกับกองสันฯ เลยจริงๆ นะ โดยเฉพาะสันดานโฉดๆ อย่างมึง แทนที่จะไปเป็นพี่ระเบียบเสือกอยากเป็นพี่สันฯ ซะอย่างนั้น”
 
                “หน้าไม่ให้แต่ใจรักมึงเข้าใจป่ะ เห็นงี้เด็กก็ติดกูตรึมนะครับ เรื่องอะไรกูจะไปนั่งปั้นหน้าตายเหมือนไอ้พวกพี่ระเบียบให้เมื่อยตุ้มว่ะ” คนพูดถกแขนเสื้อขึ้นด้วยความร้อน แล้วใช้หนังสือที่อยู่แถวนั้นต่างพัด ก่อนจะโดนคนตัวเล็กกว่าแย่งไป
 
                “เออ อันนั้นกูเข้าใจ วันๆ แม่งทำตัวเหมือนคนโดนตัดเส้นประสาท ยิ้มสักนิดก็ไม่มี คำทักทายนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดินผ่านกูทำยังกะกูเป็นอากาศธาตุ แต่ที่กูไม่เข้าใจ กูมาเป็นเฮดกองสันได้ไง ทำไมไม่เป็นมึงว่ะเยน!” สิ่งเหล่านี้แทบจะถือเป็นตราบาปติดชีวิตของยอดชายวินไปตลอดกาล คนที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะเข้ากองสันฯ กลับต้องมาเต้นแร้งเต้นกาต่อหน้าประชาชีเป็นร้อยๆ แถมยังต้องเป็นเฮดตัวพ่อเสียอีก
 
                “ก็พี่เฟี๊ยสเขาปลื้มมึงซะขนาดนั้น แล้วสิทธิ์ขาดก็อยู่ที่พี่แก มีใครกล้าแหยมซะที่ไหนล่ะ เอาน่าทนๆ ไปเหอะไม่กี่เดือนเอง เฮ้ย ข้าวมาแล้วแดกเหอะเดี๋ยวต้องรีบไปเรียนเจ๊ยูต่อ” วินหันไปเอ่ยขอบคุณป้าเจ้าของร้านแล้วลงมือจ้วงอาหารที่ใช้เวลารอจนเกือบหมดเวลาพัก แต่ถึงอย่างนั้นสองหนุ่มก็มักจะมาใช้บริการร้านนี้อยู่บ่อยครั้งเพราะราคาที่ถูกและให้ปริมาณที่เยอะกว่าร้านอื่นๆ ที่สำคัญรสชาติยังถูกปากเป็นที่สุดอีกด้วย
 
 


 
 
 
 
                “เฮ้ยเยนเดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาช่วยเก็บของเข้าห้อง” พูดจบเจ้าตัวก็เดินออกไปจากห้องที่บรรจุเด็กปีหนึ่งเอาไว้จนเต็ม มือเรียวล้วงผ้าเช็ดหน้าลายหมีสีน้ำตาลขึ้นมาหมายจะเช็ดหยดเหงื่อที่เกาะอยู่บนใบหน้าด้วยความรำคาญ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนแรงมหาศาลลากเข้าไปในมุมมืดเสียก่อน สัมผัสเย็นวาบที่ข้อมือทำเอาคนถูกลากถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก รวบรวมความกล้าที่มีแล้วเอ่ยออกไป
 
                “จะทำอะไรปล่อยนะ!”
 
                “ไม่ปล่อย! เมื่อกี้นายทำอะไรไม่ทราบ?” ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นเอ่ยถามเสียงดุ
 
                “ทำอะไร ก็สันฯ น้องไง ผิดตรงไหน หรือนายเป็นพวกคิดว่าความสนุกสนานเป็นเรื่องผิดบาป” ปากพูดแจ่วๆ ขณะที่สมองกับสายตาก็พยายามมองหาหนทางรอดของตัวเอง
 
                “มันไม่ผิดหรอกถ้าความสนุกสนานมันไม่เกินขอบเขตที่มันควรจะเป็น คิดว่าสิ่งที่นายพูดในห้องประชุมนั้นฉันจะไม่ได้ยินงั้นสิ?”
 
                “เอ่อ… ได้ยินด้วยเหรอ”
 
                “แหม ขำๆ น่า ฉันก็พูดไปงั้นแหละ มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม? ฉันต้องไปเก็บของ” คนพูดพยายามเบี่ยงตัวออกมาจากหลืบเล็กๆ นั่น
 
                “ใครอนุญาตให้ไป!!” พูดยังไม่ทันจบร่างเล็กก็ลอยกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง
 
                “ดูท่านายจะไม่สำนึกในความผิดที่ตัวเองทำเลยสินะ ฉันขอเตือนถ้านายพูดถึงพี่ระเบียบแบบนั้นต่อหน้าเด็กปีหนึ่งอีก ฉันจะตอบแทนนายอย่างสมน้ำสมเนื้อเลยล่ะ”
 
                “อะไรว่ะ!! คิดว่าเป็นพี่ระเบียบแล้วมีอำนาจมากหรือไง? ถึงมาข่มขู่กันแบบนี้” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้ามองอย่างท้าทายด้วยความโมโห ร้อนก็ร้อน ปวดฉี่ก็ไม่ได้ไปฉี่อีก แถมไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะยอมจบเรื่องเมื่อไหร่
 
                ร่างสูงส่งเสียงฮึในลำคอพลางขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ คิ้วเข้มด้านซ้ายถูกยกขึ้นจนสูง
 
                “ข่มขู่เหรอ? ไม่ล่ะ ฉันไม่ถนัด แต่ถ้าให้ขย่มถนัดกว่าเยอะเลย”
 


 
 
 
 
                สัมผัสเย็นๆ บริเวณข้อมือจางลงไปมากแล้ว แต่กระนั้นความรู้สึกต่างๆ กลับยังติดตรึง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกเอ่ยเรียก
 
                “เฮ้ยไอ้วินมึงเอาวิญญาณไปทิ้งที่ห้องน้ำเหรอว่ะ! รีบๆ มาช่วยกันเก็บของดิจะได้รีบกลับไปนอน พรุ่งนี้มีซ้อมกองสันฯ ห้าโมงเย็น อย่าลืมนะมึง” ร่างบางพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนที่กำลังเก็บของเข้าชั้นอยู่ พลางพยายามไม่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่เรื่องเหล่านั้นกลับปรากฏขึ้นมาราวกับหัวเข็มของเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ตกลงไปร่องลึกและไม่มีสามารถจะปีนขึ้นมาได้ด้วยตัวของมันเอง





 Rolling Eyes เฮือกป่วยไม่เลิกราค่ะ ป่วยจนรำคาญตัวเอง ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอะไรนักหนา -*- งานการไม่ได้ทำเอาแต่นอนป่วย 
ฟิคก็เรื่อยๆ มาเรียงๆ ค่ะ สั้นแล้วยังช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน เนื้อเรื่องก็เรื่อยๆ เช่นกันค่ะ แหะๆ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ ^^
คำเตือน ฟิคนี้ไม่เหมาะแก่เด็กน้อยเพราะมีคำหยาบคายแฝงอยู่ และอาจจะมากขึ้นค่ะ หึหึ

* ความหมายชื่อของสองหนุ่มค่ะ
재인 (แจ-อิน) ผู้มีปัญญา
희우 (ฮี-อู) น้ำฝนที่เป็นคุณ ให้ความชุ่มฉ่ำหลังความแห้งแล้ง
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2 Empty Re: ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2

ตั้งหัวข้อ by Sier Thu Jun 05, 2014 3:25 pm

ขอสารภาพว่า 2 พารากราฟแรกอ่านรอบเดียวไม่เข้าใจคะ T^T
อ่านทวนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ จนต้องอ่านจบทั้งหมดแล้วกลับไปอ่านอีกรอบถึงพอจะรู้ว่าตกลงใครเป็นใคร

อยากให้มีปูบรรยายตัวละครสูงต่ำดำขาวประการใดก็ว่าไป

คุณเลื่อมประภัสสร ขยันมากค่ะ (มีมาตอนใหม่ๆมาให้อ่านตลอดเลย>_<)
รักษาตัวด้วยนะคะ ^^

ปล. อ่านจบก็ยังมึนๆว่า "นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม" ที่พูดถึงพารากราฟแรกเนี่ย วิน ใช่ไหมคะ?

Sier
นักอ่าน

จำนวนข้อความ : 107
Join date : 11/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2 Empty Re: ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ - 2

ตั้งหัวข้อ by เลื่อมประภัสสร Fri Jun 06, 2014 7:52 pm

แหะๆ ขอโทษค่ะ ^^ ใช่แล้วค่ะพาร์ทนี้พี่วินเหมาค่ะ 
ไว้คราวหน้าจะปรับปรุงให้ดีขึ้นนะคะ จินตนาการแต่กับภาพของตัวเองแล้วก็ล่องลอยไปเรื่อย
คิดเอาเองว่ามีภาพแล้ว พอตอนแต่งจริงๆ ก็เลยลืมนึกไปว่าพอมาอ่านคนอ่านเขาไม่เห็นภาพเหมือนเรา 
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ 

ป.ล. ก็ยังป่วยอยู่เหมือนเดิมเลยค่ะ ฮือออ เลยไม่ได้แต่งเพิ่มเลย
เลื่อมประภัสสร
เลื่อมประภัสสร
นักเขียน

จำนวนข้อความ : 192
Join date : 01/04/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ